Home » » เพื่อนสนิท

เพื่อนสนิท

 

เพื่อนสนิท

  • Director: คมกฤษ ตรีวิมล
  • Starring: ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์, มณีรัตน์ คำอ้วน, ศิรพันธ์ วัฒนจินดา


ชื่อภาษาอังกฤษ : Dear Dakanda

คำโปรย : คุณเคยแอบรัก "เพื่อน" มั้ย?

จากหนังสือสารคดีท่องเที่ยวยอดเยี่ยมรางวัลนายอินทร์ อวอร์ด ที่หลายคนบอกว่าอบอวลด้วยกลิ่นไอรักมากกว่าหอมกลิ่นสายลมหรือแสงแดด กว่า 1,500 กิโลเมตร จากทิวเขาและไอหมอกในจังหวัดเชียงใหม่ สู่ไอน้ำเค็มของหมู่เกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎ์ธานี "เพื่อนสนิท" ติดตามความรักของ ไข่ย้อย หนุ่มนักศึกษาศิลปะ คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ ที่เกิดขึ้นสองครั้งสองครากับ เพื่อนสองคน
 

2 เดือนที่แล้ว ชายหนุ่มคนหนึ่ง รวบรวมความกล้าบอกรักเพื่อนสนิท

2 เดือนต่อมา ชายหนุ่มคนเดิม เป็นฝ่ายถูกบอกรักบ้างโดยเพื่อนสนิทอีกคน

เนื้อเรื่องย่อ:

กว่า 1500 กิโลเมตร จากทิวเขาและไอหมอกในจังหวัดเชียงใหม่สู่ไอน้ำเค็มของหมู่เกาะพะงัน จังหวัดสุราษฏ์ธานี ความรักของ ไข่ย้อย หนุ่มนักศึกษาศิลปะ คณะวิจิตรศิลป์มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ ที่เกิดขึ้นสองครั้งสองครากับเพื่อนสองคน ที่เชียงใหม่ "ไข่ย้อย" (ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์) คือ หนุ่มเมืองกรุงฯ จากโรงเรียนชายล้วนที่แสนขี้อาย เขาไม่กล้าคุยกับผู้หญิง พูดตะกุกตะกักทุกครั้งที่มีสาวๆ เข้ามาทัก เป็นเหตุให้ต้องคอยหลบเลี่ยงอยู่เสมอ จนกระทั่งหญิงสาวท่าทางสดใส กระฉับกระเฉงเกินมาตราฐานสาวเหนือทั่วไปเข้ามาสมัครเป็นเพื่อน เธอชื่อ "ดากานดา" (ศิรพันธ์ วัฒนจินดา) ซึ่งสำหรับไข่ย้อย ช่างเป็นชื่อที่แปลก แต่มีเสน่ห์สมตัวเจ้าของเป็นที่สุด ไข่ย้อยแอบหลงรักดา กานดาแต่ไม่เคยเอ่ยปาก ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ขยับเข้าใกล้มากที่สุดที่คำว่า เพื่อนสนิท เพราะดากานดามีคนที่เธอรัก ซึ่งไม่ใช่เขา
 
ที่พะงัน "ไข่ย้อย" คือ อาร์ติสหนุ่มจากเชียงใหม่ ที่อุตส่าห์ดั้นด้นมาเป็นคนไข้ถึงสถานีอนามัยแห่งเดียวบนเกาะ ไข่ย้อยพลัดตกจากดาดฟ้าเรือ ขาหักจากการพยายามขึ้นไปเล่นบทพระเอกมิวสิควิดิโอ ท่ามกลางคนแปลกถิ่นหน้าเข้ม พูดจาเร็วปรื๋อ ไข่ย้อยได้พยาบาลสาวตาโต ยิ้มเก่ง เป็นคนคอยดูแล เธอชื่อ "นุ้ย" (มณีรัตน์ คำอ้วน) ซึ่งสำหรับไข่ย้อย รอยไมตรีที่เธอจ่ายให้เขาบ่อยกว่าจ่ายยา ทำให้เขาสมัครเป็นคนไข้ไม่มีกำหนดหายอย่างเต็มใจ ไข่ย้อยรู้ว่านุ้ยมีใจให้เขา แต่เธอก็ไม่เคยเอ่ยปาก ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ขยับเข้าใกล้มากที่สุดที่คำว่า เพื่อนสนิท บางทีเธอคงรู้ว่า เขามีคนที่รัก ซึ่งไม่ใช่เธอ
 
ความรักของคนสามคน เกิดขึ้น สองสถานที่ สองเวลา ความรักของคนคู่ใดจะก้าวพ้นคำว่า เพื่อนสนิท ความรักของไข่ย้อย จะจบลงที่ไหน ภูเขา หรือ ทะเล
 
 

นักแสดง :

ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ ไข่ย้อย 
ศิรพันธ์ วัฒนจินดา ดากานดา 
มณีรัตน์ คำอ้วน นุ้ย 
อิศยม รัตนอุดมโชค  
ธนาบดินทร์ ยงสืบชาติ  
ปาณิสรา พิมพ์ปรุ 
 
ความยาว: 120 นาที
ระบบถ่ายทำ: ฟิล์ม 35 มม., สี
วันที่เข้าฉาย: 6 ตุลาคม 2548
 
ที่มา : บริษัทผู้สร้าง จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ภาพยนตร์

ตัวอย่างภาพยนตร์ เพื่อนสนิท

โปสการ์ดเพื่อนสนิท : คนที่ใช่ หรือ ใครที่ชอบ  
เขียนโดย Deknang  
อังคาร, 13 กันยายน 2005

เอื้อเฟื้อบทบันทึกงานสร้าง : พีอาร์ GTH (ที่เราเออ-ออเอาเองว่า) แสนสนิท...อิอิ

ปรู๊ฟตัวสะกดใหม่ทั้งหมด : ซิ้มแปด แฝดสนิท

ระดับความน่าตีสนิท :

บุคคลผู้สร้าง "เพื่อนสนิท" : บริษัท GMM ไท HUB จำกัด (สร้างสรรค์ความสนิท) / ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม, บุษบา ดาวเรือง, วิสูตร พูลวรลักษณ์, จินา โอสถศิลป์ (อำนวยการสร้างฝ่ายบริหารความสนิท) / จิระ มะลิกุล, ยงยุทธ ทองกองทุน, ประเสริฐ วิวัฒนานนท์พงษ์, เช่นชนนี สุนทรศารทูล (อำนวยการสร้างความสนิท) / คมกฤษ ตรีวิมล (กำกับภาพยนตร์จนสนิท) / นิธิศ ณพิชญสุทิน (บทภาพยนตร์สนิ้ทสนิท) / ฐิติพร รัตนอุดม (ดำเนินงานสร้างความสนิท) / ปราเมศร์ ชาญกระแส (กำกับภาพความสนิท) / รัชชานนท์ ขยันงาน (ออกแบบงานสร้างความสนิท) / ธาดร คล้ายปักษี (กำกับศิลป์แบบสนิท) / สุธี เหมือนวาจา (ออกแบบเครื่องแต่งกายด้วยความสนิท) / วิชชา โกจิ๋ว (ลำดับภาพความสนิท)


ถึง...เพื่อนสนิททั่วประเทศ

สวัสดี...คุณเคยแอบรักเพื่อนหรือเปล่า?

...คุณเคยมีเพื่อนหรือเปล่า? แล้วคุณเคยมีเพื่อนรักไหม? ถ้าเปลี่ยนคำถามใหม่ว่า คุณเคยแอบรักเพื่อนหรือเปล่าล่ะ? คำตอบของคุณคืออะไร ถ้าคำตอบของคุณคือ เคย แสดงว่าคุณเป็นคนหนึ่งที่มีความสัมพันธ์ทางใจกับใครบางคน คนที่คุณเรียกเขาว่า เพื่อนสนิท คนที่คุณสร้างมิตรภาพกับเขาด้วยรอยยิ้มในครั้งแรกที่เจอ คนที่คุณยินดีจะสร้างมิตรภาพกับเขาต่อด้วยการชวนไปกินข้าว และคนที่คุณยอมให้เขาเข้ามาจัดการอะไรบางอย่างในชีวิตคุณได้อย่างเสรี คนที่คุณรู้สึกว่าอยากเลิกใช้คำว่า เพื่อนสนิทกับเขาสักที ถ้าคุณพร้อมแล้ว รวบรวมความกล้าชวนเพื่อนสนิทมาพูดความในใจซะ เพราะ จีเอ็มเอ็ม ไท หับ เขาขยับจับเรื่องของ "เพื่อนสนิท" มาทำเป็นภาพยนตร์โรแมนกิ๊ก คอเมดี้ ฝีมือกำกับฯ ของ เอส คมกฤษ ตรีวิมล 1 ในผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง "แฟนฉัน" แล้ว เรื่องราวความรักของคนสามคน ที่เกิดขึ้น สองที่ สองเวลา แต่ความรักของคนคู่ไหนจะสามารถก้าวพ้นเส้นแบ่งบาง ๆ ระหว่างคำว่าเพื่อนไปได้ พวกเขาจะกล้าเปลี่ยนมิตรภาพของเพื่อนให้เกินกว่าเพื่อนมั้ย 6 ตุลาคม นี้ คำตอบทั้งหมดรอให้คุณซึ้ง สนุก สุข สนิทแล้ว ทุกโรงภาพยนตร์

จาก...คนไม่อยากเป็นเพื่อนสนิท

ถึง...เพื่อนสนิท

สวัสดี...นี่คือเรื่องของ เพื่อนสนิท รู้จักกันไว้ก็ดีนะ จะได้เป็นเพื่อนกัน

...2 เดือนที่แล้ว ชายหนุ่มคนหนึ่งรวบรวมความกล้าบอกรัก เพื่อนสนิท

...2 เดือนต่อมา ชายหนุ่มคนเดิมเป็นฝ่ายถูกบอกรักบ้างโดย เพื่อนสนิท อีกคน

...จากหนังสือสารคดีท่องเที่ยวยอดเยี่ยมรางวัลนายอินทร์ อวอร์ด ที่หลายคนบอกว่าอบอวลด้วยกลิ่นไอรักมากกว่าหอมกลิ่นสายลมหรือแสงแดด กว่า 1,500 กิโลเมตร จากทิวเขาและไอหมอกในจังหวัดเชียงใหม่ สู่ไอน้ำเค็มของหมู่เกาะพะงัน จังหวัดสุราษฏ์ธานี ความรักของ "ไข่ย้อย" หนุ่มนักศึกษาศิลปะ คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ ที่เกิดขึ้นสองครั้งสองครากับเพื่อนสองคน

