ผู้กำกับ :
ทิวา เมยไธสง
คำโปรย : เชื่อหรือไม่ ต้องพิสูจน์
เนื้อเรื่องย่อ: เรื่องราวของโรงเตี้ยมเก่า ๆ แห่งหนึ่ง มีคนอาศัยอยู่ 3 คน คือป้าแต๋ว เจ้าของโรงเตี้ยม, โหน่ง และจอร์จ โรงเตี้ยมแห่งนี้กลายเป็นที่นัดหมายของคน 3 กลุ่มที่มีจุดมุ่งหมายต่างกัน เมื่อริต้ายอมหลับนอนกับเสี่ยติ่ง เพื่อเช็ค 5 ล้าน แต่เมียหลวงรู้ทันจึงจ้าง 2 นับสืบมาตามเก็บภาพไปแบล็คเมล์เสี่ยติ่ง ในขณะที่กลุ่มสามโจรได้เดินทางมาเอาเงิน 10 ล้านที่เคยซ่อนไว้ที่โรงแรมนี้ แต่จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเสี่ยติ่งเล่นตัวไม่ยอมเซ็นเช็คให้ส่วนสองนักสืบได้ยินคำสั่งผิด ๆ จากแค่ เก็บภาพมาให้ได้ เป็น เก็บมาให้ได้ เรื่องกลับวุ่น ๆ ยิ่งขึ้น เมื่อเงิน 10 ล้านที่ซ่อนไว้ของสามโจรหายไป ในที่แห่งนี้ได้มีคนมากมายวนเวียนกันเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นสพชัย คนจอมซวยเข้ามาพักในโรงแรม, ไอ้จอร์จ บริกรปัญญาอ่อน ผู้ทำให้เรื่องสับสนอลหม่านเข้าไปอีก แล้วจู่ ๆ ป้าแต๋วถูกฆาตกรรมอย่างเป็นปริศนา แล้วใครคือฆาตกร ? เงิน 10 ล้านหายไปไหน ? สุดท้ายเรื่องราวจะลงเอยอย่างไร ?
นักแสดง:
ธีรดนัย สุวรรณหอม | .... โหน่ง | |
แองจี้ เฮลติ้ง | .... ริต้า | |
สายัณห์ ดอกสะเดา | .... จอร์จ | |
สมชาย ศักดิกุล | ||
เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์ |
วันที่เข้าฉาย: 27 มกราคม 2548
โรงเตี้ยม.......ทิวา เมยไธยสง....อีกหนึ่งคนรุ่นใหม่ที่น่าติดตาม
โดย เซียวลี้ปวยตอ
...........ตอนแรกรับปากกับใครบางคนว่าจะเขียนถึงหนังเรื่องนี้..........แต่ทำไปทำมาก็คิดว่าไม่เขียนดีกว่า
......เพราะมีใครคนนึงมันเรียกหนังเรื่องนี้ว่าหนังแก......(คือมันคิดว่าเราเชียร์ออกนอกหน้าจนกลายเป็นหนังเราเอง)
แต่หลายวันมานี้นั่งรถผ่านป้ายโฆษณาหนังของโรง(ที่ติดชื่อเรื่องที่กำลังฉายอยู่อะครับเรียกไม่ถูกเหมือนกัน) ก็เห็นชื่อหนังโรงเตี้ยมติดอยู่นานแล้ว
......นับจากวันที่เขียนนี่ 17/02/05 หนังก็ยืนระยะอยู่ได้ 3 สัปดาห์แล้ว..
.....แต่ป้ายที่เราเห็นมันโรงชานเมืองนี่หว่าแถวบางแค เนี่ยปกติมันก็เน้นหนังไทยอยู่แล้วน
ี่.....เอ๊ะ แ ต่ว่าเพื่อนๆที่มาในเวลาไล่เรี่ยกันหายจ้อยไปหมดแล้วนา อย่างเอ๋อเหรอ(ข่าววงในเขาว่าได้ 50 ล้าน จริงหรือ?.....) และคนหอนฯ(วังเวง)
ถึงตอนนี้หนังก็ยังเรียกได้ว่า ยืนโรงฉายได้อยู่ตามชานเมืองทั้งหลาย เช่น บางแค รังสิต สำโรง อะไรเทือกนั้น...............เอาก็เอาวะไหนๆก็ไหนๆ เขียนถึงมันซักหน่อย.............ใครว่าเราเราไม่เป็นกลางก็ตามบาย......เพราะเราไม่เคยทรยศความรู้สึกขอตัวเองอยู่แล้ว
........................โรงเตี้ยม เป็นหนังเปิดศักราช ปี 2548 ของค่าย CM films ซึ่ง เปลี่ยนชื่อเป็น CM Picture International ไปแล้ว
ไม่รู้เกาะกระแส Reengeneering กะเค้าหรือป่าว...................
