Home » » ก้านกล้วย

ก้านกล้วย

 

วีรบุรุษผู้มี 4 ขา 2 งา และ 1 งวง

ช้างศึกผู้สร้างเกียรติประวัติสูงสุดให้แก่ช้างไทย

ในฐานะช้างคู่พระบารมีแห่งสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เมื่อครั้งสงครามยุทธหัตถี

ชื่อของเขาคือ "เจ้าพระยาปราบหงสาวดี"

หรืออีกนามหนึ่งว่า... "ก้านกล้วย"


นี่คือเรื่องราวการเติบโตของช้างเชือกหนึ่ง จากลูกช้างซุกซน ใช้ชีวิตอิสระอยู่ท่ามกลาง ป่าลึก แต่แล้วด้วยความอยากรู้เรื่องของพ่อที่หายไป ได้นำเขาออกเดินทางสู่การผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่


ผ่านหลากหลายเหตุการณ์ซึ่งให้บทเรียนใหม่ ๆ เปลี่ยนให้เขากลายเป็นช้างที่กล้าแกร่ง เต็มไปด้วยพละกำลัง ในขณะที่จิตใจยังคงอ่อนโยน


บรรดาตัวละครต่าง ๆ ที่เขาได้พบระหว่างการเดินทาง อาทิเช่น จิ๊ดริด นกพิราบสื่อสารขี้โม้, ชบาแก้ว ช้างสาวผู้น่ารักและแสนงอน, ติ่งรูและรถถัง ช้างรุ่นพี่และรุ่นอาซึ่งเขาได้พบในหมู่บ้าน, บุญเรือง ช้างศึกแห่งเมืองหลวงและที่สำคัญ, แสงดา แม่ซึ่งก้านกล้วยจากมา ล้วนเป็นส่วนที่เข้ามาเติมเต็มสร้างสีสันและความสนุกสนาน


พร้อมกันนั้นก็ให้บทเรียนต่าง ๆ ซึ่งเป็นเสมือนการเตรียมความพร้อม ให้เขาก้าวสู่การเป็นช้างศึกเชือกสำคัญในประวัติศาสตร์


นอกจากนี้การใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับมนุษย์และการได้พบกับผู้คนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น สมเด็จพระนเรศวรมหาราช กษัตริย์ผู้เกรียงไกรของชาติไทย, ลุงมะหูด หัวหน้าครูฝึกช้าง, มังคุด เด็กมนุษย์ตัวน้อยผู้บริสุทธิ์สดใส ฯลฯ ยังทำให้ก้านกล้วยได้เรียนรู้ถึงมิตรภาพระหว่างคนและช้าง อันนำไปสู่การเสียสละตัวเอง โดยเดินหน้าเข้าสู่สงครามอย่างนักรบผู้กล้า เช่นเดียวกับที่พ่อของเขาเคยทำมาเมื่อครั้งอดีต


สุดท้ายขณะอยู่ท่ามกลางสมรภูมิรบ และต้องเผชิญหน้ากับศัตรูผู้น่าเกรงขาม เขาก็ได้รับบทเรียนครั้งสำคัญที่สุด นั่นก็คือ การเอาชนะความกลัวในจิตใจของตัวเอง


เมื่อมีชัยเหนือตัวเอง ก็ไม่มีสิ่งใดในโลกที่จะทำให้เขาพรั่นพรึงได้อีกต่อไป และจุดนี้เองที่ทำให้เขากลายเป็นช้างผู้ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง


แม้จุดหมายแรกคือ การตามหาพ่อ แต่ในที่สุดก้านกล้วยกลับได้พบสิ่งที่มีความหมายยิ่งกว่า นั่นก็คือมิตรภาพ ความกล้าหาญ และความเสียสละ ซึ่งอยู่ในตัวเขาเอง อันเป็นจิตวิญญาณของพ่อที่อยู่กับเขามายาวนาน


และนี่คือบทสรุปที่ล้ำค่ายิ่ง สำหรับการเดินทางของเขาในครั้งนี้

กำหนดฉาย : 18 พ.ค. 2549

ทีมงานสร้าง : ดราม่า-คอเมดี้ (แนวภาพยนตร์) / สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล (บริษัทจัดจำหน่าย) / บริษัท กันตนา แอนนิเมชั่น จำกัด (บริษัทดำเนินงานสร้าง) / สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ (อำนวยการสร้าง) / อัจฉรา กิจกัญจนาสน์ (ควบคุมงานสร้าง) / คมภิญญ์ เข็มกำเนิด (กำกับภาพยนตร์) / อมราพร แผ่นดินทอง, จรูญพร ปรปักษ์ประลัย (บทภาพยนตร์) / พัชนุ โนรี (ออกแบบงานสร้าง) / ทวีลาภ ศรีวุฒิวงศ์ (กำกับศิลป์) / ชาติชาย พงษ์ประภาพันธ์ (ดนตรีประกอบ) / บริษัท กันตนา แอนนิเมชั่น จำกัด (บันทึกเสียง)

ทีมพากย์เสียง : ภูริ หิรัญพฤกษ์ (ก้านกล้วยตอนโต), วรัทยา นิลคูหา (ชบาแก้วตอนโต), พงษ์สุข หิรัญพฤกษ์ (จิ๊ดริด), จุรี โอศิริ (พังนวล), นันทนา บุญหลง (แสงดา), โก๊ะตี๋-เจริญพร อ่อนละม้าย (มะโหนก ), ติ๊ก กลิ่นสี-ชาญณรงค์ ขันทีท้าว (นายกองพม่า), ป๋าเทพ-สุเทพ โพธิ์งาม (มะหูด), เก็ท แฟนฉัน-ด.ช. อัญญาฤทธิ์ พิทักษ์ติกุล (ก้านกล้วยตอนเด็ก), น้องเกรซ-ด.ญ.นวรัตน์ เตชะรัตนประเสริฐ (ชบาแก้วตอนเด็ก)