ที่เชียงใหม่ "ไข่ย้อย" คือ หนุ่มเมืองกรุงฯ จากโรงเรียนชายล้วนที่แสนขี้อาย เขาไม่กล้าคุยกับผู้หญิง พูดตะกุกตะกักทุกครั้งที่มีสาว ๆ เข้ามาทัก เป็นเหตุให้ต้องคอยหลบเลี่ยงอยู่เสมอ จนกระทั่งหญิงสาวท่าทางสดใส กระฉับกระเฉงเกินมาตรฐานสาวเหนือทั่วไปเข้ามาสมัครเป็นเพื่อน เธอชื่อ "ดากานดา" ซึ่งสำหรับไข่ย้อย ช่างเป็นชื่อที่แปลก แต่มีเสน่ห์สมตัวเจ้าของเป็นที่สุด ไข่ย้อยแอบหลงรักดากานดา แต่ไม่เคยเอ่ยปาก ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ขยับเข้าใกล้มากที่สุดที่คำว่า "เพื่อนสนิท"

...เพราะดากานดามีคนที่เธอรักซึ่ง...ไม่ใช่เขา

ที่พะงัน "ไข่ย้อย" คือ อาร์ติสหนุ่มจากเชียงใหม่ ที่อุตส่าห์ดั้นด้นมาเป็นคนไข้ถึงสถานีอนามัยแห่งเดียวบนเกาะ ไข่ย้อยพลัดตกจากดาดฟ้าเรือขาหักจากการพยายามขึ้นไปเล่นบทพระเอกมิวสิค ท่ามกลางคนแปลกถิ่นหน้าเข้ม พูดจาเร็วปรื๋อ ไข่ย้อยได้พยาบาลสาวตาโต ยิ้มเก่งเป็นคนคอยดูแล เธอชื่อ "นุ้ย" ซึ่งสำหรับไข่ย้อย รอยไมตรีที่เธอจ่ายให้เขาบ่อยกว่าจ่ายยา ทำให้เขาสมัครเป็นคนไข้ไม่มีกำหนดหายอย่างเต็มใจ ไข่ย้อยรู้ว่านุ้ยมีใจให้เขา แต่เธอก็ไม่เคยเอ่ยปาก ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ขยับเข้าใกล้มากที่สุดที่คำว่า "เพื่อนสนิท"

...บางทีเธอคงรู้ว่า เขามีคนที่รักซึ่ง...ไม่ใช่เธอ

...ความรักของคนสามคน เกิดขึ้นสองสถานที่ สองเวลา ความรักของคนคู่ใดจะก้าวพ้นคำว่า "เพื่อนสนิท" ความรักของไข่ย้อย จะจบลงที่ไหน ภูเขา หรือ ทะเล

6 ตุลาคม คำตอบของความรักครั้งนี้ จ่าหน้ารอส่งถึงคุณแล้วทุกโรงภาพยนตร์

จาก...คนไม่อยากเป็นเพื่อนสนิท

 


ถึง...เพื่อนสนิท, เพื่อนที่เคยสนิท และเพื่อนที่กำลังจะสนิทกันทั่วประเทศ

สวัสดีครับ...ผม เอส คมกฤษ ตรีวิมล

...โปสการ์ดแผ่นนี้เป็นแผ่นแรกที่จะทำให้เรารู้จักกันดียิ่งขึ้นนะครับ ถ้ายังจำกันได้ผมก็คือหนึ่งในผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง "แฟนฉัน" ภาพยนตร์เรื่องเล็ก ๆ ที่เข้าไปอยู่ในใจของใครหลาย ๆ คนมาแล้ว และนั่นก็นับเป็นความสำเร็จที่ผมภาคภูมิใจไม่น้อยครับ ก่อนที่จะเขียนถึงเรื่องอื่น ผมขอเกริ่นประวัติของตัวเองก่อน ผมเกิดวันที่ 19 มกราคม 2516 ที่จังหวัดอยุธยา นับนิ้วดูคร่าว ๆ ตอนนี้ก็อายุ 32 ปี พอดีครับ ในวัยเรียนผมก็ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนตามแบบฉบับของชายหนุ่มอารมณ์ดีทั่วไป จนกระทั่งปี 2540 ความตั้งใจของผมก็บังเกิดผล จนสามารถคว้าปริญญาตรีจากคณะนิเทศศาสตร์ สาขาภาพยนตร์และภาพนิ่ง จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้สำเร็จ ระหว่างที่ศึกษาอยู่ก็ไม่ได้นิ่งดูดายมีโอกาสได้ทำกิจกรรมอันเป็นประโยชน์ต่อมหาวิทยาลัย ด้วยการร่วมก๊วนกับเพื่อนสนิท ทำละครเวทีของคณะตอนปี 4 เรื่อง "มหัศจรรย์ บัลลังก์อลเวง" หลังจากสำเร็จการศึกษาก็หันหน้าเข้าทางธรรมด้วยการบวชเพื่อทำจิตใจให้มั่นคงและเพื่อเพิ่มสมาธิในการทำงาน ก่อนที่จะลาสิขาบทมาลุยงานเต็มที่ตามประสาคนไฟแรง ประเดิมด้วยการทำงานของนักเรียนทำหนัง "หนังนักเรียน นักเรียนหนัง" และการทำงานครั้งนี้เองผมได้มีโอกาสร่วมงานกับพี่อุ๋ย (นนทรีย์ นิมิตบุตร) และด้วยเหตุผลที่ไม่ค่อยแน่ชัด หลังจากนั้นผมยังได้ร่วมงานกับพี่อุ๋ยอีกครั้งด้วยการทำสารคดีแนวลึกลับ เหนือธรรมชาติ เกี่ยวกับหุ่นละครผี เรื่อง "ฉงน" และการทำงานที่ผ่านมาทั้งหมดล้วนเป็นประสบการณ์ที่ทำให้เกิดผลงานชิ้นต่อ ๆ ไปของผม ส่วนจะท้าทายและทรหดแค่ไหน คุณต้องอ่านโปสการ์ดแผ่นต่อของผมให้ได้นะครับ

จาก...เอส คนหน้าคุ้น

ถึง...เพื่อนสนิท, เพื่อนที่เคยสนิท และเพื่อนที่กำลังจะสนิทกันทั่วประเทศ

สวัสดีครับ...ผมกำลังจะทำหนังครั้งแรกในชีวิตแล้วครับ

...หลังจากสั่งสมประสบการณ์มาได้สักระยะ อนาคตทางภาพยนตร์ของผมก็เริ่มสดใสขึ้นตามลำดับโดยในปี 2541 ผมเริ่มต้นด้วยการรับหน้าที่เป็นผู้ช่วยผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง "นางนาก" ปี 2542 รับหน้าที่เป็นผู้ช่วยผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง "ฟ้าทะลายโจร" หลังจากทำงานภาพยนตร์อยู่พักใหญ่ ปี 2543 ชีวิตก็มีโอกาสได้ลิ้มลองงานด้าน presentation สารคดีทางโทรทัศน์ "ทรัพย์แห่งแผ่นดิน" ของกรมทรัพยากรธรณี และได้ทำงานละครชิ้นแรกเมื่อปี 2544 ด้วยการเป็นผู้กำกับร่วมของละครเรื่อง "คู่กัดหัวใจฟัดเหวี่ยง" ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 ถึงตอนนั้นจะกำลังสนุกกับงานด้านโทรทัศน์ แต่ใจก็ยังคงรักหนังไทยอย่างเข้มข้น ด้วยเหตุนี้ ปี 2545 ผมจึงรวมตัวกับเพื่อนสนิท อีก 5 คน ทำภาพยนตร์เรื่อง "แฟนฉัน" ภาพยนตร์น่ารักที่กระแสดีเกินคาด นับเป็นผลงานที่พวกเราภาคภูมิใจอย่างที่สุด และเป็นที่มาของรางวัลเกียรติยศ เช่น รางวัลสุพรรณหงส์ทองคำ ผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, รางวัลจากนิตยสาร BIOSCOPE AWARD และรางวัลจาก Star Entertainment Award หลังจากใช้ชีวิตเสมือนนักแสดงได้พักใหญ่ ปี 2547 ผมก็ได้หันมาสัมผัสงานด้านโทรทัศน์อีกครั้งด้วยการเป็นผู้กำกับละคร sit-com เรื่อง "สงครามข้างเตา" การทำงานที่หลายหลากทำให้ผมได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง และการเดินทางสานฝันของผมจากวันนั้นจนถึงวันนี้ ปี 2548 ผมมีอะไรในใจจะบอกคุณ

จาก...เอส คนมีความในใจ

ถึง...เพื่อนสนิท, เพื่อนที่เคยสนิท และเพื่อนที่กำลังจะสนิทกันทั่วประเทศ

สวัสดีครับ...คุณเคยมีเรื่องติดอยู่ในใจไหม

...ความในใจที่ผมว่าก็คือ เมื่อสมัยที่ผมเรียนจบใหม่ ๆ ผมประทับใจหนังสืออยู่เล่มหนึ่งคือเรื่อง "กล่องไปรษณีย์สีแดง" หลังจากอ่านแล้วเรื่องราวความรักในหนังสือเล่มนี้ก็ติดอยู่ในใจของผมตลอดเวลา แถมยังทำให้ผมเกิดความทะยานอยากที่จะให้เรื่องราวเหล่านั้นได้รับการถ่ายทอดออกมาเป็นภาพยนตร์อีกต่างหาก ในที่สุดผมก็กลายเป็นคนไข้ที่ต้องการการรักษา จึงหอบเอาโรคประหลาดนี้ไปปรึกษานายแพทย์ที่มีชื่อว่า พี่เก้ง (จิระ มะลิกุล) เพียงเพราะหวังว่าโรคนี้จะได้รับการรักษาในแบบที่ถูกวิธี แต่ก็ไม่ง่ายอย่างที่คิดหรอกครับ เพราะผมไม่รู้ว่านายแพทย์พี่เก้งจะรับรักษาหรือเปล่า แต่เรียกว่าโชคยังเข้าข้างคนหน้าตาดีแถมคมเข้มอย่างผมอยู่บ้าง เพราะเพียงแค่เอ่ยปากถึงหนังสือเล่มนี้ พี่เก้งก็รู้จักและแอบชื่นชอบเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน ผมจึงได้ที รีบเสนอหน้าขอพัฒนาเป็นบทภาพยนตร์มาให้ดู หลังจากนั้นผมให้ ไอ้หมู (นิธิศ ) เพื่อนสนิทอีกคน รับหน้าที่เขียนบทให้ เหตุผลนะเหรอครับ ผมว่ามันน่ะเหมือนพระเอกในเรื่องที่สุดแล้ว แถมยังมีตำแหน่งนักเขียนพ่วงท้ายอีกต่างหาก เราเริ่มทำงานกันตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 46 จนถึงกลางปี 47 เราก็ได้ทรีทเมนต์อย่างยาวมาให้พี่เก้งดู แล้วก็ปรับกันเรื่อย ๆ จนกระทั่งเดือนธันวาคมปี 47 ผมก็ได้ภาพยนตร์รักที่น่ารักฉบับสมบูรณ์มาครอบครอง รวมระยะเวลาในการทำบทก็ 1 ปีเต็ม ๆ หนังจึงเต็มไปด้วยอารมณ์ขันของผม และบทบาทของตัวละครที่จริงมาก เพราะเป็นชีวิตจริงของผู้เขียนบท ถ้าคุณพร้อมแล้ว เขยิบเข้ามาอีกนิดครับ เราจะได้สนิทกันสักที

