Home » , » OH! MYGOD 'จารุณี' เครียดคิดฆ่าตัวตาย

OH! MYGOD 'จารุณี' เครียดคิดฆ่าตัวตาย

 OH! MYGOD 'จารุณี' เครียดคิดฆ่าตัวตาย (03/08/2001)

          บนถนนแห่งชีวิตทุกคนพยายามไขว่คว้าหาความสำเร็จและมุ่งหน้าไปให้ถึงจุดหมายปลายทางแต่จะมีสักกี่คนที่เดินผ่านขวากหนามชีวิตก้าวไปรับรางวัลแห่งความสำเร็จได้สมดังใจปรารถนา โดยไม่ผ่านอุปสรรคใดๆ นั้นเป็นไปไม่ได้เลย... 


          ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ชีวิตคือ การต่อสู้ เพื่อแลกมาซึ่งความสำเร็จ ทุกชีวิตจึงต้องผจญอุปสรรค จะมากจะน้อยแค่ไหน ก็แล้วแต่ บุญแต่กรรม!! เฉกเช่นเดียวกับชีวิตนางเอกสาวคนดัง "เปิ้ล-จารุณี สุขสวัสดิ์" กว่าจะถึงวันที่ก้าวขึ้นสู่บัลลังก์ "นางเอก"  ได้ใครจะรู้บ้างว่าเธอกระเสือกกระสนวิ่งหนีความจนแทบกระอักเลือด 

          แต่อย่างว่าชีวิตมีขึ้นก็ย่อมมีลง ยิ่งปัจจุบัน  มีนักแสดงหน้าใหม่มากความสามารถหมุนเวียนสับเปลี่ยนเข้ามาลิ้มลองรสหวานแห่งวงการมายา เป็นผลให้ดาวเก่าๆ มีอันต้องหรี่แสงลง ซึ่งหนึ่งในนั้นก็รวมเอานางเอกเงินล้าน อย่าง "เปิ้ล-จารุณี สุขสวัสดิ์" เข้าไปด้วย

          เชื่อหรือไม่ว่า ผู้หญิงนักสู้อย่าง "เปิ้ล" เคยคิดอยากจะฆ่าตัวตาย เพราะรับไม่ได้กับสภาพดาวอับแสง ที่นับวันจะมีงานน้อยลงเรื่อยๆ

          "ตอนนี้ก็ถือว่ามีงานมากขึ้น หลังจากเว้นช่วงมานานพอ "เอ็กแซ็กท์"  ติดต่อเข้ามา ได้อ่านบทแล้ว ดีมากก็เลยตัดสินใจรับ ถึงวันนี้คงจะมาเลือกบท ไม่ได้แล้ว  ฉะนั้นถ้ามีอะไรมาให้เล่นก็รับเล่นไปเถอะ ตอนนี้วันเวลามันเปลี่ยนไปตามวัย บทของเราก็จะต้องมีหลากๆ กันไป จะมาเลือกว่าบทนี้ฉันไม่เล่นหรอก ไม่เห็นเป็นตัวเดินเรื่องเลย หรือฉันจะเล่นบทแบบนี้ ช่วยหาให้ฉันหน่อย ตอนนี้คงทำไม่ได้แล้ว 

          เวลาเปลี่ยนไป เขาให้บทอะไรมา เราก็ต้องเล่น ดีกว่าไม่มีงานทำ อย่างบท "สร้อย" ในละคร "เลือดหงส์" บทก็มีเฉลี่ยกันไป แต่เรื่องนี้บทเราจะมีตลอดทั้งเรื่อง และก็เป็นกุญแจดอกสำคัญ เป็นตัวสร้างเรื่อง และทำให้เรื่องดำเนินไปจนจบเพราะเรา