ภาพยนตร์การ์ตูนแอนิเมชั่นเรื่องแรกของเมืองไทย

หลังจากที่ บริษัทกันตนา แอนนิเมชั่น ได้ผลิตแอนิเมชั่นซีรีส์ชุด "ซน 100 %" ออกสู่สายตาประชาชน ซึ่งนับเป็นผลงานการ์ตูนแอนิเมชั่นเรื่องแรกในปี 2547 และในปีนี้ บริษัทกันตนา แอนิเมชั่น จำกัด ก็ได้สานต่อโครงการภาพยนตร์การ์ตูนสุดยิ่งใหญ่เรื่อง "ก้านกล้วย" ภาพยนตร์การ์ตูนสายเลือดไทยที่ทุ่มทุนสร้างกว่า 150 ล้านบาท โดยการจับมือของสองพันธมิตรยักษ์ใหญ่แห่งวงการหนังไทยคือ บริษัทสหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนลจำกัด และบริษัทกันตนา แอนนิเมชั่น จำกัด

ก้านกล้วย ภาพยนตร์แอนิเมชั่นสามมิติ (3D) อิงประวัติศาสตร์แนวแฟนตาซี ดราม่า มีเนื้อหาเกี่ยวกับชีวิต ความสนุกสนาน การผจญภัย และความกล้าหาญของช้างไทยที่ชื่อว่า "ก้านกล้วย" ก่อนที่จะได้มาเป็นช้างทรงผู้ยิ่งใหญ่ของสมเด็จพระนเรศวรนามว่า "เจ้าพระยาปราบหงสาวดี" ด้วยความโดดเด่นของบทภาพยนตร์และคาแร็คเตอร์ช้างที่มีความเป็นเอกลักษณ์ สามารถแสดงออกถึงความเป็นไทย ทำให้เป็นจุดแข็งที่สร้างความเชื่อมั่นได้ว่า ก้านกล้วยจะสร้างประวัติศาสตร์ให้กับวงการแอนิเมชั่นเมืองไทยในฐานะผู้เปิดประตูสู่ระดับสากลเป็นครั้งแรก

ทั้งนี้ นายจาฤก กัลย์จาฤก กรรมการบริหารบริษัท กันตนาแอนนิเมชั่น จำกัด เปิดเผยว่า ในส่วนของการทำแอนิเมชั่นซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการให้ชีวิตแก่ตัวละครสร้างให้ตัวละครและสิ่งประกอบแวดล้อมต่าง ๆ ในภาพยนตร์มีการเคลื่อนไหวได้อย่างสมจริงมีชีวิตชีวา รวมทั้งสร้างอารมณ์และความรู้สึกของตัวละครให้เป็นธรรมชาติ เพื่อความสนุกสนานของภาพยนตร์นั้นได้หัวเรือหลักระดับมืออาชีพอย่าง คมภิญญ์ เข็มกำเนิด ซึ่งเคยฝากผลงานในการ์ตูนแอนิเมชั่นชื่อดังของวอล์ท ดิสนีย์และบลูสกาย สตูดิโออย่าง ทาร์ซาน (Tarzan), ไอซ์เอจ (Ice Age) และ แอตแลนติส (Atlantis) มาเป็นผู้กำกับควบคุมการผลิตให้ออกมาดีที่สุด โดยมีทีมงานในส่วนของการผลิตทั้งหมดกว่า 100 คน



จุดเริ่มต้น "ก้านกล้วย"

...คมภิญญ์ เข็มกำเนิด กล่าวถึงที่มาของก้านกล้วยว่า มาจากตัวหนังสือ 2 บรรทัดในประวัติศาสตร์ที่บอกไว้ว่า ช้างทรงของสมเด็จพระนเรศวรมีหลังโค้งแปรดังก้านกล้วย ซึ่งเป็นลักษณะที่ดีของช้าง บวกกับทางบริษัทกันตนา แอนนิเมชั่น มองหาโปรเจ็กต์ที่จะผลิตภาพยนตร์และต้องการผสานเอกลักษณ์ความเป็นไทยลงสู่โลกแอนิเมชั่น ทำให้กันตนาเลือกโปรเจ็กต์ "ก้านกล้วย" เป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องแรก และอาศัยระยะเวลาในการผลิตกว่า 2 ปี จากความร่วมมือระหว่างทีมงานชาวไทยที่ดูแลในส่วนของการเขียนบท, ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ รวมทั้งผู้ดูแลฉากที่ทำงานควบคู่ไปกับทีมงานจากฮอลลีวู้ดด้วยทุนสร้างกว่า 150 ล้านบาท

"งบประมาณในการลงทุนเบื้องต้นเราวางไว้ 50 ล้านบาท แต่ว่าสุดท้ายจบลงที่ 150 ล้านบาท ถือว่าเป็นทุนสร้างที่เยอะมาก เมื่อเทียบกับภาพยนตร์ทั่วไป แต่ภาพยนตร์แอนิเมชั่นเป็นสื่อที่ต้องอาศัยเงินทุนที่สูง ต้องอาศัยเวลา และคนจำนวนเยอะ ส่วนในเรื่องของทีมงานจะว่าไปก็เหมือนโปรดักชั่นในการทำหนัง อาจจะต่างกันตรงกระบวนการนิดหน่อยตรงที่ว่า เราต้องทำการตัดต่อในช่วงที่เป็น storyboard ให้เสร็จสมบูรณ์ เหมือนเป็นหนังทั้งเรื่องโดยมีเสียงมีภาพที่สมบูรณ์ แต่จะเป็นภาพนิ่ง ในขณะที่หนังทั่วไปเขาจะถ่ายเป็นฟุตเตจแล้วนำมาตัดต่อ แต่การทำแอนิเมชั่นเราต้องทราบก่อนว่าหนังมันเป็นอย่างไร"