จาก...เอส คนไข้ ใกล้หายป่วย

ถึง...เพื่อนสนิท, เพื่อนที่เคยสนิท และเพื่อนที่กำลังจะสนิทกันทั่วประเทศ

สวัสดีครับ...ในที่สุดผมก็ได้ทำหนังรัก

...คุณคงสงสัยแล้วใช่มั้ยครับว่า ภาพยนตร์รักที่น่ารักของผมมันคืออะไร ต้องเริ่มจากแรงบันดาลใจก่อน อย่างที่ผมเคยเล่าว่าชื่นชอบเรื่องราวความรักของหนังสือเรื่อง "กล่องไปรษณีย์สีแดง" นั่นแหละครับ หนังสือที่มีเรื่องรักและเรื่องท่องเที่ยว 50/50 แต่การเอามาทำเป็นหนัง ผมก็ดึงเอาแต่เรื่องรักมาขยาย และสิ่งที่ผมชอบมากที่สุดก็คือ หนังสือเล่มนี้พูดถึงความสัมพันธ์ของคน, การแอบรัก และการรับผิดชอบต่อความสัมพันธ์นั้น ที่สำคัญในหนังสือและในหนังของผมยังได้พูดถึงหนังสือเรื่อง "เจ้าชายน้อย" ของ Antoine de St-Exupéry ซึ่งทั้งผมและคนเขียนบทเห็นว่า "เจ้าชายน้อย" และ "กล่องไปรษณีย์สีแดง" คือเรื่อง ๆ เดียวกัน ตัวละครที่น่ารัก พระเอกชื่อ ไข่ย้อย นางเอกชื่อ ดากานดา กับ นุ้ย ความรักไปเกิดที่เชียงใหม่และพะงัน 2 ที่ คนละเวลา แต่ผู้ชายคนเดียวกัน ทำให้หนังมีรายละเอียดน่ารัก ๆ เยอะมาก หลังจากผ่านการคุยกันมาอย่างโชกโชน ในที่สุดก็ถึงเวลาสำคัญที่หนังเรื่องนี้ควรจะมีชื่อทางภาพยนตร์อย่างเป็นทางการเสียที ซึ่งหัวเรือใหญ่ของเรา คุณวิสูตรก็เสนอชื่อ เพื่อนสนิท ผมก็รู้สึกชอบทันทีและคิดว่ามันตีความหมายได้หลายแบบ คำนี้มันเท่ห์ เพราะมีความคลุมเครือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และแล้วเรื่องราวของไข่ย้อย ชายหนุ่มจากเมืองกรุงที่แสนขี้อายและดากานดา สาวเมืองเหนือที่มีแววตาสดใสซาบซ่าส์ กับนุ้ย พยาบาลสาวชาวใต้ที่มีรอยยิ้มหวานซึ้ง ก็กำลังจะมีชีวิตที่อบอวลไปด้วยความรักบนแผ่นฟิล์มในอีกไม่ช้า คุณอยากรู้เรื่องราวความรักของเขาและเธอสองคนไหม ตัวผมเองแทบอดใจรอไม่ไหวแล้วจริง ๆ

จาก...เอส หายป่วยแล้วครับ

ถึง...เพื่อนสนิท, เพื่อนที่เคยสนิท และเพื่อนที่กำลังจะสนิทกันทั่วประเทศ

สวัสดีครับ...ผมกำลังตามหา พระเอก นางเอก อย่างใจจดใจจ่อ

...เมื่อได้บทและชื่อของภาพยนตร์มาเรียบร้อยแล้ว ต่อไปก็ถึงภาระหนักอึ้งที่ผมหนักใจมาก นั่นก็คือขั้นตอนการคัดเลือกนักแสดงครับ เริ่มจากการคุยคาแร็กเตอร์กับแผนกแคสติ้ง เขาก็จะแคสฯ มา และผมก็จะมาเลือกรอบ 2, 3 แต่จริง ๆ แล้ว ผมตัดสินใจเลือก 3 คนนี้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นในเทปด้วยซ้ำ เรามาเริ่มทำความรู้จักกับ ไข่ย้อย พระเอกกันก่อนนะครับ ครั้งแรกที่ผมเห็นเขา ผมเกือบจะมองข้ามเพราะเขาจะอ้วนมาก แต่พอมองไปที่ตาของเขา ทำให้ผมรู้สึกอะไรบางอย่างเวลาเขาเล่น เขามีแววตากึ่งฝันกึ่งเศร้า แนวติสท์ที่มีความเศร้าแฝงอยู่ในตาและการแสดงเขาก็ดีมาก เขาอาจจะไม่ใช่ไข่ย้อยในความคิดของผม แต่มันเป็นไข่ย้อยที่เป็นชีวิตจริง คือเป็นตัวเขาจริง ๆ ซึ่งผมรู้สึกว่ามันใช่ เลยเลือกเขาให้มารับบทนี้ ส่วนนางเอกที่เป็นสาวเชียงใหม่คือ ดากานดา ต้องเป็นคนซน ๆ แก่น ๆ เป็นคนร่าเริงตลอดเวลา มีเพื่อนซี้เป็นผู้ชาย ซึ่งนุ่นก็ใช่เลย เพราะชีวิตจริงเขาเรียนวิศวะ มีเพื่อนผู้ชายเยอะ เป็นคนแก่น ๆ ซน ๆ เหมือนกัน เราเลยได้ดากานดาในแบบที่เป็นดากานดามาก ๆ มาสมความตั้งใจ อีกหนึ่งสาวที่มีความสำคัญกับเรื่องมากก็คือ นุ้ย พยาบาลสาวที่เกาะพะงัน ในหนังสือเขียนว่า นุ้ยเป็นผู้หญิงผู้มีรอยยิ้มที่ต้องเอามาเขียนถึง ซึ่งเอ๋คนที่เราคัดมาใช่เลย ถ้าเห็นตอนเขาทำหน้าเฉย ๆ เขาจะดูเป็นผู้หญิงธรรมดา แต่พอเขายิ้มโลกมันดูสว่างขึ้นมาทันที ผมว่าเขาทั้ง 3 คือคนที่ใช่ในความเป็นจริง และน่าจะสร้างความเป็น เพื่อนสนิท ได้ใกล้ชิดที่สุด แล้วคุณล่ะคิดแบบผมหรือเปล่า

จาก...เอส คนสร้างความสนิท

ถึง...เพื่อนสนิท, เพื่อนที่เคยสนิท และเพื่อนที่กำลังจะสนิทกันทั่วประเทศ

สวัสดีครับ...ใครเอ่ยผงชูรสหนังรัก

...พอเราได้ ไข่ย้อย ดากานดา และนุ้ยแล้ว เราก็ยังมีนักแสดงสำคัญในเรื่องอีกหลายคนนะครับ เริ่มจากคนแรกคือ โก้ เพื่อนสมัยเรียนมัธยมของไข่ย้อย ซึ่งแคสฯ มาเพื่อเป็นหนุ่มวิศวะ ที่ดูแมน ๆ เท่ ๆ แบบว่าผู้หญิงเห็นแล้วอยากจะกรี๊ด ซึ่งผมก็ได้ อิศ (อิศยม รัตนอุดมโชค) มาเล่นเป็นเพื่อนเก่าที่ตามมาแสลงใจไข่ย้อยถึงเชียงใหม่ ส่วนบทที่ถือเป็นน้ำปูชูรสสำหรับเหตุการณ์ที่เชียงใหม่ก็คือ เพื่อนสนิทเพศชายคู่หูคู่กัดของดากานดา ชื่อว่า ไอ้ฟุเหยิน รับบทโดย ดัมมี่ (ธนาบดินทร์ ยงสืบชาติ) เขาเป็นรุ่นน้องที่ผมเขียนบทมาจากตัวเขา ต้องเป็นอย่างนี้เลย ขี้หลี ปากจัด เหมือน แจ๊ค แฟนฉัน ผมก็เลยเอาเขามาเล่นบทนี้ อีกคนที่ขาดไม่ได้ก็คือ น้ำบูดูรสแซ่บสำหรับเหตุการณ์ที่จังหวัดสุราษฎณ์คือ พี่แตน รับบทโดย โอปอลล์ (ปาณิสรา พิมพ์ปรุ) พี่สาวของนุ้ยที่เป็นนางพยาบาลเหมือนกัน คนนี้เขาจะภูมิใจในความเป็นคนกรุงเทพฯ ของเขามาก แต่เพราะมาอยู่ที่พะงันนาน ทุกประโยคของพี่แตนก็เลยทองแดงซะ ทั้งสองคนถือเป็นคนที่สร้างรสชาติระหว่าง 2 ที่ ส่วนจะทำให้รสของความรักของที่ไหนจัดจ้านมากกว่ากัน ผมรอให้คุณเป็นคนตัดสินครับ