          ถามว่าเล่นยากไหม เล่นยากมาก ยังตื่นเต้นอยู่เลย ถึงแม้จะอยู่ใน  วงการมานาน เพราะเรื่องนี้มันต้องสลับอารมณ์สับสนอยู่ตลอด ว่าเราถูกหรือผิดที่ตัดสินใจเปลี่ยน ลูก พยายามหาคำตอบว่าตัวเองทำในสิ่งที่ควรหรือยัง เพราะบางทีก็ดีกับลูกที่เลี้ยงมา และลูกก็ดีกับเรา แต่บางทีก็ไม่ดีกับเรา มันสับไปสับมาอยู่ตลอดทั้งเรื่อง

          พอยากมากๆ ก็ต้องให้หลายๆ คนช่วยกัน อย่างเช่น พี่หนูแดง-พิไลวรรณ วัฒนพานิช, พี่เปี๊ยก-อรัญญา นามวงศ์, พี่แดง-ฉันทนา กิตติยาพันธ์ ทุกคนพยายามส่งอารมณ์กัน ก็ช่วยได้เยอะเลย นอกจากนั้นก็ยังมีผู้กำกับฯ ที่เป็นคนรุ่นใหม่ ซึ่งถือว่าดี เพราะเขาเอาอะไรใหม่ๆ มาให้เราเรียนรู้อยู่ตลอด สร้างภาพให้เป็นคนยุคใหม่มากขึ้น"

          ฟังจากน้ำเสียงเด็ดเดี่ยวหนักแน่นแล้ว ก็ไม่น่าจะมีเหตุผลอะไรที่ทำให้คนใจสู้ อย่าง "เปิ้ล"  คิดสั้น!! แต่เธอกลับบอกว่า ณ ช่วงเวลาที่เครียด สุดๆ นั้น สติสัมปชัญญะ และเหตุผลถูกผิด   ไม่ได้มีอยู่ในสมองเลย

          "อย่างแรกเลยคือมันเครียดไง อย่างถ้ามีงานทำก็เครียดเหมือนกันนะ ถามว่าทำไมเครียดอีกล่ะ ในเมื่อมีงานทำก็น่าจะดีอยู่แล้ว โอ.เค.ใช่ตอนนี้มีงานทำ แต่ก่อนหน้านี้ นานๆ จะมีสักเรื่อง มันก็เลยทำให้เราเครียด 

          แล้วเราเป็นคนทำงาน พอทำงานแล้วรู้สึกเล่นไม่ดี ก็จะรู้สึกเครียดแล้ว กลับไปกลุ้มใจอยู่ที่บ้าน ว่าดีหรือยัง มันก็ด้วยเหตุจากต้นตอมาว่า เราไม่เคยมีลูก เราจะแทนค่าคำว่าแม่อย่างไร อะไรอย่างนี้ จนบางทีต้องไปแอบดูคุณแม่ของน้องบี แอบขโมยความรู้สึกเขามา 

          ยอมรับเลยว่าคำว่าแม่นี่ยิ่งใหญ่มาก คนเป็นแม่จะต้องเป็นทุกๆ อย่างของลูก...ลูกไม่มีคลาดสายตา หิวไม่หิวก็ต้องหาอะไรให้ เหนื่อยอย่างไรแม่ก็สามารถทำให้ลูกได้ตลอด ตั้งแต่เช้าจนถึงดึก ตีสอง-ตีสามก็แล้วแต่ แม่จะเดินอยู่รอบๆ ด้วยความห่วงใย เราก็คอยแอบดูและยืมมาบวกลบคูณหารกับบท

          กลับบ้านไปก็นั่งกลุ้ม อ่านแต่บท บางครั้ง พอตั้งใจมากๆ มันก็ทำให้เราเครียด แล้วพอดีว่าเราอยู่คนเดียว มันก็จะแบบเหงามาก ก็จะชอบนั่งร้องไห้ คิดว่าชีวิตเราทำไมมันต้องลำบากขนาดนี้ มีอยู่วันหนึ่งรู้สึกท้อใจแล้วก็เหนื่อยมาก กับโรคภัยไข้เจ็บของตัวเอง ที่ตอนนี้เป็นโรคเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์

