Home » » ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์

ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์



ชื่อ-นามสกุล :. รัฐภูมิ โตคงทรัพย์

ชื่อเล่น :. ฟิล์ม

เกิด :. วันเสาร์ที่ 17 พฤศจิกายน 2527

พี่น้อง :. มีพี่ชาย 1 คน ชื่อสมโภช โตคงทรัพย์  (พี่แอร์)

อายุ :. 19 ปี

สูง :. 180

หนัก :. 67

เกิดที่ :. โรงพยาบาลสระบุรี

การศึกษา :. จบม.6 จากโรงเรียนจันทร์หุ่นบำเพ็ญ

                   ปัจจุบัน คณะนิเทศศาสตร์ ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ (สาขาวิทยุโทรทัศน์)

ที่อยู่ :. 864/2 ซอยวิสุทธนิเวศน์ ถ.ประชาอุทิศ ห้วยขวาง กรุงเทพฯ 10320

 ฟิล์ม-รัฐภูมิ โตคงทรัพย์  

               ถ้าคุณยังจำหนุ่มน้อยช่างภาพชาวญี่ปุ่น เจ้าของประโยคฮิต “คิเรเนะ“ ในหนังโฆษณารถมอเตอร์ไซค์ยี่ห้อหนึ่งได้ นี่คือก้าวใหม่ของ ฟิล์ม-รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ เด็กหนุ่มสัญชาติไทย 100% ตัวสูงจัด ยิ้มง่าย กินเยอะ กับงานอัลบั้มเพลงชุดแรกในชีวิต Film กับแนวเพลง POP แนวใหม่ ที่ผสมผสานงานดนตรี R & B และ POP กลิ่นตะวันออก ทั้งญี่ปุ่น-เกาหลี-จีน-ไทย ได้อย่างลงตัว กลายเป็นแนวเพลงแบบใหม่เฉพาะฟิล์ม วันนี้ทีมข่าวบันเทิงจะพาทุกคนไปรู้จักกับหนุ่มน้อยคนนี้ใหม่มากขึ้นกันค่ะ.....

ฟิล์มเริ่มสนใจวงการบันเทิงตั้งแต่ตอนไหนค่ะ?

               ตอนเด็กๆ ฟิล์มฝันเอาไว้ 2 อย่างคือ อยากเป็นหมอ และก็อยากเป็นดารา คือคุณแม่ป่วยบ่อย ถ้าเป็นหมอครอบครัวของเราคงไม่มีใครป่วย ที่สำคัญอาชีพหมอรวยด้วย ( หัวเราะ ) พอโตมาเห็นผลการเรียนแล้วก็คิดว่าคงไม่รอดแล้วล่ะ อาชีพหมอนี่คงไม่ได้แน่ และช่วงอายุประมาณ 8-9 ขวบ ช่วงที่ย้ายมากรุงเทพฯ ไปเดินห้างแล้วเจอพี่หนุ่ม-ศรราม คือตอนนั้นผมไม่ค่อยรู้จักดารา ก็งงเพราะมีคนเดินตามเยอะมาก มีคนขอลายเซ็น เดินไปไหนก็มีคนยิ้มให้ ผมก็เลยรู้สึกว่าทำไมอาชีพนี้ดูอบอุ่นจังเลย มีแต่คนรัก ก็เลยถามคุณแม่ว่าเขาเป็นใคร คุณแม่ก็บอกว่าเป็นดารา ผมก็เลยอยากเป็นดารา อยากให้คนรัก ให้คนชอบครับ

แล้วฟิล์มเข้ามาวงการบันเทิงได้ยังไงคะ?