จาก...เอส รสกลมกล่อม



ถึง...เพื่อนสนิท, เพื่อนที่เคยสนิท และเพื่อนที่กำลังจะสนิทกันทั่วประเทศ

สวัสดีครับ...ขอแนะนำภาพยนตร์แนวโรแมนกิ๊ก คอเมดี้ครับ

...โปสการ์ดแผ่นนี้ ผมขอเขียนถึงแนวของภาพยนตร์ก่อนนะครับ ภาพยนตร์เรื่อง "เพื่อนสนิท" คือภาพยนตร์โรแมนกิ๊ก คอเมดี้ ด้วยความตั้งใจของผมที่อยากเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับผู้ชาย 1 คน และผู้หญิง 2 คน ที่เขามีความรู้สึกดี ๆ ให้กัน แล้วมันมีเส้นแบ่งอยู่จริงเหรอ? ที่เพื่อนต่างเพศที่อยู่ด้วยกันตลอดเวลาจะเป็นแค่เพื่อนสนิทกัน ถ้าเราใกล้ชิดกันจนถูกคอกัน ผมว่าไอ้ความรู้สึกที่มันเกินไปนั่นแหละที่น่าสนใจ หนังเรื่องนี้มันเป็นหนังของคนใกล้ชิดกันแอบรักกัน ระหว่างคำว่า "เพื่อนรัก" และ "รักเพื่อน" คืออะไร และอะไรที่ทำให้ไข่ย้อย ต้องตัดสินใจที่จะสู้หรือจะหนี "เพื่อนสนิท" จึงมีความแตกต่างจากหนังรักทั่วไป ตรงที่การเล่าเรื่องที่ตัดสลับกันอยู่ตลอดเวลา ซึ่งในหนังสือเหตุการณ์มันก็ซ้อนกันอยู่แบบนี้ ผมเลยเอามาส่วนนั้นมาขยายให้ชัดขึ้น ที่สำคัญนักแสดงทุกคนเป็นตัวของตัวเองมาก และสิ่งเหล่านั้นคือ สิ่งผมอยากได้อยู่แล้ว เพียงแต่ต้องมีการฝึกฝนเทคนิคบางอย่าง เช่น เรื่องของการรับส่งอารมณ์กัน เพราะผมไม่อยากให้เขาไปอ่านบท หรือท่องบทอะไรมากมาย พอไปถึงหน้ากองถ่ายฯ แล้วเอาธรรมชาติออกมาดีกว่า เห็นไหมครับว่า หนังรักเรื่องนี้รสชาติหอมหวลขนาดแค่ไหน ถ้าคุณอยากลองชิมอย่าลืมชวนเพื่อนสนิทคุณมาช่วยกันชิมด้วยนะครับ

จาก...เอส พ่อครัวหนังรัก

ถึง...เพื่อนสนิท, เพื่อนที่เคยสนิท และเพื่อนที่กำลังจะสนิทกันทั่วประเทศ

สวัสดีครับ....ตอนนี้ผมเริ่มเหงาแล้ว

...การทำงานภาพยนตร์คนเดียวเป็นครั้งแรกไม่ได้สร้างความกดดันอะไรให้ผมเท่าไหร่นัก เพราะตอนที่ตัดสินใจว่าจะทำ มันก็มีแต่ความอยากทำมากเท่านั้น จะมีก็แต่ความเหนื่อยที่มีมากขึ้นกว่าตอนทำ "แฟนฉัน" เพราะตอนนั้นเรามีกัน 6 คน จะหันไปถามไปคุยกันได้ตลอด เวลามีปัญหาก็มีคนช่วยแก้ เราก็จะสามารถโฟกัสเฉพาะในส่วนที่เรารับผิดชอบได้ แต่พอผมมากำกับฯ คนเดียวปัญหาทุกอย่างมันเข้ามาที่เราหมด บางครั้งก็ทำให้ผมรู้สึกคิดถึงตอนที่ทำงานด้วยกัน 6 คน ถึงจะมีทะเลาะกันบ้างก็ตาม แต่ถึงจะเหนื่อยแค่ไหน ผมก็รู้สึกว่ามันคุ้มค่ากับการที่เราได้ทำฝันของตัวเองให้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา สิ่งที่ผมเห็นว่าสำคัญที่สุดในการกำกับหนัง คือการกำกับการแสดง และการทำงานด้วยความสนุก กับทีมงานที่เป็นเพื่อนสนิทที่สนิทสนมกัน ซึ่งผมมองว่าสำคัญกว่าความสามารถของเขาอีก คุณว่าไหม เพราะความสามารถมันฝึกฝนกันได้ แต่ความสนุกของการทำงาน มันจะออกมาให้เห็นที่ผลงานเลย ทุกวันเราทำงานกันหนักมาก พอได้คิวนักแสดงมาเราก็เร่งถ่ายทำ กองฯ อื่นเขาถ่าย 3 วัน พัก 2 วัน แต่ของเราถ่าย 5 วัน พัก 3 วัน บางวันก็ถ่ายตั้งแต่ 6 โมงเช้าจนถึงเที่ยงคืน 3 วันติดกันก็มี ทุกวันนี้ผมก็ยังแอบคิดเลยนะว่าพวกเราเป็นยอดมนุษย์อุลตร้าแมนกันหรือเปล่า หรือคุณคิดว่าไงครับ

จาก....เอส ผู้กำกับฯ พันธุ์อึด

ถึง...เพื่อนสนิท, เพื่อนที่เคยสนิท และเพื่อนที่กำลังจะสนิทกันทั่วประเทศ

สวัสดีครับ...ใครหนอ อินกับบทสุด ๆ

...คุณคงอยากรู้แล้วซิว่า พัฒนาการของนักแสดงผมเป็นอย่างไรบ้าง ซันนี่ ในคราบของ ไข่ย้อย ที่นับวันไข่ย้อยก็จะเริ่มเป็นซันนี่ขึ้นเรื่อย ๆ อย่าเพิ่งงงครับ ผมหมายความว่าอย่างนั้นจริง ๆ เพราะตอนนี้ผมรู้สึกว่า ซันนี่ เขาอินกับบทบาทมาก คือคนปกติทั่วไปเวลากล้องมาจ่อ เขาจะเริ่มไม่เป็นตัวเอง แต่ซันนี่มันไม่มีปฎิกริยาของคนที่กลัวกล้องเลย เป็นธรรมชาติมาก แล้วเป็นคนที่เล่นตลกได้ดี คือไม่มากเกินไป ไม่มีความโอเว่อร์ออกมาให้เห็น ยิ่งเล่นเขาก็ยิ่งอิน เริ่มมีความรู้สึกว่าทำไมต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ ทำให้ผมดีใจที่เขามีรีแอ็คชั่นกลับมา ส่วน เอ๋ ที่รับบท นุ้ย เขาไม่มีพื้นฐานทางการแสดง แต่สิ่งเราที่ได้กลับมาคือความเป็นธรรมชาติของเขา เอ๋ เป็นคนที่ไม่ได้สวยมากจนทำให้คนเห็นแล้วต้องเข้าไปจีบ แต่เป็นคนที่อยู่ในสถานที่แบบนี้แล้วเข้ากัน เป็นคนที่งดงามในที่แบบนี้ ตอนที่ผมคัดเลือก ผมก็ดูผู้หญิงที่เรียบร้อย ดูน่ารัก เราก็ดูไปเรื่อย ๆ ก็มาสะดุดที่เอ๋ เพราะเวลาที่เอ๋ ยิ้มเหมือนกับว่าเราต้องชะงักนิดนึง ถ้าเปรียบเป็นมวยแล้ว นุ่น ที่รับบท ดากานดา เขาเป็นจะมวยที่ชกเก่ง เพราะเขาเป็นคนร่าเริง แจ่มใสและมีเสน่ห์ในตัวเองอยู่แล้ว แต่เอ๋เขาจะเป็นคนเรียบ ๆ แต่แค่เขายิ้ม เขาน็อคเราได้เลย การเปลี่ยนสถานที่ถ่ายทำจากเชียงใหม่มาเป็นเกาะพะงัน ทำให้ผมรู้สึกเหมือนทำหนังอีกเรื่องหนึ่งเลย เพราะนางเอกแต่ละคนก็มีสไตล์คนละแบบ แต่คุณอย่าเพิ่งหลงรักเธอสองคนง่าย ๆ นะครับ ผมว่าคุณลองมาเป็น เพื่อนสนิท กับเธอดูก่อนดีกว่า

จาก...เอส คนช่างสังเกต

ถึง...เพื่อนสนิท, เพื่อนที่เคยสนิท และเพื่อนที่กำลังจะสนิทกันทั่วประเทศ

สวัสดีครับ...โปสการ์ดแผ่นนี้มีแต่ความประทับใจ

...แต่ละวัน แต่ละที่ในการทำงานของทีมเราแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่า ณ เวลานั้นเราถ่ายทำกันที่ไหน การถ่ายทำที่เชียงใหม่ ก็จะได้บรรยากาศของชีวิตนักศึกษาซะส่วนใหญ่ มีการจัดงานลูกทุ่งวิจิตรที่เป็นกิจกรรมของนักศึกษา ซึ่งเราสามารถสร้างสรรค์ความจัดจ้านของงานนั้นได้อย่างเต็มที่ ส่วนที่เกาะพะงันก็จะออกแนวชาวบ้านบนเกาะกับบรรยากาศงานวัดติดทะเลที่เราสร้างขึ้นให้เห็นถึงความโรแมนติกในแบบฉบับของงานวัดบนเกาะเล็ก ๆ ชาวบ้านรวมไปถึงฝรั่งที่เป็นตัวประกอบก็เล่นกันได้เป็นธรรมชาติมาก เวลาไปถ่ายทำที่ไหนก็จะมีชาวบ้านคอยทักทายถามไถ่ว่าวันนี้ไปถ่ายที่ไหน เป็นเกาะที่ผู้คนรู้จักกันหมด สำหรับผมไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนผมก็มีความสุข เพราะได้อยู่และได้ทำงานที่ตัวเองรัก คุณเคยรู้สึกแบบผมไหม ดูเหมือนโปสการ์ดแผ่นนี้ คงเป็นแผ่นสุดท้ายแล้ว ที่ผมจะเล่าเรื่องราวต่าง ๆให้คุณอ่าน ที่ยังเหลือก็แค่ ความประทับใจในความสัมพันธ์ของ ไข่ย้อย ดากานดา และนุ้ย ที่อยากให้คุณมาแชร์ความรู้สึกนี้ไปบ้าง ถ้าคุณเคยมีเพื่อน ผมว่าคุณอาจเป็นคนหนึ่งที่เคยรู้สึกเกินคำว่า เพื่อนสนิท และนั่นก็หมายความว่า เรื่องราวของคุณอาจจะกำลังครุกรุ่นอยู่ในภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ได้ เชื่อผมไหม...