...หลายคนอาจพอนึกภาพกระบวนการผลิตภาพยนตร์ทั่วไปได้ แต่หากเอ่ยถึงภาพยนตร์แอนิเมชั่น หลายคนอาจจะมีความสงสัยว่า มีความเหมือนหรือแตกต่างจากภาพยนตร์โดยทั่วไปอย่างไร ซึ่งผู้กำกับคมภิญญ์ ได้พูดถึงขั้นตอนในการผลิตการ์ตูนแอนิเมชั่นว่า

"เมื่อได้พล็อตเรื่องแล้ว เราก็จะมีทีมเขียนสคริปต์ซึ่งจะเป็นแบบกึ่ง ๆ เบรนสตรอมร่วมกับครีเอทีพประมาณ 5- 6 คน จะคอยรับส่งเสนอไอเดียกันและก็จะมีสกรีนไรเตอร์คือ คุณอมราพร แผ่นดินทอง ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมเขียนบทภาพยนตร์เรื่อง 'แฟนฉัน' คอยสรุปไอเดีย จนกระทั่งได้สคริปต์เป็นรูปเป็นร่างครบสมบูรณ์ นำไปพากษ์เสียงและเอาสคริปต์มาแตกเป็นภาพนิ่ง เขียนเป็นสตอรี่บอร์ด แล้วก็สแกนเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์และตัดต่อพร้อมเสียง ทั้งเสียงพากษ์ เสียงเพลง เสียงดนตรี หรือซาวน์เอฟเฟ็กต์ต่าง ๆ ที่พอไกด์อารมณ์ของหนังได้

จากนั้นก็ให้ทีมอาร์ตออกแบบดีไซน์คาแร็คเตอร์ ออกแบบแบ็คกราวด์อย่างโลกอยุธยาสมัยนั้นจะเป็นอย่างไร กรุงหงสาวดีน่าจะเป็นแบบไหน จากนั้นก็ส่งไปยังแผนกแอนิเมชั่น เขาก็จะศึกษาว่าฉากนี้ต้องทำอะไรบ้าง เช่น ตัวละครจะต้องแสดงอะไรโดยเขาจะฟังเสียงคาแร็คเตอร์บวกกับเสียงประกอบอื่น ๆ จนเข้าใจว่าตัวละครต้องการอะไร

เมื่อทำแอนิเมชั่นเสร็จก็จะส่งไปแผนกแสงรวมไปถึงพื้นผิวด้วยอย่างผิวของช้าง โทนสีซึ่งเราก็จะตั้งอยู่ในความเป็นจริง แต่เติมสีให้มันดูจัดจ้านขึ้น รวมทั้งปลูกขน หนวด จากนั้นก็จัดแสงไปตามอารมณ์ของฉากนั้น ๆ จากนั้นก็วางองค์ประกอบภาพให้ดูสมบูรณ์ รวมทั้งใส่สเปเชียลเอฟเฟ็กต์ เช่น ลม ฝุ่น ฝน ไฟให้ดูสมจริงขึ้น สุดท้ายก็เอาไปลงฟิล์มปรับสีที่ฟิล์มอีกครั้งหนึ่ง แล้วก็ประกอบดนตรีครั้งสุดท้าย"





การวางคาแร็คเตอร์ตัวละคร

...ตัวละครก้านกล้วยเดินเรื่องตั้งแต่ยังเป็น เด็กชายก้านกล้วย อยู่ในโขลงช้างกับ แสงดา ผู้เป็นแม่ จนกระทั่งชีวิตผกผันเป็นช้างหนุ่ม จนได้เข้ามาฝึกบุคลิกภาพ เพื่อคัดเลือกตัวเป็นช้างทรงพระมหากษัตริย์ ดังนั้นการวางคาแร็คเตอร์ของก้านกล้วยจึงเป็นเรื่องยากซึ่งผู้กำกับคมภิญญ์ เข็มกำเนิดได้กล่าวถึงคาแร็คเตอร์ของก้านกล้วยว่า

"ตัวละคร ก้านกล้วย เป็นช้างที่มีความสามารถ เก่ง มีแววตั้งแต่เด็ก แต่ว่าถูกเลี้ยงมาโดยไม่ให้ไปยุ่งกับเรื่องเดือดร้อน บุคลิกในตอนแรกจะถอดแบบมาจากแม่คือ แม่จะสอนให้รักสงบ จากนั้นชะตากรรมจะทำให้ก้านกล้วยเริ่มเป็นผู้กล้ามากขึ้น ต้องปกป้องคนอื่น ประเด็นสำคัญคือ การเลือกทางเดิน ก้านกล้วยจะเลือกไปทางไหน ซึ่งเขาเลือกไปหาพ่อ ไม่เชื่อฟังคำสั่งแม่ ทำให้มีชีวิตแบบหักเห แล้วจะมีทางเลือกผ่านเข้ามาเรื่อย ๆ ผ่านการเรียนรู้ว่า เขาจะเลือกทางไหนดี ทางที่จะอยู่เพื่อตัวเองอย่างมีความสุขหรืออยู่เพื่อคนอื่น ส่วนการวางคาแร็คเตอร์ เนื่องจากตัวละครมีพัฒนาการตั้งแต่เด็กจนโต ตอนเด็กก้านกล้วยจะมีเชฟเตี้ย ๆ กลม ๆ ดูน่ารัก และเมื่อเป็นผู้ใหญ่ขึ้นจะเริ่มมีเหลี่ยมเข้ามา ส่วนการวางสีตอนแรก ก้านกล้วยเราดีไซน์ให้เป็นสีเทาอมฟ้าคือ ยังตั้งอยู่บนความจริง แต่เรารู้สึกว่าต้องใช้สีจัดจ้านขึ้นมาหน่อย ก็ลดลงให้เหลือแค่สีฟ้าซึ่งก็ดูเหมาะกับบุคลิกของก้านกล้วย"