ชื่อของ CM film อาจฟังดูแสลงหูซักหน่อย สำหรับผู้ชมบางกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มที่ชอบดูหนังคุณภาพ
และไม่ชอบหนังตลาดแบบตีหัวเข้าบ้าน........(ไหนๆก็จะเขียนแล้ว เอาก็เอาวะ)........
***คนดูบางคนถึงกับจัดลุ่มให้กับผู้ผลิตหนังไทยกันไว้เป็นกลุ่มตามตัวงานที่ผลิตออกมาทีเดียว เช่น
1.กลุ่มหนังตลาดหนังชานเมือง ก็มี พระนครฟิล์ม CM Films และค่ายอื่นๆที่เกิดและดับกับหนังเพียงเรื่องเดียวอยู่ด้วย
2.กลุ่ม หนังคุณภาพ ซะทุกเรื่อง หนังคนเมืองว่างั้น ก็มี GMM THAI HUB พร้อมมิตรฯ....
3.กลุ่มไม่เข้าใครออกใคร คือเอาแน่เอานอนไม่ได้ มีทุกรูปแบบ ก็มี สหมงคล(บาแรมยู) ไฟต์สตาร์ RS
4.กลุ่มหน้าใหม่ที่ยังไม่มีที่ลง เช่น หนังจากค่าย Matching ยังจัดกลุ่มไม่ได้เพราะหนังยังน้อยอยู่**********
มาเข้าเรื่องกันต่อ ทิวา เมยไธสง ไม่ใช่ผู้กำกับหน้าใหม่ ของ CM films และของวงการแต่อย่างใด
เขาผ่านงานกำกับหนังมาแล้ว 2 เรื่อง คือ คนสั่งผี และ ผีช่องแอร์ ภายใต้ชายคาของ CMfilm
คนสั่งผีนั้น เจ๊งสนิท ส่วนผีช่องแอร์นั้นทำรายได้ถึง 30 ล้าน แต่ก็โดนด่าจมหู....อย่างไม่ได้ผุดได้เกิดจากนักวิจารณ์
และผู้ทรงอิทธิพลทางการฟันธงหนัง ตาม กระทู้แสดงความคิดเห็นตามบอร์ดต่างๆ
แต่ด้วยยอด 30 ล้านที่ทำได้จากผีช่องแอร์ หรือด้วยแววบางอย่างที่ทางผู้บริหาร CM เห็น
(เหมือนอย่างที่เสี่ยเจียงเห็นแววของเสือเตี้ยว่างั้น) ทิวาจึงมีโอกาสได้กำกับหนังเรื่องที่ 3 ในชีวิตของเขาโรงเตี้ยม
...................หนังที่เขาบอกว่า.........เป็นแนวถนัดของเขาเอง............โรงเตี้ยม เป็นหนัง ***ตลกร้าย***
เรื่องของตัวละครแปลกๆ.............ที่บังเอิญเดินทางมาพักยังโรงแรมที่มีบรรยากาศแปลกๆแห่งหนึ่ง
...........โดยมีจุดประสงค์ในการเดินทางมาเข้าพักต่างกันไป.............แต่ล้วนแล้วมาทำกรรมชั่วด้วยกันทั้งสิ้น
ไม่ว่าจะเป็น ป๋าหื่น(เล็ก สมชาย)ที่พาสาวสวย sex(แอนจี้ เฮสติ้ง) มาฟาด
.........แก้งค์โจรที่เพิ่งออกจากคุกมาสดๆที่มาตามหาเงินที่ซ่อนไว้
.............คู่หูนักสืบรับจ้างที่ รับงานมาตามสืบพฤติกรรมของป๋าหื่น
...........เซลล์แมนดวงซวยขี้งก ที่มักชอบเอาสินค้าห่วยๆมาหลอกขาย คนตามชนบท
.........แล้วยังมี ซ้อแก่ เจ้าของโรงแรมผู้อยากกินกล้วยเด็ก
และยังมีพนักงานโรงแรมเอ๋อเหรอ....และช่างซ่อมบำรุงเด็กแนว.