จาก...เอส ผู้กำกับฯ เพื่อนสนิท



ถึง...เพื่อนเก่า, เพื่อนใหม่ และเพื่อนที่กำลังจะสนิททั่วประเทศ

สวัสดีครับ...ผม ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ ครับ

...ชื่อเล่นก็ ซันนี่ ครับ โปสการ์ดแผ่นนี้เป็นแผ่นแรกที่ผมจะขอแนะนำตัวเองก่อน เริ่มจากเชื้อชาติของผมก่อนแล้วกันนะครับ ที่ชื่อฝรั่งขนาดนี้ก็ไม่ต้องสงสัยครับเพราะผมเป็นลูกครึ่งไทย-ฝรั่งเศส แต่หัวใจเป็นชายไทยร้อยเปอร์เซ็นต์ ผมเกิดเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2524 ตอนนี้อายุ 24 ปีเต็ม หน้าที่หลักก็คือการเรียนที่คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ส่วนงานอดิเรก ก็ชอบร้องเพลง และเล่นดนตรี จนสามรถเอาดียึดเป็นอาชีพเสริมได้ที่ร้านแจ่มบาร์ กับร้าน PLAY ครับ ถ้าว่างแบบสุด ๆ เด็กที่ใครเรียกว่าเซอร์อย่างผมก็ต้องเดินที่นี่เลย สวนจตุจัตรเท่านั้น ถึงผมจะเป็นคนที่คุยไม่ค่อยเก่ง แต่ก็เคยมีผลงานผ่านสายตาคุณ ๆ มาเยอะเหมือนกันนะครับ อย่างเช่น โฆษณา TCB ทูน่า Spread, เบียร์สิงห์, KTC I-CASH, AIS Mobile Life เริ่มคุ้นกันบ้างหรือยังครับ ถ้ายังไม่คุ้น ก็ต้องผลงานชิ้นนี้ครับ พระเอกมิวสิควีดีโอเพลง คนไม่เอาถ่าน ของ Big Ass ครับ พอจะนึกออกไหม คนนั้นแหละครับผมเอง แต่รู้อะไรไหมครับ ตอนนี้ชีวิตผมกำลังจะได้ทำอะไรใหม่ ๆ อีกแล้ว ผมเริ่มตื่นเต้นแล้วสิ แล้วคุณล่ะอยากรู้ไหม ว่าผมกำลังจะได้ทำอะไร

จาก...ซันนี่ เด็กเซอร์

ถึง...เพื่อนเก่า, เพื่อนใหม่ และเพื่อนที่กำลังจะสนิททั่วประเทศ

สวัสดีครับ...ถึงเวลายิ้มรับอาชีพใหม่

...อะไรใหม่ ๆ ที่ผมพูดถึงมันคืออะไรรู้ไหมครับ วันหนึ่งมีคนโทรมาชวนให้ผมมาคัดเลือกนักแสดงภาพยนตร์เรื่อง เพื่อนสนิท ตอนแรกผมนึกหวั่นใจและตัดสินใจที่จะไม่ไปคัดเลือก เพราะตอนนั้นยังไม่รู้สึกอยากจะทำ แต่หลังจากนั้นพี่เงาะ (Acting coach) ก็โทรมาชวนเอง ผมคิดดูแล้วก็เลยตัดสินใจที่จะลองด ูเพื่อหาประสบการณ์ชีวิตเพิ่มเติม วันแรกที่ไปลองแสดงก็ไม่ได้รู้สึกลำบากอะไรนะครับ แต่ก็ไม่รู้ว่าทำได้ดีแค่ไหน กลับบ้านไปก็ไม่ได้คาดหวังอะไรเลย แต่หลังจากนั้นไม่นานทางทีมงานก็โทรมาบอกว่าผ่านการคัดเลือกเท่านั้นแหละ อย่างแรกที่ผมคิดก็คือ เป็นไปได้ไงวะ ต่อมาก็คิดว่า ตอนนี้เรามีภาระมากขึ้นกว่าเก่าและต้องรับผิดชอบให้เยอะขึ้นด้วย ที่แน่ ๆ ผมกำลังจะมีอาชีพเป็นนักแสดงแล้ว อาชีพที่ใคร ๆ บอกว่าสบาย ผมก็ดันหลงเชื่อซะด้วย แต่ความคิดของผมก็ต้องเปลี่ยนไปทันทีที่เจอใบสั่งแรก คือลดน้ำหนัก โอ้โฮ ใครจะไปคิดครับคนหนักตั้ง 78-79 โล จะต้องลดให้เหลือประมาณ 64-65 โล ฟังครั้งแรกขนหัวลุกเลย แต่ก็นั่นแหละ สงสัยว่าเลือดนักแสดงของผมมันพลุ่งพล่านไปทั่วร่างกายมั้ง เพราะสิ่งที่เขาสั่ง ผมก็ดันทำได้ซะงั้น ตอนนี้ผมก็เลยกลายเป็น ซันนี่ นิวลุคที่หุ่นเพรียวลมไปแล้ว ผมยังไม่แน่ใจเลยว่าถ้าลมพัดมาแรง ๆ ผมจะปลิวหรือเปล่า

จาก...ซันนี่ คนโดนใบสั่ง

ถึง...เพื่อนเก่า, เพื่อนใหม่ และเพื่อนที่กำลังจะสนิททั่วประเทศ

สวัสดีครับ...เมื่อผมต้องเป็น ไข่ย้อย

...หลังจากลดน้ำหนักได้อย่างสมส่วนแล้ว นักแสดงทุกคนก็ต้องมา workshop ด้วยกัน เพื่อสร้างความคุ้นเคย กิจกรรมที่เราต้องทำร่วมกันก็คือ กลิ้งทับกัน อย่าเพิ่งคิดมากครับ เป็นการกลิ้งสร้างความสัมพันธ์เท่านั้นครับ แล้วก็มีวิ่งลอดขากันบ้าง เล่นแปะแข็ง ก็สนุกดีนะครับ ช่วยให้เราไม่เกร็ง เวลาที่ต้องเข้าฉากด้วยกัน หลังจาก workshop กันไปได้สักระยะ ก็เปิดกล้องถ่ายทำกันที่เชียงใหม่เลย ผมลืมไปเลยว่า คุณยังไม่รู้จัก พระเอกที่ผมกำลังจะสวมบทบาทเขาเลยใช่ไหมครับ ผมรับทเป็น "ไข่ย้อย" นิสิตหนุ่มคณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ เมื่อ 4 ปีก่อน เขาพกพาความฝันที่จะเป็น "ศิลปินใหญ่" ขึ้นมาจากกรุงเทพฯ ก่อนจะใช้เวลาไม่นานนัก ค้นพบว่าพรสวรรค์ในการผสมสีและวาดเส้น อาจไม่เพียงพอเสียแล้วสำหรับการใช้ชีวิตที่นี่ เรื่องของเรื่องก็คือ การเติบโตมาในโรงเรียนชายล้วน ทำให้ไข่ย้อยมีทักษะในการพูดคุยกับหญิงสาวอยู่ในขั้นอ่อนแอกะปลกกะเปลี้ย มันเป็นเหมือนฝันร้ายที่สามารถทำให้เขาหน้าแดงได้โดยไม่ต้องกินเหล้า ทำให้ลิ้นชาเหมือนโดนยาของหมอฟัน ทำให้อากาศเย็นสบายของเชียงใหม่กลายเป็นร้อนอบอ้าว แต่นั่นก็ก่อนที่เขาจะได้พบกับเพื่อนสนิท ที่ชื่อ "ดากานดา"

จาก...ซันนี่ พระเอกหน้าใหม่

ถึง...เพื่อนเก่า,เพื่อนใหม่ และเพื่อนที่กำลังจะสนิททั่วประเทศ

สวัสดีครับ...ผมจะเป็น ซันนี่ หรือ ไข่ย้อย ดี

...จะว่าไปแล้วไข่ย้อยกับผมมีส่วนที่คล้ายกันแค่อย่างเดียวก็คือ ถ้ายังไม่สนิทกับใครก็จะไม่ค่อยคุยครับ เรื่องเขินก็มีบ้างถ้าไม่คุ้น แต่ถ้าได้คุยซักพักก็จะดีขึ้น ก่อนที่จะมาถ่ายทำ คุณรู้ไหมสิ่งที่ผมกลัวที่สุดคืออะไร ก็กลัวทำไม่ได้ แล้วจะทำให้งานเสียน่ะสิครับ ตอนถ่ายทำที่เชียงใหม่ ผมก็กลัวนะ แต่จะกดเอาไว้ตลอด ยิ่งพอเจอฉากที่ต้องแสดงสีหน้าโดยที่ไม่พูดเนี่ย ยิ่งกลัวหนักกว่าเดิม เพราะหน้าผมมันจะเฉย ๆ ไม่ค่อยสื่ออารมณ์ ต้องอาศัยการฟังจากพี่เงาะ เพราะพี่เขาจะคอยแนะนำให้เราเอาตัวเราลงไปอยู่จุดนั้นจริงๆ แล้วความรู้สึกเหล่านั้นมันจะมาเอง ก็ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นนะ จะง่ายจะยากแค่ไหนทุกอย่างก็น่าจะมาสมาธิในตัวเราครับ ถ้าเราสามารถเข้าถึงมันได้มันก็ทำได้ คุณรู้ไหมบางฉากดูเหมือนง่ายมาก แต่กลับเป็นฉากที่ผมเทคยับเลย อย่างฉากที่ต้องลงจากรถแล้วพยักหน้าให้เพื่อน ไม่รู้ทำไมต้องเทคบ่อยขนาดนั้น อาจจะเป็นเพราะมันไม่มีบทพูดด้วย เลยทำให้เราสื่อสารออกมายาก แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดีครับ ตอนที่ผมอ่านบทผมชอบหลาย ๆ ฉากของหนังรู้สึกว่า อยากเห็นออกมาเป็นภาพ ประทับใจหมด แต่พอมาทำงาน ผมจะออกแนวกังวลว่าจะออกมาดีเปล่า แต่ที่แน่ ๆ ผมว่าการแสดงหนังมันยากและเหนื่อยกว่างานที่ผมเคยทำมาหลายเท่า นี่แหละครับชีวิตพระเอก

จาก...ซันนี่ ขี้กังวล


ถึง...เพื่อนเก่า, เพื่อนใหม่ และเพื่อนที่กำลังจะสนิททั่วประเทศ

สวัสดีครับ...ครั้งแรกของผมกับดากานดา

...บรรยากาศในการทำงานที่เชียงใหม่ของพวกเราก็ดีครับ เพราะทุกคนสนิทกันหมดเลย ทำให้ผมคลายความกังวลลงไปนิดหนึ่ง เพื่อนร่วมงานทุกคนก็ดีครับตั้งใจทำงานดี อย่างนุ่น เขาก็โชคดีหน่อยตรงที่เขามีประสบการณ์ เพราะเล่นละครมาแล้ว เขาจะออกแนวมั่นใจ เล่นอะไรก็ใส่เต็มที่เลย ผิดก็ผิด เวลาทำงานเราจะออกแนวเล่น ๆ แกล้งกันกันซะมากกว่า ก็เลยให้ไม่ค่อยเกร็งเท่าไหร่ ส่วนคนนี้ครับสำคัญมาก พี่เอส ผู้กำกับฯ คุณรู้ไหม บางทีผมเล่น ๆ ไปผมก็กลัวเขาเหมือนกันนะ เพราะบางครั้งเขาก็ทำหน้าเครียด ๆ ผมก็แอบหวั่นใจ แต่ไม่มีอะไรหรอกครับ พี่เอสเป็นผู้กำกับฯ ที่ใจดี ใจกว้างเพราะสามารถเที่ยวกับน้อง ๆ ได้อย่างไม่ขัดเขิน อยู่ที่นี่เราทำงานกันหามรุ่งหามค่ำแข่งกับเวลาที่น้อยนิด ถึงจะเหนื่อย แต่ก็สุขใจครับ เพราะมีข้าวฟรีกินตลอด (อันนี้ผมพูดเล่น) เผลอแป๊ปเดียวก็จะต้องย้ายกองไปถ่ายทำกันที่ เกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์แล้ว โปสการ์ดแผ่นต่อไป ก็จะป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่เกาะพะงันนะครับ ที่สำคัญที่นั่นมีพยาบาลสาวสวยรอผมอยู่ด้วย