...ส่วนช้างที่เป็นคู่รักของก้านกล้วยคือ ชบาแก้ว ช้างผู้ให้กำลังใจและคอยปลอบใจยามก้านกล้วยมีทุกข์ คาแร็คเตอร์ของชบาแก้ววางไว้ให้เป็นผู้หญิงที่มั่นใจในตนเอง อายุมากกว่าก้านกล้วย และมีความผูกพันกับมนุษย์คือ ควาญมะหูด ซึ่งชบาแก้วนับถือดั่งพ่อ

"ชบาแก้ว เป็นช้างกำพร้าไม่รู้จักพ่อแม่เลย ถูกเลี้ยงมาด้วยคน เขาจะมองคนกับช้างเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน ชบาแก้วจะเรียก มะหูด ที่เลี้ยงตัวเองมาว่าพ่อ เพราะฉะนั้นบุคลิกของชบาแก้วจะเป็นเฟมินิสต์คือ ดูแลสิทธิ์ของตัวเอง ตัวละครชบาแก้วจะเป็นโทนสีชมพู เพราะสีชมพูคือบุคลิกของผู้หญิง"

...ก่อนที่ก้านกล้วยจะเลือกทางเดินให้กับชีวิตตัวเอง ก้านกล้วยก็อยู่ในโขลงช้างซึ่งมีแสงดาหรือแม่เป็นผู้ปกป้อง คอยสั่งสอน ก้านกล้วยกับแม่สนิทกันมาก แต่สิ่งหนึ่งที่แม่ไม่เคยบอกก้านกล้วยคือเรื่องของพ่อ ด้วยความอยากรู้ว่าพ่อตัวเองเป็นใครทำให้โชคชะตานำพาก้านกล้วยไปพบกับเรื่องราวต่าง ๆ

"แสงดาแม่ของก้านกล้วยเป็นช้างที่ดูแลลูก รักและคอยปกป้องลูกเหมือนกับแม่คนอื่นไม่อยากให้ลูกไปเจออันตราย หรือถ้าอันตรายเข้ามาก็จะหนีห่าง หรืออาจจะบังคับลูกว่า อย่านะ อย่าทำอย่างนั้นอย่างนี้นะ"

...อีกหนึ่งตัวละครที่เป็นสีสันในเรื่องคือนกพิราบสื่อสาร เพื่อนแท้ของก้านกล้วย "จิ๊ดริด" ซึ่งคอยทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงคอยเตือนและบอกกล่าวในสิ่งที่ก้านกล้วยไม่รู้

"จิ๊ดริด จะเป็นนกพิราบสื่อสารหน้าที่หลักคือ เป็นหน่วยแทรกซึมไปตามหมู่บ้านต่าง ๆ คอยส่งซิกแนลและเป็นนกที่ชอบดูมวย เห็นการต่อสู้ที่ไหนต้องเข้าไปร่วมด้วย แต่ว่านิสัยของจิ๊ดริดจะเป็นนกที่ขี้ขลาด ไม่ค่อยกล้า แต่เมื่อมาเจอกับก้านกล้วยก็รู้สึกถูกชะตา ก็เลยทำหน้าที่เหมือนเป็นพี่เลี้ยงของก้านกล้วยในทางที่ถูกต้อง แม้ว่าก้านกล้วยจะเชื่อบ้างหรือไม่เชื่อแต่ก็ถือว่าเป็นเพื่อนแท้กัน"

...ส่วนศัตรูคู่อาฆาตของก้านกล้วยคือ ช้างศึกของพม่าที่ช้างตัวใดเห็นเป็นอันต้องถอยทัพหนี "งวงแดง" เป็นช้างศึกที่ทรงพลังมากและไม่เคยแพ้ใครในสงคราม

"งวงแดง เป็นช้างศึกอันดับหนึ่งของพม่า มีความสามารถเก่งกล้ามีพลังในตัว หากใครได้เห็นงวงแดงก็จะเกรงกลัวไม่กล้าเข้ามาสู้ ทำให้งวงแดงสามารถที่จะขึ้นมาเป็นจอมราชันย์แห่งช้างได้อย่างสบาย ก้านกล้วยเองเมื่อได้เจองวงแดงก็เกิดความรู้สึกกลัว แต่ก็พยายามข่มใจ แต่ตัวงวงแดงเมื่อได้เจอกับก้านกล้วยกลับคิดว่า ไอ้ช้างตัวนี้มีบุคลิกดีจะต้องมาเป็นคู่แข่งในอนาคตอย่างแน่นอน จึงจำเป็นต้องกำจัดเสียก่อน ส่วนการดีไซน์คาแร็คเตอร์ของงวงแดงก็จะไปในเชิงสูงใหญ่ สะโพกแบบแหลม ๆ มีเหลี่ยมมีมุมให้ดูแข็งแรงโหดร้าย"



การลงพื้นที่ภาคสนาม

...ฉากหลังของภาพยนตร์การ์ตูนแอนิเมชั่นเรื่อง "ก้านกล้วย" ได้แรงบันดาลใจจากป่าเขาใหญ่ซึ่งทีมงานแอนิเมเตอร์และทีมงานกว่า 100 คนต้องไปรีเสิรช์สถานที่จริงตามปางช้างและป่าที่คาดว่าจะมีสัตว์ใหญ่อย่างช้างอาศัยอยู่