...................การสร้างความแปลกแยกในบุคลิค และใส่ความเป็นแฟนตาซีแบบกิมย้งลงไปในบุคลิคของตัวละครเป็นสิ่งหนึงที่โดดเด่นในตัวหนัง
.........................การวางตัวละครเช่นนี้ ยังเป็นการเกลี่ยพฤติกรรมของคนดูทางหนึ่งให้เข้าใจตรงกันว่า สิ่งที่หนังกำลังจะเล่าต่อไป
.........หรือความบ้าระห่ำ ฉ่ำเพี้ยนของตัวละคร
เป้นสิ่งที่ไม่แปลกแยกและไม่จำเป็นต้องใช้ เหตุและผลมารองรับการกระทำ
...................แล้วทิวา ก็ใส่สิ่งที่ว่านั้นลงมาในช่วงกลางของหนัง..........ทั้งมุขตลก การเชือดเฉือน การสมรู้ร่วมคิด และปริศนาบางอย่างที่นำไปสู่บทสรุป
..........ถ้ามองโดยภาพรวมแล้วโรงเตี้ยม เป็นหนังที่สอบผ่าน และมีมาตรฐานในขั้นที่ยอมรับได้กว่าหนังเรื่องก่อนของเขา
สอบผ่านในมาตรฐานหนังไทย และสอบผ่านที่คะแนนดีถ้าเทียบกับหนังเรื่องอื่นๆของ CM Film
ถ้าจะวัดเป็นคะแนนขอบังอาจฟันธงไปที่ระดับ 2 ดาวครึ่ง+อีกครึ่งดาว
.............หนังยังมีจุดด้อยตรงที่มุขตลกบางมุขที่แป๊กไปบ้าง.........ความไม่กระชับ......และเป็นที่น่าเสียดายที่สุดที่หนังมีบทเฉลยที่เลยเถิด และชัดเจนมากจนเกินไปทำให้ภาพรวมเมื่อดูหนังจบไม่สะใจอย่างที่มันควรจะเป็น(ปูมาเกือบดี)
..................แต่ข้อดีของโรงเตี๊ยม คือตัวผู้กำกับเอง (อันนี้+ให้อีกครึ่งดาว).............เพราะนอกจาก ทิวาจะรับหน้าที่ผู้กำกับแล้ว
เขายังร่วมเขียนบท เป็นผู้กำกับภาพ เป็นช่างภาพเองซึ่งเป็นจุดเด่นมากๆของตัวหนัง(2 เรื่องก่อนไม่ได้ถ่ายเอง)
และยังตัดต่อหนังเองอีกด้วย การรับหน้าที่ 4 อย่าง และ การทำงานออกมาได้ในระดับนี้ถือเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นไม่เบาในฐานะ คนดู..................
ใน web pantip มีคนเอาโรงเตี้ยม ไปขึ้นชั้นเปรียบกับ lock stock and two smoking barell ของ กายริชช
ี่ .ซึ่งผมคิดว่าโรงเตี้ยมยังไปไม่ถึง อย่างที่ว่าเพราะยืดเยื้อ และสรุปไม่สวย
..........เสียงชื่นชม และเสียงด่า มาในแบบ ชม 55% ด่า 45% ...........เพราะบางคนยังเจ็บใจไม่หายที่เสียเงินไปดู ผีช่องแอร์
......เพลงตาสว่างของmodern dog ทีจงใจใส่ลงไปในหนัง...........ส่วนหนึ่งอาจดูจงใจ และ ต้องการนำเสนอมากจนเกินไป
แต่เมื่อหันไปมองลักษะการเล่าเรื่องในหนัง การถ่ายภาพ และ ทีมงานของหนัง
ผมจึงเข้าใจ ว่าทำไมต้องเป็นเพลงน
ี้........อ่างเชิญยิ้ม กล่าวในวันฉายรอบสื่อของหนังว่า.....เขาสนุกมากที่ทำงานกับทีมงานนี้ เพราะ ทีมงานหนังทีมนี้เป็นทีมวัยรุ่น
ทำงานฉับไว......และ เฮฮาตามประสาคนหนุ่ม.........................
....................ก่อนหน้านั้น เรามี 6 ผู้กำกับหนุ่ม จากแฟนฉัน ปีที่ผ่านมาเรามี 2 ผกกจาก The shutter
ผมคงไม่บังอาจบอกว่าปีนี้เรามีโรงเตี๊ยมและทิวา เมยไธสง เพราะงานของทิวายังมีตำหนิให้เห็น และชายคาที่เขาสังกัด
ก็คงไม่สามารถทำให้เขาดังขึ้นมาได้ไม่ว่าหนังจะทำเงินมากน้อยเพียงใดก็ตาม
(ใครรู้บ้างว่า…ใครกำกับ ผีหัวขาด ภาค 1 หนังระดับ 100 ล้านนะนั่น)
...........ครั้งหนึ่ง ผมไม่เข้าใจว่าทำไมบุญส่ง นาคภู่ ถึงเอาชื่อมาทิ้งไว้กับหนังอย่าง 191 1/2 ตำรวจทราบแล้วป่วน
.............ภายใต้ชื่อ CM film ...............นักศึกษาภาพยนร์จบใหม่ไม่แนว ไม่เด่น อย่าทิวา คงต้องเป็น ผู้ช่วย ผู้กำกับ สอง ไปอีกนาน หรือ ตลอดไป
.........ถ้าไม่มีค่ายหนังเล็กๆอย่าง พระนคร หรือ CM FILM .......บางครั้ง........สิ่งที่คุณเห็น มันอาจมีอะไรมากกว่านั้น...............