จาก...ซันนี่ ลาแล้วเชียงใหม่

ถึง...เพื่อนเก่า, เพื่อนใหม่ และเพื่อนที่กำลังจะสนิททั่วประเทศ

สวัสดีครับ...ถึงเกาะพะงันแล้ว

...ที่นี่อากาศร้อนมาก แต่ทะเลสวยชะมัด วันที่ต้องเข้าฉากกับพยาบาลนุ้ยหรือเอ๋ ครั้งแรกก็เขินด้วยกันทั้งคู่ครับ เพราะตั้งแต่ workshop ด้วยกันก็ยังไม่เจอกันอีกเลย เอ๋ เขาจะออกแนวไม่ค่อยมั่นใจ กลัวว่าจะทำได้ไม่ดี เหมือนกังวลอยู่ตลอด แต่จริง ๆ แล้วเขาเล่นดีเลยนะ ส่วนตัวผมเองเสมอต้นเสมอปลายมาก ผมกลัวตลอด เวลาแต่ก็กดไว้ตลอดเหมือนกัน ฉากง่าย ๆ ที่ต้องเล่นคนเดียว บางทีก็ทำไม่ได้สักที เพราะผมเป็นคนที่หน้าไม่ค่อยสื่ออะไรอยู่แล้ว บางทีนะตกใจมาก แต่หน้าผมก็จะแปลกใจนิดเดียว มันก็เลยยากที่ต้องสื่อให้เห็นความรู้สึกแบบนั้น บางครั้งผมรู้สึกอะไรตั้งมากมาย แต่หน้ามันก็ยังนิ่งอยู่ แต่ฉากพวกนี้ก็ผ่านไปได้แบบ 10 เทคขึ้นไปครับ ที่นี่เราสนุกกันมากครับ เพราะมีฉากงานวัดด้วย คุณรู้ไหมว่าผมอยากเล่นอะไรมากที่สุด รถบั๊มพ์ไงครับ พยายามเดินผ่านหลายรอบแล้วก็ยังไม่มีใครให้เล่น แต่ที่ไม่อยากเล่นก็ต้องเล่น ก็คือชิงช้าสวรรค์ครับ จริง ๆ แล้วก็ไม่เชิงกลัวนะแค่รู้สึกวูบ ๆ ตอนขาลง ก็มันสูงเหมือนกันนี่ครับ ดีนะที่มีเอ๋นั่งอยู่ด้วย ผมรู้ว่ามีหลายคนแอบอิจฉา แต่ผมขอยังไม่เล่านะว่า เราคุยอะไรกันบนนั้นบ้าง เอาไว้ให้คุณได้ดูในหนังเอง

จาก...ซันนี่ คนเกาะ

ถึง...เพื่อนเก่า, เพื่อนใหม่ และเพื่อนที่กำลังจะสนิททั่วประเทศ

สวัสดีครับ...ลาก่อน ไข่ย้อย

...หลังจากบุกบั่นถ่ายกันมากว่า 4 เดือน ทั้งที่เชียงใหม่และที่เกาะพะงัน นอกจากผมจะได้เพื่อนสนิทเพิ่มอีกเพียบแล้ว หนังเรื่องนี้ยังทำให้ผมรู้ว่าการได้แอบรักเพื่อนสนิท กับการถูกเพื่อนสนิทรัก หัวใจเราจะรู้สึกยังไง ถ้าเป็นผม ผมก็อาจจจะทำเหมือนไข่ย้อยก็ได้ คุณอยากรู้ไหมว่าไข่ย้อยเลือกที่จะทำยังไง และหัวใจของเขาอยู่ที่ไหนกันแน่ ภูเขาหรือทะเล ไม่ว่าไข่ย้อยเลือกที่จะทำยังไง สำหรับชีวิตผมเลือกแล้วที่จะมาสวมบทบาทเขา เพื่อสื่อความเป็นเพื่อนสนิทออกมาให้ดีที่สุด ส่วนจะทำได้ดีมากน้อยแค่ไหนผมต้องรอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ รวมถึงตัวคุณด้วย ถ้าชมภาพยนตร์แล้วก็อย่าลืมเขียนมาเล่าให้ผมฟังบ้างว่าคุณรู้สึกอย่างไร เราจะได้สนิทกันมากกว่าเดิม

จาก...ไข่ย้อย เอ้ย...ซันนี่ครับ


ถึง...เพื่อนเก่า เพื่อนใหม่ และเพื่อนที่กำลังจะสนิททั่วประเทศ

สวัสดีค่ะ...นุ่น ศิรพันธ์ วัฒนจินดา นะคะ

...ก่อนอื่นก็ขอแนะนำตัวเองก่อนเพื่อเป็นข้อมูลเบื้องต้นในการพิจาณารับเป็นเพื่อนสนิทของคุณนะคะ นุ่น ศิรพันธ์ วัฒนจินดา ค่ะ เกิดวันที่ 22 พฤษภาคม 2525 ตอนนี้อายุ 23 ปี กำลังศึกษาอยู่ คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวอุตสาหกรรม ปี 4 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ไม่ต้องตกใจนะคะ ว่าทำไมนุ่นถึงได้เลือกเรียนคณะที่แมนขนาดนี้ เพราะที่บ้านนุ่นจะเน้นเรื่องเรียนมาก ตอนแรกคุณพ่อคุณแม่อยากให้เรียนแพทย์ แต่นุ่นว่ามันไม่เข้ากับนุ่น ก็เลยเลือกเรียนวิศวะค่ะ ถึงจะเป็นผู้หญิงที่ไม่ได้อ่อนหวานเรียบร้อยนัก แต่งานอดิเรกของนุ่นคือการแต่งบ้าน, จัดสวนค่ะ ชอบจับโน่น ย้ายนี่ไปเรื่อยออกมาสวยบ้างแปลกบ้างปน ๆ กันไป ถึงจะต้องเรียนหนัก แต่นุ่นก็ยังมีโอกาสได้เข้าไปประกวด DUTCHIE BOY & GIRL 2004 เพื่อทดสอบความสามารถด้วยนะคะ บวกกับลูกยุของเพื่อน อีกอย่างนุ่นก็คิดว่าถ้าเรียนจบไปก็คงไม่ได้ทำอะไรแบบนี้ ก็เลยลองหาประสบการณ์ดีกว่า แต่ก็คิดไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่า ยังไงก็ไม่เข้ารอบแน่ เพราะบุคลิกนุ่นไม่น่าจะเข้าตากรรมการ พอเขาประกาศว่า นุ่นได้ก็ไม่ได้ตื่นเต้นมาก แต่เป็นอารมณ์แบบภูมิใจมากกว่า เพราะเราเต็มที่กับมัน หลังจากได้ตำแหน่งก็ทำให้มีผลงานชิ้นต่อมาคือ มิวสิควีดีโอ เพลง "จากคนรักเก่า" ของ "อ๊อฟ วีเฟรนด์" นี่แค่ประวัติคร่าว ๆ นะคะ ถ้าคุณยังไม่เบื่อ นุ่นยังมีเรื่องเล่าอีกเพียบเลยค่ะ

จาก...นุ่น สาววิศวะ

ถึง...เพื่อนเก่า, เพื่อนใหม่ และเพื่อนที่กำลังจะสนิท ทั่วประเทศ

สวัสดีค่ะ...กว่านุ่นจะมาเป็น ดากานดา

...พอได้เล่นเอ็มวีแล้ว พี่ ๆ ที่ดูแลดัชชี่ก็พานุ่นมาคัดเลือกนักแสดงภาพยนตร์เรื่อง เพื่อนสนิท วันที่มาคัดเลือก พี่เงาะให้นุ่นลองนอนแล้วกรน คุณอย่าเพิ่งคิดว่านุ่นจะทำไม่ได้นะคะ แนวเลย จริง ๆ แล้ว ถ้าไม่ใช่กับคนในครอบครัว นุ่นจะขี้อายนะ ตั้งแต่ได้ตำแหน่งดัชชี่ ทำให้นุ่นกล้าแสดงออกมากกว่าเดิม ปกติอยู่ที่คณะนุ่นก็จะเงียบ ๆ เพื่อนหลายคนก็งงว่า นุ่นประกวดดัชชี่ได้ไง พอพี่เงาะบอกกรนก็กรน พอบอกให้เต้นก็เต้นแบบสุด ๆ ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยให้ใครเห็นตอนเต้นเลย เพราะนุ่นจะเต้นกับน้องชายที่บ้านแค่สองคน แอบเต้นท่าอุบาทว์ ๆ กัน แต่ตอนนั้นก็คิดในใจว่าไหน ๆ ก็ไหนแล้ว เห็นในห้องมีพี่เงาะกับพี่แอ๋มสองคน แต่ดันลืมไปว่าเขาอัดวีดีโอไว้ด้วยก็เลยเต็มที่ วันนั้นก็เลยถามพี่เงาะว่าบทเป็นอย่างนี้เหรอคะ จริงเหรอคะ โอ้โฮ ดากานดา มันนุ่นชัด ๆ เป็นตัวเองมากเลยค่ะ ก็เลยค่อนข้างสบายใจว่าเราคงไม่ลำบากมาก ก่อนถ่ายทำก็มีไปเรียนและปรับคาแร็กเตอร์เล็กน้อย เพราะนุ่นเสียงเบามาก แต่ดากานดาเขาจะเสียงห้าว ๆ ช่วงแรกนุ่นก็พูดไม่ได้นะ ไม่กล้าพูดกังวลว่าลิ้นมันจะออกมาเยอะเกินไป ตอนนี้นุ่นก็พร้อมแล้วสำหรับบทบาทดากานดาที่ได้รับ แล้วคุณพร้อมที่จะรู้จักกับดากานดาหรือยังคะ โปสการ์ดแผ่นต่อไป นุ่นจะแนะนำให้รู้จักเธอค่ะ