"เนื่องจากภาพยนตร์เรื่องนี้จะอยู่ตรงกลางระหว่างกราฟฟิคกับเรียลลิสติก จึงต้องมีการเทรนทีมงานในเรื่องของแอ็คติ้ง เรื่องการเคลื่อนไหวก็พาทีมงานแอนิเมเตอร์ไปดูปางช้าง ไปดูธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกที่ต้องดีไซน์ฉาก ดีไซน์บรรยากาศ คือมันต้องอิงจากสถานที่จริงเท่านั้นจึงจะสามารถถ่ายทอดออกมาได้เหมือน เราก็ไปปางช้าง เก็บวิดีโอลักษณะท่าทางของช้าง ไปป่าเขาใหญ่ นอนในป่าพยายามที่จะเดินตามช้าง ดูช้างป่าว่าเขาอยู่กันอย่างไร แต่ปรากฏว่าเราเจอแต่มูลช้าง (หัวเราะ) ตอนไปเขาใหญ่ผมรู้สึกว่า ป่าไทยจะไม่เหมือนป่าอื่นไม่เหมือนป่าแคลิฟอร์เนีย ป่าสิงคโปร์ซึ่งทีมงานเขาถ่ายทอดออกมาได้ดีมาก

ส่วนการดีไซน์เมืองอยุธยาหรือพม่าเราจะหาข้อมูลเชิงประวัติศาสตร์ไทยและพม่าควบคู่ไปด้วย นอกจากนี้ก็จะมีการหาข้อมูลของปางช้าง อย่างการทำพิธีกรรมที่เกี่ยวกับช้าง การออกศึก กระบวนสงครามและเลือกเอามาใช้หรือการออกแบบท่าทาง หากว่าทีมแอนิเมเตอร์ต้องการถ่ายทอดความรู้สึกตรงนั้นออกมา บางครั้งเขาต้องเทสต์กับตัวเอง อย่างฉากที่ก้านกล้วยขาเจ็บเราก็ไปดู ไปศึกษาว่า เวลาช้างเจ็บเขารักษาพยาบาลกันยังไง ก็ทราบว่าช้างจะต้องเข้าเฝือกโดยการเอาเชือกมามัดพุงช้างโยงเข้ากับเสากับคาน ช้างก็จะประคองขาตัวเองแล้วอารมณ์ของก้านกล้วยตอนนั้นก็จะโกรธด้วยก็พยายามเคลื่อนไหว ขัดขืน ขาก็เจ็บ โกรธก็โกรธ เราก็จับทีมแอนิเมเตอร์มัดเชือกผูกเข้ากับราวบันไดให้มีความรู้สึกว่ามือกับเท้ายังไม่ติดพื้นและเอาไม้ไปแหย่ เขาก็จะดิ้นจะขยับเราก็ถ่ายความรู้สึกตรงนั้นมาใช้"



ทีมพากย์

...นอกจาก "ก้านกล้วย" จะเป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่มีความน่าสนใจทางด้านเนื้อหาและตื่นตาทางด้านแอนิเมชั่นแล้ว ทางด้านการพากย์เสียงก็ยังได้นักแสดงระดับมืออาชีพที่มีเสียงเป็นเอกลักษณ์มาพากย์เป็นตัวละครต่าง ๆ อาทิ พระเอกชื่อดัง ภูริ หิรัญพฤกษ์ พากย์เสียงเป็นตัวละคร ก้านกล้วยตอนโต ส่วน ก้านกล้วยตอนเด็ก พากย์เสียงโดย น้องเก็ท เด็กชายอัญญาฤทธิ์ พิทักษ์ติกุล ดาราเด็กสุดน่ารักจากภาพยนตร์เรื่อง "แฟนฉัน" ส่วนช้างแสนสวย ชบาแก้วตอนโต ให้เสียงพากย์โดยนางเอกสาว จุ๋ย วรัทยา นิลคูหา และ ชบาแก้วตอนเด็ก ได้เสียงน่ารัก ๆ จากน้องเกรซ ด.ญ.นวรัตน์ เตชะรัตนประเสริฐ

...นอกจากนี้ตัวละครอื่น ๆ เช่น จิ๊ดริด นกพิราบสื่อสารที่คอยเป็นพี่เลี้ยงให้กับก้านกล้วยพากย์เสียงโดย พงษ์สุข หิรัญพฤกษ์ พิธีกรหนุ่มจากรายการ ไออีโชว์, พังนวล ย่าของก้านกล้วยพากย์เสียงโดย ป้าจุ๊ จุรี โอศิริ, แสงดา แม่ที่คอยห่วงใยก้านกล้วยอยู่เสมอได้ นันทนา บุญหลง นักแสดงและนักร้องชื่อดังรับหน้าที่พากย์, มะโหนก เพื่อนตัวแสบของก้านกล้วยได้ โก๊ะตี๋ รับหน้าที่พากย์, มะหูด ควาญช้างที่ชบาแก้วนับถือเหมือนพ่อ พากย์เสียงโดย ป๋าเทพ สุเทพ โพธิ์งาม, นายกองพม่า ได้ ติ๊ก กลิ่นสี พิธีกรอารมณ์ดีรับหน้าที่พากย์ ส่วน สุเมธ องอาจ นักร้องเสียงดีจากสุเมธแอนด์เดอะปั๋งพากษ์เสียงเป็น พระนเรศวร และสุดท้าย สิงขร เพื่อนของพ่อก้านกล้วยได้มือพากย์ชั้นนำของวงการอย่าง รอง เค้ามูลคดี รับหน้าที่พากย์เสียง


ความยากและความท้าทายใน "ก้านกล้วย"

...เนื่องจากความต้องการของทีมงานและผู้กำกับที่อยากให้ "ก้านกล้วย" เป็นหนังที่สมบูรณ์เหมือนจริงทั้งทางด้านภาพและเนื้อหา ก้านกล้วยจึงเป็นโจทย์ที่ยากมาก ทั้งยังมีอุปสรรคให้เหล่าทีมงานต้องแก้ปัญหาตลอดเวลา ซึ่งผู้กำกับคมภิญญ์ เข็มกำเนิดเป็นตัวแทนกล่าวถึงอุปสรรคความยากง่ายในโปรเจกต์ตลอด 3 ปีนี้ว่า