          ยอมรับเลยว่าพอเครียดมากๆ เคยคิดฆ่าตัว ตายมาแล้ว  และก็ไม่ใช่ครั้งเดียว คิดหลายหนมาก แม้กระทั่งกินยาฆ่าแมลงก็เคยทำมาแล้ว แต่มันไม่ตาย คือมีเพื่อนมาเจอเสียก่อนแล้วเขาช่วยส่งโรงพยาบาลทัน ก็เลยโชคดี...ไม่ตาย ไม่อย่างนั้นป่านนี้ก็คงไม่มีชื่อ "จารุณี" อยู่ในโลกนี้แล้ว

          หลังจากนั้นก็มีอีกเป็นแบบว่าขับรถอยู่คนเดียวก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย เคยมีเหมือนกันที่คิดว่าเราจะอยู่ไปทำไม พอคิดไปถึงจุดที่มันถึงที่สุดแล้ว ว่าชีวิตไม่มีค่าอะไร ก็เลยคิดว่าฉันจะไม่อยู่แล้วในโลกใบนี้ ฉันจะฆ่าตัวตาย ขับรถไปที่สะพาน ตั้งใจจะกระโดดน้ำตาย ทันใดนั้นก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา พี่ผมขอลาพี่แล้วนะเราก็เอ๊ะ! น้องเป็นใครแล้วจะลาไปไหนถามไถ่ก็รู้ว่า...เขาชื่นชอบเราเขาติดตามผลงานเรามาตลอดเขาเห็นเราเป็นพี่คนหนึ่ง แล้ววันหนึ่งเขามีปัญหาที่แก้ไม่ได้ ทางออกของเขาก็คือการฆ่าตัวตาย แต่ด้วยความที่เขารักเรา เขาก็เลยโทร.มาบอก ว่าเขาจะกระโดดตึกแล้วนะ เราก็เฮ้ย! ต้องทิ้งเรื่องเราไปก่อนเพื่อไปปลอบเขา เรื่องราวในชีวิตพี่จะเป็นอย่างนี้ตลอดเลย จะทำอะไรมันก็วุ่นวายไปหมด

          แต่ในความวุ่นวายมันก็ดีเหมือนกันนะ เพราะ พอมีอะไรให้คิด มีอะไรให้ทำ เราก็จะไม่รู้สึกว่าอยากตาย อย่างตอนนี้ก็พยายามจะหาอะไรทำ ก็เลยเอาตัวเองไปผูกไว้กับการเรียนที่สวนสุนันทา

ลงเรียนภาคค่ำไว้ที่คณะรัฐศาสตร์ ปีที่ 4 แล้ว 

          ชีวิตตอนนี้ก็เลยดีขึ้น วุ่นวายกับการเรียน มาก เพราะเรียนไม่ทันเพื่อน ยิ่งตอนนี้ต้องเร่งถ่าย "เลือดหงส์" เพราะละครเขาต้องรีบออนแอร์ ก็ต้อง เลือกงานก่อน เพราะว่าเราต้องรับผิดชอบ เรื่องเรียน ก็ต้องไปตามตะเกียกตะกายถามเพื่อน แต่พอไม่เข้าเรียน คะแนนความสนใจมันก็หายไปหมด ยิ่งถ้าส่งรายงานช้าอีก คะแนนมันก็ยิ่งร่อยหรอลงไปเรื่อยๆ เทอมนี้จะหมู่หรือจ่ายังไม่รู้เลย แต่ก็ยังหวังในใจเป็นอย่างยิ่งนะว่าอยากจะจบ เพราะจริงๆ ตั้งแต่เด็กก็เคยมีความใฝ่ฝันว่าอยากจะเรียน ถึงได้ตัดสินใจเรียน อีกอย่างเราถือเป็นเคล็ด ไม่ว่างเลยดีกว่าอยู่ว่างๆ"

          

          เพราะคำว่าชีวิตต้องพ่วงติดอยู่กับคำว่า ปัญหาฉะนั้นเมื่อชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป ปัญหาก็ย่อมมี แต่จงอย่าลืมว่าปัญหาทุกปัญหา มีทางแก้ไข หากรู้จักตั้งสติและรอบคอบกับมัน!!

cr. www.thaitvpool.com

Share this article :

แสดงความคิดเห็น