               พอผ่านเวลามาผมก็คิดว่าตัวเองคงเป็นดาราไม่ได้หรอก เพราะหน้าตาน่าเกลียดมาก ดูบ้านนอกๆ ตัวดำๆ หัวเกรียนๆ แถมฟันเหยินอีกต่างหาก ส่วนเรื่องร้องเพลงก็ชอบมาตั้งแต่เด็กแล้วเหมือนกัน อยู่บ้านก็ร้องให้คุณพ่อคุณแม่ฟังบ่อยๆ แต่สีหน้าท่านอมทุกข์มากเลย คือหนักใจมาก ผมก็คิดว่าไม่รอดเหมือนกัน ก็เลยตั้งใจเรียนอย่างเดียวเลย พอช่วงอยู่ม.4 ก็มีคนเข้ามาทักว่าผมหน้าตาดีนะ เหมือนมากระตุ้นให้ผมอยากเป็นดาราอีกครั้ง และก็มีโมเดลลิ่งมาติดต่อให้ไปเล่นละครเป็นเพื่อนพระเอกเรื่อง “เงาปริศนา” ที่พี่ฮิวโก้เล่นเป็นพระเอก ผู้กำกับก็บอกให้ผมยืนเฉยๆ ไม่ต้องท่องบทอะไรเลย ตอนนั้นผมดีใจมากๆ เลย ผมบอกให้ที่บ้านคอยดูละครที่ผมเล่นเลย พอละครออนแอร์ก็เหมือนชื่อเรื่องเลยครับ เงาปริศนา ผมกลายเป็นเงายืนข้างๆ พี่ฮิวโก้ ตัวลางๆ เล่นแค่โครงหน้า ผมก็งงทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ ตอนนั้นเสียใจมากเลย ไม่อยากเป็นดาราแล้ว โมเดลลิ่งก็โกงเฉิดเงินไปเลย คือตอนเขามาติดต่อผมเขาบอกว่าผมจะได้เงินค่าตัว 700 บาท และตอนนั้นผมก็ไม่สนใจเรื่องเงินอยู่แล้ว ผมเพียงแต่คิดว่าแค่ได้มาเป็นดาราก็พอแล้ว ผมก็เลยกลับไปตั้งใจเรียนเหมือนเดิม หลังจากนั้น 2 ปีตอนที่เดินไปเรียนพิเศษก็เจอกับพี่พจน์ อานนท์ พี่พจน์ก็บอกว่ามีหนังให้เล่น ตอนนั้นผมไม่รู้จักพี่พจน์ ก็เลยถามพี่เขาว่าหลอกผมหรือเปล่า พี่พจน์ก็เลยให้นามบัตรเอาไว้ ที่บ้านก็ไม่อยากให้ไปแคสติ้งกลัวถูกหลอก แต่ผมก็แอบไป พอไปถึงเป็นโรงพิมพ์ใหญ่โตเห็นว่าน่าเชื่อถือ ทีมงานเขาก็ให้ผมเข้าไปแคสติ้งเป็นบทกระเทย ผมก็เล่นของผมไป กลับมาบ้านก็ไม่คิดว่าจะได้ หลังจากนั้น 2 วันทีมงานก็โทรมาบอกว่าได้เล่นหนัง ได้เล่นบทกระเทยในหนังเรื่อง “ว๊ายบึ้ม..เชียร์กระหึ่มโลก” และก่อนที่จะถ่ายหนังเรื่องนี้ 1 ปีผมต้องเรียนเต้น กับเรียนการแสดงควบคู่กันไป ตอนแรกผมได้บทเป็นตัวเด่นของเรื่องนี้เลย เพราะผมตัวผอม ตัวเล็กๆ พอไปเรียนเต้นรูปร่างผมก็โตขึ้น สูงขึ้น ก็เลยปรับเปลี่ยนบทให้ผมไปเล่นเป็นนักรักบี้ หลังจากนั้นผมก็งานเข้ามาตลอด ทั้งเดินแบบ ถ่ายแบบ

แล้วฟิล์มมาเป็นนักร้องได้ยังไงคะ?

               นักร้องก็เป็นอาชีพที่ชอบมาตั้งแต่เด็ก และผมก็มีโอกาสได้ทำงานในวงการบันเทิงมาแล้วเกือบทุกอย่าง พอดีผู้ใหญ่ทางอาร์.เอส.ฯ ก็มาบอกผมว่าน่าจะเป็นนักร้อง ผมก็ไปเทสต์เสียงผม ตอนนั้นผมชอบร็อคมาก ก็ร้องร็อคเต็มที่เลย พี่ทีมงานทำหน้าอมทุกข์มากๆ ( หัวเราะ ) บอกให้ผมกลับไปเป็นดาราเหมือนเดิมดีกว่า ผมก็ไม่ได้คิดอะไร กลับไปทำงานอื่นต่อ พอไปถ่ายฮอนด้าผู้ใหญ่ทางนั้นก็บอกว่าน่าจะไปเป็นนักร้อง พอมีคนมาทักเข้าเยอะๆ ผมก็ไปหาพี่ชมพูเลย บอกพี่เขาว่า “พี่ครับ ผมอยากเป็นนักร้องครับ” คือผมสนิทกับพี่พูอยู่แล้ว พี่พูก็โอเค. ก็ลองให้ผมร้องเพลงให้ฟัง ตอนนั้นผมร้องเพลงของไอน้ำ พอฟังเสียงแล้วพี่พูก็บอกว่า “ฟิล์มพี่ว่ากลับไปเป็นดาราดีมั้ย” แต่ผมก็ดื้อไม่ยอมผมอยากเป็นนักร้อง พี่พูก็บอกว่าถ้าอยากเป็นนักร้องจริง จะยอมแลกมั้ย คือจะให้เรียนร้องเพลงหนักๆ เลยเป็นปีๆ เลย ผมก็ยอม พอเรียนได้สักพักก็เข้าไปเทสต์เสียงก็ไม่ได้อีก เป็นอยู่อย่างนี้หลายรอบมาก ผมก็ดื้อไม่ฟังใครจนพี่พูเรียกเข้าไปฟังเสียงตัวเองเวลาร้องเพลง พอฟังไปได้สักพักทำไมมันแย่ขนาดนี้เนี่ย ( หัวเราะ )

ท้อมั้ยที่ต้องเทสต์เสียงอยู่หลายรอบมาก?