โจอี้ บอย และ โมเดิร์น ดอค คงไม่ได้เกิด ถ้าไม่มีค่ายเพลงอย่างเบเกอรี่
................บางครั้ง ความหลากหลาย จะไม่เกิด ถ้าไม่มีคนที่ทำต่างออกไป
..................ถึงแม้ ว่าบางครั้งมันจะเป็นความต่างที่ไม่ดี
...................แต่ในความไม่ดีก็ยังคงมีความดีอยู่ในตัว........มันขึ้นอยู่ที่ว่าคุณจะเลือกมองมันที่มุมไหนเท่านั้น...................
เขาว่ากันว่า วงการหนังไทยวันนี้มีแต่หนังห่วยๆ ที่คิดแต่จะตีหัวเข้าบ้าน
.............เขาว่ากันว่า........ที่หนังไทยเจ๊ง...........เพราะ มีแต่พวก หนังตลาดๆ มี พวกนายทุน และ พวก บริษัท ที่ไม่มีความรู้เรื่องหนัง
..........เข้ามาหวังแต่จะกอบโกย
..............เขาว่ากันว่าผู้กำกับหนังของ บ.เหล่านั้นมีแต่พวกมือใหม่ๆทั้งนั้น......พวกนี้ทำหนังไม่เป็น.............
.......................แต่ไอ้พวกที่เขาว่ากันอะ…. มันไม่เคยเสียตังค์ดูหนังไทยกันหรอก ส่วนใหญ่ มันดูฟรีทั้งนั้น
..... หนังห่วย สมควรเจ๊ง ถูกต้องแล้ว...............แต่ในความเจ๊ง เราไม่ควรทับถม ไม่ควรชี้หน้าด่าใคร
...........ทุกวันนี้ หนังไทยหลายเรื่องที่เจ๊ง รายได้ส่วนหนึ่ง........ที่กลับคืนสู่นายทุน เอาไว้เป็นค่าน้ำมัน
ขับรถไปกู้ธนาคารมาสร้างเรื่องใหม่ มันก็ได้จากโรงชานเมือง โรงต่างจังหวัดทั้งน้าน……….
บางครั้งที่หนังไทยมันไม่พัฒนา อย่าไปโทษรัฐว่าไม่สนับสุนนเลย
..........พวกเรากันเองนี่หละ.........ที่ไม่ให้โอกาสกัน..........(ผมไม่ได้รับเงินใครมาเขียนนะคร้าบบบบ...แค่อยากมองต่างบ้าง)
...................ถ้าเปรียบหนังเป็นการเมือง...........คงตรงกับที่เขาว่ากันว่า..........คนต่างจังหวัดเป็นคนตั้งรัฐบาล
....ส่วนคนเมืองหลวง เป็นคนล้มรัฐบาล(เก่งแต่ทำลายครับพวกนี้ ไม่มีคิดจะมาช่วยกันกระจายภูมิปัญญา)
(หน้ามืด######### แม่งก็ไอ้พวกเนี้ย ทำให้หนังดีๆอย่างทวิภพ หมานคร.....Last life เจ๊งไปด้วย
.........ทีหนังหว่อง แม่งสรรเสริญยิ่งกว่าพ่อ ###########ตาสว่าง)
ผมหวังว่า ทิวา เมยไธสง คงมีหนังเรื่องที่ 4 ของตนเอง.
..........เพราะ ทิวา กลายเป็นคนทำหนังรุ่นใหม่ ที่น่าจับตาไปแล้วสำหัรบผม
หนังไทยคงถึงเวลาของคนยุคใหม่แล้วจริงๆ..............
***** ตลกร้าย ไม่ใช่ตลกเจ็บตัว ตลกอุปรณ์ ตลกมาตีกบาลกัน แต่คือ หนังที่นอกจากจะทำให้คนดูขำในมุขตลก
ที่สอดแทรกมาในเรื่อง หรือ ตลกกับชะตากรมมที่เกิดขึ้นในชีวิตของตัวละครแล้ว
ในอีกด้านหนึ่ง หนังก็ยัง ตบหน้า กระตุ้น เป็นกระจกสะท้อน เป้นเหมือนน้ำในกะโหลก
ทำให้คนดูนึกถึง วิถีชีวิต และแนวความคิดบางอย่างของตัวละครที่เหมือนกับตน.
...............อนึ่งจุดจบของชีวิต ของตัวละครในหนังตลกร้ายมักจบไม่สวย หรือ
ต้องสูญเสียอะไรไปบางอย่างนะครับ .....ชักยาวครับ........วันหลังไปต่อใน ...วิธีดูหนังให้ซี๊ดดีกว่า ******
แสดงความคิดเห็น