"ผมมองว่ามันท้าทายมากกว่า มันมีทั้งสิ่งที่ยากที่สุดคือ มันเป็นสิ่งแรกครั้งแรกที่เราได้มาทำงานแบบนี้ อย่างผมเองเคยทำงานอยู่ต่างประเทศก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งในทีม แต่ตอนนี้เราต้องเข้ามารับแบบเต็ม ๆ กับเหล่าทีมงาน และทีมงานส่วนใหญ่ของเราเกือบทั้งหมดยังไม่เคยมีประสบการณ์ในการทำภาพยนตร์ ตอนแรกก็ประมาณการว่า ปัญหาน่าจะมีประมาณนี้ แต่พอลุยเข้าไปแล้วปัญหามันเริ่มเยอะขึ้น ตอนแรกก็กลัวว่าจะออกมาสมจินตนาการหรือเปล่า ก็พยายามผลักดันให้มันดี มีการวิจารณ์ การประชุม และแก้ไขตลอดเวลา มีไอเดียอะไรดี ๆ เราก็หยิบมาใส่ มาปรับปรุง พัฒนาเปลี่ยนแปลงจนบางครั้งมันมีชีวิตของมันโดยที่เราไม่ได้ควบคุม มันเบ่งบานด้วยตัวเองพวกเราเองก็รู้สึกโตไปกับมันด้วย"


คาแร็คเตอร์ตัวละคร

ก้านกล้วย - พลายภูเขาทอง - พระยาไชยานุภาพ – เจ้าพระยาปราบหงสาวดี

...ก้านกล้วยเป็นช้างรูปงาม มีหลังโค้งแปแบบก้านกล้วย อันเป็นที่มาของชื่อภาพยนตร์ "ก้านกล้วย" สำหรับช้างแล้ว นี่ถือเป็นคชลักษณ์หรือลักษณะของช้างอันดียิ่ง จนพังนวลย่าของเขาทำนายว่า โตขึ้นเขาจะต้องเป็นช้างที่กล้าหาญเหมือนพ่อ ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่แม่ของเขาไม่ยินดีด้วยเลย เพราะกลัวว่าถ้าเขาโตขึ้นและเป็นเหมือนพ่อจริง ๆ นางจะต้องเสียเขาไป เหมือนที่เคยเสียพ่อของเขามาแล้ว ด้วยความกล้าหาญบวกกับคุณสมบัติที่ดีพร้อม ทำให้ก้านกล้วยได้รับเลือกเป็น พระคชาธารของพระนเรศวร โดยมีชื่อใหม่ว่า "พระยาไชยานุภาพ" เขานี่เองที่เป็นกำลังสำคัญในการทำยุทธหัตถีครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด ระหว่างพระนเรศวรกับพระมหาอุปราชา อันนำมาซึ่งชัยชนะและความร่มเย็นแห่งกรุงศรีอยุธยา และความเก่งกล้าของก้านกล้วยทำให้เขาได้รับพระราชทานนามว่า "เจ้าพระยาปราบหงสาวดี"


ชบาแก้ว

...ช้างสาวผู้ร่าเริง น่ารักและมีจิตใจอันดีงาม ชบาแก้วเป็นช้างที่เกิดในหมู่บ้านเธอจึงคุ้นเคยกับการอยู่กับมนุษย์และมีความรู้สึกที่ดีต่อพวกเขา เธอคอยช่วยงานมนุษย์เสมอ หน้าที่หลักของเธอคือ การดูแลเด็ก ๆ ในหมู่บ้าน และเข้าไปเก็บผลหมากรากไม้ในป่า ชบาแก้วเป็นช้างที่มีน้ำใจ เมื่อเห็นใครเดือดร้อนก็จะเข้าไปช่วยเสมอ ด้วยนิสัยเช่นนี้เองทำให้เธอได้รู้จักกับก้านกล้วย และหลังจากที่ได้รู้จักกันและเติบโตมาด้วยกัน ความรักของทั้งคู่ก็งอกงามขึ้น ในขณะเดียวกันชบาแก้วก็ค่อย ๆ สอนให้ก้านกล้วยไว้ใจมนุษย์ จนกระทั่งเขายอมพลีชีพต่อสู้เคียงคู่กับมนุษย์


จิ๊ดริด

...นกพิราบ คู่หูตัวป่วนของก้านกล้วย เป็นนกช่างพูด ตลก ชอบโวยวาย และหลงตัวเองเป็นที่สุด โดยตำแหน่งเขาเป็นพิราบสื่อสารแห่งกองทัพอยุธยา แต่ถึงแม้จะมีข้อเสียหลาย ๆ อย่าง แต่จิ๊ดริดก็เป็นนกที่มีจิตใจดีงาม กล้าหาญ และรักความยุติธรรม เมื่อได้รู้จักกับการก้านกล้วยและเห็นแววของช้างตัวนี้ เขาก็ให้การสนุบสนุน ทุกวิถีทาง โดยทำตัวไม่ต่างจากพี่เลี้ยงที่คอยให้คำปรึกษาและให้กำลังใจก้านกล้วยเสมอมา


งวงแดง – พลายพัทกอ

...ช้างร่างยักษ์ ผู้มีงวงสีแดงและมีดวงตาอันดุดัน เขาคือขุนศึกแห่งหงสาวดี เคยผ่านศึกสงครามมาแล้วหลายครั้ง ด้วยความโหดเหี้ยมไร้ความปราณี ทำให้เขาเป็นเหมือนเพชฌฆาตบนสมรภูมิรบ เพราะสิ่งที่อยู่ในใจช้างศึกผู้นี้ก็คือ เขาจะต้องเป็นช้างอันดับหนึ่งเสมอ และตลอดมาก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ ไม่เคยมีช้างเชือกไหนขึ้นมาเทียบกับเขาได้ ทั้งในแง่ของพละกำลังและชั้นเชิงการต่อสู้ ช้างเชือกใดที่หาญมาต่อกรกับเขาจะต้องพ่ายแพ้อย่างหมดรูป เพราะเช่นนี้เองแม้อายุจะมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่เขาก็ยังคงเชื่อมั่นว่าไม่เป็นรองใคร รวมทั้งก้านกล้วยช้างศึกนำทัพแห่งกรุงศรีอยุธยาด้วย