จาก...นุ่น เด็กแนว


ถึง...เพื่อนเก่า, เพื่อนใหม่ และเพื่อนที่กำลังจะสนิททั่วประเทศ

สวัสดีค่ะ...ดา กาน ดา นะคะ

...เรามาทำความรู้จักกับดากานดากันนะคะ "ดากานดา" เป็นหญิงสาวที่งดงาม ซึ่งอาจจะทำให้ผู้ชายหลายคนรู้สึกว่าเคยพบเธอเมื่อนานมาแล้ว ในพจนานุกรมโบราณ ชื่อ "ดากานดา" หมายถึง หญิงสาวผู้เป็นที่รัก แม้ว่าอันที่จริง มันจะมาจากการผสมคำว่า "กาญจน์" และ "กานดา" ซึ่งเป็นชื่อพ่อแม่ของเธอเข้าไว้ด้วยกัน แต่สำหรับไข่ย้อยแล้ว ดากานดามีความหมายที่เรียบง่ายกว่านั้น เธอคือคนที่ดีใจเหมือนเขา เสียใจเหมือนเขา คือคนที่บอกว่า ถ้ามัวแต่เก็บปากไว้แค่กินเหล้า ชาตินี้เขาคงจะหาเมียเองไม่ได้ คือคนที่ทำให้ไข่ย้อยรู้สึกว่า ไม่มีที่ไหนอีกแล้วที่จะเย็นชุ่มฉ่ำได้เหมือนเชียงใหม่ ตอนนี้คุณก็รู้จักเธออย่างเป็นทางการแล้วนะคะ สำหรับนุ่น ดากานดา เป็นผู้หญิงที่มีความคิดเป็นของตัวเองไม่ตามใคร อยากทำอะไรก็ทำ คิดจะทำอะไรก็ทำ ไม่ได้มานั่งคิดเล็กคิดน้อย นิสัยเหมือนผู้ชาย พออ่านบทปุ๊บ นี่เราเลย จะไม่เหมือนกันก็ตรงดื่มเหล้า เมาแล้วเต้น เพราะชีวิตจริงนุ่นไม่ดื่มเลย ไม่เที่ยว ไม่เล่นไพ่ ซึ่งเรื่องแบบนี้ ดากานดา จะเซียนมาก แต่นุ่นไม่ทำเลย ก็ต้องไปหัดเอาแบบพอรู้ นุ่นเคยจิบสปายไม่เกิน 1 ช้อนชา แป๊บเดียวหลับเลย ตื่นมายังมีแฮงค์อีกต่างหาก ก็เลยรู้ว่าตัวเองไม่เหมาะ มันก็เลยยากตรงนี้ นอกนั้นสบายมากค่ะ ก็บอกแล้วว่าดากานดาน่ะเลียนแบบนุ่น

จาก...นุ่น คออ่อน

ถึง...เพื่อนเก่า, เพื่อนใหม่ และเพื่อนที่กำลังจะสนิททั่วประเทศ

สวัสดีค่ะ...นุ่นแบตหมด ค่ะ

...ครั้งแรกที่นุ่นได้อ่านบทก็พบว่าต้องมีอู้คำเมืองด้วย แค่นี้ก็ซีดแล้วค่ะ ถึงนุ่นจะเป็นคนเชียงใหม่ เพราะคุณแม่เป็นคนเชียงใหม่ แต่ที่บ้านเราจะไม่พูดคำเมืองกัน เพราะคุณพ่อนุ่นเป็นคนกรุงเทพฯ พอไม่ค่อยได้ใช้ ก็เลยกลายเป็นเรื่องที่นุ่นหนักใจที่สุด แต่พอได้ฝึกก็ไม่มีปัญหาค่ะ ส่วนที่กังวลเยอะกว่าน่าจะเป็นฉากดื่มเหล้า เพราะน้ำที่นุ่นต้องดื่มเข้าไปคือน้ำต้มเห็ดที่รสชาติแบบว่า คุณนึกออกไหม แล้วต้องทำหน้าเมาสุดฤทธิ์ เกิดมาไม่เคยเมาเลย ก็เลยทำหน้าง่วงแทน กว่าจะผ่านไปได้ก็เช้าเองค่ะ แต่นี่ก็ยังไม่เหนื่อยเท่าตอนที่เรายกกองถ่ายไปถ่ายทำฉากลูกทุ่งวิจิตรที่ปากช่องค่ะ ตอนนั้นเวลาทำงานของนุ่นมันอัดแน่นมาก พอมาเจออากาศหนาว ๆ แล้วถ่าย 2 วันติดกัน มันทั้งหนาวทั้งเหนื่อยทั้งเจ็บเท้าเลย วันสุดท้ายนี่ นุ่นนั่งนิ่ง ๆ เลย ตั้งแต่เริ่มถ่ายทำนอกจากความทรหดอดทนของกองถ่ายเราแล้ว นุ่นก็มีฉากที่รู้สึกประทับใจมากอยู่ฉากหนึ่ง มันคือฉากที่ต้องกินสายไหมกับซันนี่ในงานลูกทุ่งวิจิตรค่ะ เป็นฉากที่ขำมาก แต่ต้องพยายามทำให้เป็นฉากที่น่ารัก และฉากนั้นเป็นฉากแรกที่นุ่นเล่นเทคเดียวผ่าน มันมีการผิดพลาดทางเทคนิคนิดหน่อย แล้วนุ่นก็ขำกันกับซันนี่ตลอดเลย นึกทีไรก็ขำทุกที อยากให้คุณเห็นว่ามันตลกแค่ไหน อดใจรออีกนิดนะคะ เพราะคุณใกล้จะได้ขำกับพวกเราแล้ว

จาก...นุ่น ไม่ดื่ม

ถึง...เพื่อนเก่า, เพื่อนใหม่ และเพื่อนที่กำลังจะสนิททั่วประเทศ

สวัสดีค่ะ...เมื่อนุ่นอยู่ในกองถ่าย

...นุ่นเขียนเรื่องการทำงานให้คุณอ่านไปเยอะแล้วนะคะ แต่ว่ายังไม่ได้เขียนถึงบรรยากาศในการทำงานให้ฟังเลย พี่ ๆ ทีมงานนี้เป็นกันเองมาก อาจจะมีเครียด ๆ บ้าง ถ้าวันไหนเราต้องถ่ายทำกันจนดึก ส่วนมาก นุ่นจะกดดันตัวเองมากกว่าว่า ทำไมเราทำไม่ได้สักที พี่ ๆ ที่กองไม่เคยมากดดันนุ่นเลย ทุกคนในกองน่ารักมาก ซันนี่เป็นคนที่ตลกได้หน้าตาเฉยมาก ครั้งแรกที่ได้คุยกัน นุ่นรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้พูดจากวนดี แต่เวลาทำงานตั้งใจมาก ทำให้นุ่นรู้สึกกดดัน เพราะนุ่นเป็นคนชอบแข่งขัน พอเห็นว่าซันนี่ตั้งใจ เราก็จะพยายามทำให้ดีกว่า ตอนเรียนนุ่นก็เป็นคนแบบนี้ อีกคนที่ไม่เขียนถึงไม่ได้เลยก็คู่หูคู่ฮาของนุ่นเองค่ะ ฟุเหยินหรือพี่ดัมมี่ เราเป็นคอเดียวกัน พี่เขาเป็นพี่ชายที่เทคแคร์มาก ๆ เลยค่ะ เวลานุ่นมีปัญหาเขาก็จะช่วยทุกอย่าง นุ่นจะสนิทกับผู้ชายได้เร็วอยู่แล้ว จะรู้สึกว่าคุยกับผู้ชายรู้เรื่อง พี่ดัมมี่นี่ใช่เลยค่ะ ส่วนพี่เอส ผู้กำกับฯ ที่แสนอารมณ์ดีของเรา พี่เขาทำให้นุ่นเข้าใจว่าทำไมเรื่อง "แฟนฉัน" ถึงน่ารักขนาดนั้น พี่เอสเป็นคนที่ทำงานแล้วไม่เครียดนะ พอนุ่นเริ่มเครียด พี่เขาก็จะทำให้เรารู้สึกว่าไม่ต้องเครียด ทำให้นุ่นสบายใจมากเลยที่ได้ร่วมงานกับพี่เอส ถึงจะเหนื่อยแค่ไหนนุ่นก็พร้อมรับมือ เพราะมีพี่ ๆ ที่น่ารักแบบนี้ในกองถ่ายค่ะ

จาก...นุ่น เด็กเรียน

ถึง...เพื่อนเก่า, เพื่อนใหม่ และเพื่อนที่กำลังจะสนิททั่วประเทศ

สวัสดีค่ะ...นุ่นขอซึ้งบ้างนะคะ

...การที่นุ่นได้เข้ามาแสดงภาพยนตร์เรื่อง "เพื่อนสนิท" นุ่นไม่ได้คาดหวังอะไรเลยนะค่ะ นุ่นแค่อยากเป็นดากานดา ให้คุณกับคนที่กำลังจะได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้เชื่อว่านุ่นเป็นดากานดา เพราะว่าดากานดาเหมือนนุ่นมาก สำหรับนุ่น คำว่าเพื่อนสนิท คือการที่ไม่ต้องพูดอะไรกันเลยก็เข้าใจกัน เพราะเพื่อนสนิทนุ่นเป็นแบบนี้ ปิดเทอมไม่ต้องคุยกัน ต่างคนต่างไป แต่เรารู้ว่าคนนี้คือ เพื่อนสนิทของเรา มันไม่ต้องคุยกันมาก แค่นั่งอยู่เฉย ๆ แล้วพูดแค่คำว่าป๊ะ เราก็จะรู้ว่าจะไปไหน มันเข้าใจกันทุกอย่าง ในภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็จะพูดถึงความรักในแบบที่นุ่นชอบ เพราะนุ่นมีเพื่อนสนิทแบบนี้ มันทำให้เราเข้าใจ พอรู้ตอนจบนุ่นก็ยิ่งชอบใหญ่ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ชอบทุกอย่างเลย นุ่นอยากให้คุณลองหันกลับไปมองเพื่อนสนิท หันกลับไปมองมิตรภาพ เพราะว่ามันอยู่ใกล้ตัวเรานิดเดียว แล้วคุณจะรู้ว่ามิตรภาพมันมีค่ามากแค่ไหน บางทีแค่การชวนกันไปกินข้าว มันก็มีมิตรภาพแฝงอยู่เยอะมาก วันนี้ยังไม่สาย ถ้าคุณจะลองหันไปมองว่า มีใครที่อยู่ข้างคุณตลอดเวลา เวลาที่คุณไม่มีใคร คุณก็จะมีเขาอยู่เสมอ ถ้าคุณหันกลับไปเจอเมื่อไหร่ อย่าลืมเขียนมาเล่าให้นุ่นฟังบ้างนะคะ