               ท้ออย่างแรงเลยครับ แต่ผมก็อดทน คือผมอยากทำอะไรผมก็ต้องทำให้ได้ พี่เขาด่าเขาว่าตัวเองท้อแต่ก็ต้องอดทน ผมสารภาพเลยว่าคือช่วง 6 เดือนแรกที่เรียนร้องเพลง ผมไม่ตั้งใจเรียนเลยครับ พอเรียนครบ 6 เดือนแรกผมก็เข้าไปลองเทสต์เสียงอีกครั้ง แต่คราวนี้ขอเป็นป็อปร็อคก็แล้วกัน พี่ทีมงานเขาใจดีมากๆ ผมต้องขอบคุณพี่เขามากๆ ที่เขาให้โอกาสผมสุดๆ เลย แล้วก็ทนผมมาปีกว่า ทั้งๆ ที่ผมก็ดื้อสารพัด ตอนที่อัดเพลงพอพี่ๆ ได้ฟังเสียงปุ๊บก็ทำหน้าอมทุกข์อีกแล้ว ตอนนั้นท้อมากร้องไห้เลย ร้องยังไงก็ยังไม่ได้ คือผมยังไม่เจอแนวยังไม่เจอตัวเอง ว่าตัวเองอยากทำอะไรแนวไหน ก็เลยลองเปลี่ยนแนวเพลงมาเป็นป็อป ผมก็ไปเรียนร้องเพลงเพิ่มอีก 2 เดือน ก็กลับไปร้องให้พี่ๆ เขาฟังอีก คราวนี้พี่พูเขาก็บอกว่ามันไม่ใช่ ร้องเริ่มได้แล้ว แต่มันไม่ใช่ตัวฟิล์ม ตอนนั้นท้อมากจะเลิกเป็นนักร้องแล้ว ร้องไห้ไปโวยวายไป เรียนร้องเพลงมาปีกว่ายังไม่ได้อีก พี่พูเขาก็ว่าผมเลยใหญ่เลย คือพี่เขาอดทนกับผมทุกอย่าง ส่งไปเรียนร้องเพลง ทำไมมาเลิกง่ายๆ ทำไมไม่อดทน หลังจากนั้นผมก็เลยลองเริ่มค้นหาตัวเอง เริ่มหยิบโน่นหยิบนี่มาดู หยิบคอนเสิร์ตของเมืองนอกมาดู และพี่พูก็ไปบอกกับทางบริษัทให้ตัดงานผม 7 เดือน ไม่ให้รับงานเลย คือเขาอยากให้ผมเอาจริงเอาจังซะที แล้วผมก็เจอตัวเองผมก็ไปบอกพี่พูว่าเจอแล้วเป็นพวกแนว ญี่ปุ่น, เกาหลี, ไต้หวัน คือมันใช่มากๆ คราวนี้ผมตั้งใจมาก 7 เดือนนี้เช้ามาไปเรียนร้องเพลง 11 โมงถึงบ่าย บ่ายถึงเย็นเรียนเต้น เย็นถึงดึกเรียนร้องเพลงอีก โห..เหนื่อยมากครับ

เป็นยังไงบ้างตอนเข้าห้องอัด?

               เพลงแรกที่อัดคือเพลง “Say Hi!” พออัดเสร็จทีมงานเริ่มยิ้มแล้ว แต่ก็ไม่ชม คือตั้งแต่ผมทำงานกับทีมงานนี้มาผมไม่เคยได้รับคำชมจากใครเลยครับ พี่เขาบอกว่าไม่อยากชมเดี๋ยวเหลิง พอพี่พูฟังพี่พูชอบมาก ตอนนั้นดีใจมาก พอเพลงแรกผ่านไปผมก็คิดว่าง่ายอีก

ผลงานภาพยนตร์

ว้ายบึ้ม! เชียร์กระหึ่มโลก (2546)

ปล้นนะยะ (2547)

รักจัง (2549)

รักนะ 24 ชั่วโมง (2550)

ซูเปอร์ แหบ-แสบ-สะบัด (2551)

รักเอาอยู่ (2555)

ปล้นนะยะ 2 (2555)

เพลงของพ่อ (ผลิตในโครงการภาพยนตร์เฉลิมพระเกียรติ "เทิดเกล้า") (2555)

สตรีเหล็กตบโลกแตก (2557)

ตุ๊ดตู่กู้ชาติ (2560)

Share this article :

แสดงความคิดเห็น