แสงดา

...แม่ของก้านกล้วย นางเป็นผู้ที่ก้านกล้วยรักมากที่สุด เพราะตลอดมาก้านกล้วยมีแต่แม่ที่คอยให้ความรัก ความเอาใจใส่ และทะนุถนอมดูแล นางต้องเลี้ยงลูกตามลำพังเนื่องจากพ่อของก้านกล้วยจากไปในสงคราม และไม่ได้กลับมาอีกเลย แสงดามีความรู้สึกไม่ดีต่อมนุษย์ เพราะคิดว่ามนุษย์ชอบจับช้างป่าไปทำงาน โดยเฉพาะนำไปฝึกเป็นช้างรบแบบพ่อของก้านกล้วย ดังนั้น แสงดาจึงมักสอนลูกให้เกลียดกลัวมนุษย์และก้านกล้วยก็เชื่อตามที่แม่สอน แต่เมื่อเขาได้เข้าไปอยู่กับคน เขากลับพบสิ่งที่ตรงกันข้ามนั่นก็คือจริง ๆ แล้วมนุษย์กับช้างอยู่ร่วมกันด้วยความรักและความผูกพัน


มะโรง

...ช้างหัวหน้าพวกเด็กเกเรในโขลง เป็นช้างรุ่นพี่ของก้านกล้วยมักอาศัยความที่โตกว่าและมีพวกมากรังแกก้านกล้วยอยู่เป็นประจำ แรก ๆ ก้านกล้วยก็พยายามข่มใจ แต่พอมะโรงกับพวกแกล้งหนักเข้า โดยเฉพาะล้อเลียนเรื่องพ่อ ก้านกล้วยก็ทนต่อไปไม่ได้ เมื่อเจอช้างที่เอาจริงอย่างก้านกล้วยก็ทำให้เห็นว่ามะโรงเก่งแต่ปาก นักเลงแต่ท่าทางท่าดีทีเหลว เป็นผู้ร้ายตลก ๆ ไม่น่ากลัวอะไรเลย


พังนวล

...ย่าของก้านกล้วย ช้างพังสูงอายุผู้มีตำแหน่งเป็นช้างแม่ปรก หรือช้างผู้นำโขลงออกหาอาหาร เนื่องจากมีอายุมากกว่าช้างตัวอื่น ๆ ใช้ชีวิตอยู่ในป่ามายาวนาน ทำให้รู้ดีว่าในแต่ละ ฤดูกาลควรนำโขลงไปทางใดจึงจะได้พบแหล่งอาหาร พังนวลเป็นผู้ตั้งชื่อให้กับก้านกล้วยโดยดูจากลักษณะของเขาว่าเป็นช้างที่มี หลังโค้งสวยแบบแปรก้านกล้วยถูกต้องตามตำรา นางรักและภาคภูมิใจในก้านกล้วยมาก นอกจากนี้ยังมั่นใจด้วยว่าโตขึ้นเขาจะต้องกลายเป็นช้างที่ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน


ลุงทะเรียน-ควาญมะหูด

...ชายชราผู้เป็นหัวหน้าควาญช้าง และผู้ฝึกสอนช้างป่าประจำหมู่บ้าน มะหูดได้รับความเคารพจากทุกคนในหมู่บ้าน ในฐานะผู้ที่รอบรู้เรื่องช้าง สามารถฝึกช้างที่ดุร้ายให้เชื่องได้ภายในเจ็ดวัน และนอกจากวิชาฝึกช้างที่สืบทอดมาจากรุ่นปู่รุ่นพ่อแล้ว เขายังเป็นผู้เชี่ยวชาญทาง คาถาอาคมมีมนต์สะกดช้างที่ร่ำเรียนมาจากพราหมณ์ผู้เฒ่าอีกด้วย ทว่าหลักสำคัญที่เขาใช้เวลาฝึกช้าง กลับไม่เกี่ยวกับเวทย์มนตร์คาถาใด ๆ แต่เป็นเรื่องของการให้ความรัก การดูแล เอาใจใส่ และการใช้คำพูดที่นุ่มนวล ซึ่งทำให้ช้างเชื่อฟังได้ในที่สุด


ประวัติผู้กำกับคมภิญญ์ เข็มกำเนิด

...เกือบสองทศวรรษที่ผู้กำกับชาวไทยคนนี้ คลุกคลีอยู่ในวงการแอนิเมชั่นมาโดยตลอดเริ่มจากการเรียนในภาควิชานิเทศน์ศิลป์ คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ซึ่งในครั้งนั้นเขาได้ทดลองทำงานแอนิเมชั่นของตัวเองเป็นเรื่องแรก หลังจากเรียนจบเขาได้ออกมาทำงานด้านคอมพิวเตอร์กราฟฟิค แต่ถึงอย่างนั้นความรักต่องานแอนิเมชั่นก็ยังคงอยู่อย่างเต็มเปี่ยม

...ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจเรียนต่อโดยตรงทางด้านแอนิเมชั่น โดยสถาบันที่เขาเลือกคือ California Institute of the Arts หรือ CAL Arts ซึ่งเป็นสถาบันสอนแอนิเมชั่นที่ได้รับการรับรองว่าดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ตลอดช่วงเวลาที่เขาอยู่ในสถาบันแห่งนี้เขาได้สร้างสรรค์งานแอนิเมชั่นขนาดสั้นออกมาหลายชิ้นได้แก่ Itch, School of Fish และ Hide, go seek ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อที่เขาจะได้ก้าวเข้าไปสู่โลกของแอนิเมชั่นเต็มตัว

...เมื่อเรียนจบเขาเริ่มงานแรกกับ Walt Disney โดยทำงานในตำแหน่ง In – between Animator ให้กับภาพยนตร์เรื่อง Atlantis และ Tarzan จากนั้นก็ย้ายมาร่วมงานกับ Blue Sky Studios ในตำแหน่งที่สำคัญยิ่งขึ้นนั่นก็คือ Character Animator ของ Ice Age ภาพยนตร์คอมพิวเตอร์แอนิเมชั่นที่ทำเงินไปทั่วโลก

...สุดท้ายเขาได้นำประสบการณ์ทั้งหมดกลับมาเมืองไทย และเข้าร่วมกับบริษัท กันตนา แอนนิเมชั่น สร้างสรรค์ผลงานแอนิเมชั่นของไทยเริ่มจากแอนิเมชั่นซีรีส์ชุด "ซน 100 %" ซึ่งเขาได้ทำงานในตำแหน่งผู้กำกับเป็นครั้งแรก ก่อนที่จะมาถึงงานที่มีความสำคัญที่สุดในชีวิตนั่นก็คือ ภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่อง "ก้านกล้วย" นี่คือผลงานที่เขาเชื่อมั่นว่าด้วยความรักและการทุ่มเทที่เขามีให้จะสร้างความสุข ความสนุกสนาน และความประทับใจให้กับผู้ชมไม่ว่าจะเป็นคนชาติไหนก็ตาม


บริษัทผู้สร้าง กันตนา แอนนิเมชั่น จำกัด

...บริษัท กันตนา กรุ๊ป เป็นบริษัทของไทย ที่ดำเนินงานทางด้านธุรกิจบันเทิงครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์, ภาพยนตร์, โฆษณา, หนังสือ, เพลง ฯลฯ ทั้งการสร้างสรรค์ผลงานของตัวเองและการให้บริการทางด้านอุปกรณ์ถ่ายทำ, สตูดิโอ, ห้องตัดต่อ, ฟิล์ม, ซาวด์แล็บ และอีกมากมาย หนึ่งในธุรกิจของ บริษัท กันตนา กรุ๊ป คือการผลิตผลงานแอนิเมชั่น โดยได้มอบหมายให้ บริษัท กันตนา แอนิเมชั่น เป็นผู้ดูแลรับผิดชอบงานส่วนนี้

...ย้อนกลับไปเมื่อปี 2530 บริษัท กันตนา แอนนิเมชั่น ได้ถือกำเนิดขึ้น และเริ่มต้นจากการทำงาน 2D Animation โดยร่วมกับบริษัทโตเอะ หนึ่งในบริษัทแอนิเมชั่นที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ผลิตผลงานการ์ตูนดัง ๆ อย่าง เซเลอร์มูน, ดรากอนบอล, สแลมป์ดังก์ และเซนด์ เซย่า ขึ้นมาจนมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก

...กว่า 10 ปีที่ผ่านมา กันตนายังคงทำงานแอนิเมชั่นมาอย่างต่อเนื่อง โดยหลังจากที่ทำงานร่วมกับโตเอะได้ระยะหนึ่ง ก็หันมาทำงานด้าน 3D Animation ให้กับงานโฆษณา, ภาพยนตร์ รายการโทรทัศน์ ฯลฯ ทั้งในรูปแบบของงานแอนิเมชั่น, คอมพิวเตอร์กราฟฟิค และสเปเชียลเอฟเฟ็กต์ต่าง ๆ ส่งผลให้ได้รับรางวัลมากมายและมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง

...ด้วยประสบการณ์เหล่านี้เองทำให้กันตนาเกิดความมั่นใจที่จะสร้างผลงานแอนิเมชั่นของตัวเองอย่างแท้จริงขึ้นมา โดยเริ่มจากโครงการแอนิเมชั่นเรื่องแรกนั่นก็คือ "ซน 100 %" การ์ตูนแอนิมเชั่นในแบบฉบับทีวีซีรีส์ซึ่งถูกปล่อยออกมาชิมลางทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 และได้รับผลตอบรับอย่างดีเยี่ยม

...จากแอนิเมชั่นซีรีส์ กันตนาตัดสินใจสร้างสรรค์ผลงานที่ใหญ่ยิ่งกว่า ได้แก่ ภาพยนตร์แอนิเมชั่นขนาดยาว โดยเริ่มต้นโครงการที่คิดฝันกันมายาวนาน นั่นก็คือ ภาพยนตร์เรื่อง "ก้านกล้วย" เรื่องราวของช้างทรงในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งมีส่วนกอบกู้เอกราชของชาติไทย เมื่อครั้งสงครามยุทธหัตถีปี 2135

...ภาพยนตร์เรื่องนี้นอกจากจะนำเสนอเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญแล้ว ยังแสดงให้เห็นถึงความผูกพันระหว่างคนกับช้าง รวมถึงธรรมชาติของช้างไทยอีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นวิถีแห่งความเป็นไทย ซึ่งทางกันตนาตั้งใจนำเสนอออกสู่สายตาชาวโลก

...และในปี 2549 นี้ "ก้านกล้วย" ก็จะได้ฤกษ์เปิดศักราชใหม่ให้กับภาพยนตร์แอนิเมชั่นของไทย ในฐานะภาพยนตร์ 3D Animation เรื่องแรกที่เกิดจากฝีมือคนไทยด้วยประสบการณ์และความทุ่มเทในทุกด้าน กันตนาเชื่อว่า นี่จะเป็นผลงานที่คนไทยทั้งประเทศจะได้มีส่วนภาคภูมิใจอย่างแท้จริง








Share this article :

แสดงความคิดเห็น