จาก...นุ่น ผู้รับบท ดากานดา


ถึง...เพื่อนเก่า, เพื่อนใหม่ และเพื่อนที่กำลังจะสนิททั่วประเทศ

สวัสดีค่ะ...มณีรัตน์ คำอ้วน ค่ะ

...ถ้าคุณอยากให้เราสนิทกันอีกนิดเรียกว่า เอ๋ ก็ได้ค่ะ แต่ก่อนที่เราจะตกลงเป็นเพื่อนสนิทกัน คุณก็น่าจะรู้จักเอ๋ให้มากกว่านี้ก่อนนะค่ะ เอ๋ เกิดเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2528 ตอนนี้อายุ 19 ปีเกือบจะ 20 ปีบริบูรณ์แล้วค่ะ กำลังเรียนอยู่ที่ คณะมนุษยศาสตร์ สาขาสื่อสารมวลชน ปี 2 มหาวิทยาลัยรามคำแหง กิจกรรมยามว่างก็คือการดูโทรทัศน์ ฟังเพลงเพราะ ๆ เพื่อให้อารมณ์ดี เอ๋เป็นคนที่สนใจงานด้านการแสดงอยู่แล้วค่ะ ที่ผ่านมาก็มีโอกาสได้ทำงานโฆษณามาบ้าง อย่างเช่น โฆษณา DTAC, DOVE, SUN SILK งานโฆษณาเหล่านี้ถือเป็นประสบการณ์การทำงานที่เอ๋ภูมิใจมากนะคะ แต่ก็มีบางอย่างที่เอ๋ รู้สึกว่าภูมิใจและตื่นเต้นมากกว่าค่ะ ท่าทางคุณคงอยากรู้แล้วล่ะว่าเอ๋หมายถึงอะไร อดใจรอโปสการ์ดแผ่นต่อไปของเอ๋หน่อยนะคะ เอ๋จะเขียนให้คุณอ่านแบบจุใจเลย

จาก...เอ๋ นางเอกโฆษณา

ถึง...เพื่อนเก่า, เพื่อนใหม่ และเพื่อนที่กำลังจะสนิททั่วประเทศ

สวัสดีค่ะ...จะได้เป็นนางเอกหนังแล้วค่ะ

...แค่ได้มีโอกาสถ่ายโฆษณา เอ๋ก็รู้สึกภูมิใจจนบอกไม่ถูกแล้ว พอพี่น็อต (สตรีเหล็ก) ชักชวนให้ไปคัดเลือกนักแสดงภาพยนตร์เรื่อง "เพื่อนสนิท" เอ๋ยิ่งรู้สึกดีใจและภูมิใจมากขึ้นไปอีก ตอนที่คัดเลือกเอ๋ต้องเล่นเป็นนุ้ย ซึ่งบทบาทของเขาจะเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเอง กล้าพูด กล้าแสดงออก เป็นคนเข้มแข็ง แต่ชอบเก็บความรู้สึกอ่อนไหวเอาไว้ เป็นคนที่ทำความรู้จักกับเพศตรงข้ามได้ดี แล้วซีนนั้นเป็นซีนที่ต้องคุยเรื่องสำคัญกับพระเอกด้วย ก็ตื่นเต้นและประหม่ามาก แต่ก็ตั้งใจเล่นอย่างเดียวไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้คาดหวังว่าตัวเองจะได้ แค่แอบนึกใจว่า ถ้าได้ก็ดีเนอะ จริง ๆ บทบาทของนุ้ยก็มีส่วนคล้ายเอ๋นะคะ เพราะปกติคนทั่วไปก็จะบอกว่าเอ๋เรียบร้อย เงียบ ๆ จะไม่เหมือนกันก็ตรงที่นุ้ยเขาจะเป็นคนที่กล้าพูดกับฝ่ายตรงข้ามมากกว่าเอ๋ ปกติเอ๋ก็จะไม่ค่อยคุยกับใคร จะขี้อายมากกว่า พอเล่นบทนี้ก็เลยต้องพยายามเข้าถึงบทบาทให้ได้มากที่สุด หลังจากคัดเลือกไปไม่นานก็มีคนโทรมาบอกว่า เอ๋ผ่านการคัดเลือก ก็ดีใจมากเลยค่ะ เพราะไม่คิดว่าตัวเองจะทำได้ ความรู้สึกตอนนั้นเหนือคำบรรยายมาก เอ๋รู้อย่างเดียวว่า เรากำลังจะได้ทำงานที่ตัวเองรักแล้ว ใจมันเต้นไม่เป็นจังหวะ นี่เรากำลังจะได้เป็นนางเอกหนังจริง ๆ เหรอ

จาก...เอ๋ นางเอกหนัง


ถึง...เพื่อนเก่า, เพื่อนใหม่ และเพื่อนที่กำลังจะสนิททั่วประเทศ

สวัสดีค่ะ...นุ้ยมาแล้ว

...เอ๋เริ่มทำงานด้วยความสนุกที่เกาะพะงันค่ะ แต่ยังเขียนให้คุณอ่านต่อไม่ได ้ถ้าคุณยังไม่รู้จักนุ้ย เขาแบบเป็นจริงเป็นจัง มาเริ่มรู้จักเธอก่อนนะค่ะ "นุ้ย" เป็นเด็กสาวน่ารัก ผู้มีดวงตากลมโตเหมือนจะกลืนโลกนี้เอาไว้ทั้งใบ และมีรอยยิ้มที่ต้องเก็บเอาไปเขียนถึง หลังเรียนจบ นุ้ยมายึดอาชีพเป็นนางสาวพยาบาล อยู่ที่ ร.พ. เกาะพะงัน ไม่มีใครรู้ว่าทำไมคนตัวเมืองสุราษฎร์ฯ อย่างเธอถึงดั้นด้นมาทำงานในที่ห่างไกลแบบนี้ แต่สำหรับนุ้ยแล้ว มันก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าไรนัก เพราะเธอมีหนังสือที่ซื้อตุนมาจากบ้านไว้อ่านเป็นเพื่อนแก้เหงา ชีวิตของนุ้ยคงจะดำเนินเช่นนี้ต่อไป ถ้าวันหนึ่งแรงดึงดูดของโลกไม่ได้ทำให้ ไข่ย้อย ตกเรือโดยสารขณะเดินทางมาเที่ยวทะเล จนต้องมาพำนักรักษาตัวในโรงพยาบาลที่นุ้ยสังกัด การได้ดูแลและทำความรู้จักกับไข่ย้อยทำให้เธอค้นพบว่าเพื่อนสนิทของเธอไม่ได้มีแค่หนังสือเสมอไป บางที นี่อาจจะเกี่ยวข้องกับแรงดึงดูดของโลกด้วยเหมือนกัน ตอนนี้คุณรู้จักนุ้ยแล้วนะคะ โปสการ์ดแผ่นต่อไปก็จะเป็นผจญภัยของเอ๋แล้วค่ะ

จาก...เอ๋ สาวชาวเกาะพะงัน

ถึง...เพื่อนเก่า, เพื่อนใหม่ และเพื่อนที่กำลังจะสนิททั่วประเทศ

สวัสดีค่ะ...เมื่อสาวอีสานต้องสวมวิญญานสาวใต้

...ทันทีที่เริ่มงาน เอ๋ก็พบปัญหาใหญ่แล้วล่ะค่ะ ก็นุ้ยเขาเป็นคนสุราษฎร์นี่ค่ะ เพราะฉะนั้นเขาก็ต้องพูดภาษาใต้ แต่เอ๋น่ะเป็นคนจังหวัดร้อยเอ็ดค่ะ เป็นคนอีสาน การต้องมาหัดพูดใต้เป็นอะไรที่ยากมาก เพราะภาษาใต้เป็นภาษาที่ห้วน กระชับ และฟังยาก ก่อนหน้าที่จะเริ่มงานเอ๋ก็หัดอยู่นานเกือบเดือน จะมีครูที่เป็นคนใต้มาสอนให้ อัดเทปมาให้ฟังและให้พูดตามทุกวัน เพื่อให้ชิน ตอนนั้นก็ว่าคล่องแล้ว พอมาเจอของจริงมันยากกว่าที่คิดไว้เยอะ แต่ก็มีพี่ ๆ ช่วยค่ะ แล้วเอ๋ก็พยายามทำความเข้าใจกับบทให้มากขึ้น ก็เลยหมดปัญหา ส่วนซีนที่ต้องใช้สมาธิในการทำอารมณ์มากที่สุดก็คือ ตอนที่พระเอกวาดรูปเราอยู่ แต่พอเราไปดูแล้วกลับกลายเป็นรูปคนอื่น วินาทีนั้นต้องแกล้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น ต้องยิ้มสู้ แต่ตาก็ต้องแสดงออกว่าเราคิดอะไรอยู่ ซีนนี้ก็กินฟิล์มจนอิ่มเลยค่ะ10 กว่าเทค พี่เงาะก็เลยเข้ามาอธิบายว่าต้องทำอย่างไรบ้าง เพื่อลดความกดดันตัวเอง เพราะไม่งั้นมันจะไม่เป็นไปตามธรรมชาติ อีกฉากหนึ่งที่เราต้องถ่ายกันเยอะมากก็คือ ฉากที่ต้องขับมอเตอร์ไซค์ให้ไข่ย้อยที่ขากำลังเข้าเฝือกซ้อนท้าย เพราะนุ้ยจะเป็นคนพาไข่ย้อยไปวาดรูปตามที่ต่าง ๆ ก็สนุกดีนะค่ะ เพราะเอ๋ขับมอเตอร์ไซค์เป็นอยู่แล้ว แต่ไม่รู้ว่าพี่ซันนี่รู้สึกยังไง ป่านนี้อาจจะกลัวการซ้อนมอเตอร์ไซค์ไปแล้วก็ได้

จาก...เอ๋ สาวนักซิ่ง

ถึง...เพื่อนเก่า, เพื่อนใหม่ และเพื่อนที่กำลังจะสนิททั่วประเทศ

สวัสดีค่ะ...เที่ยวงานวัดกันดีกว่า

...อยู่บนเกาะนานวันเข้า ทีมงานก็สนิทกันมากขึ้น เอ๋ก็จะมีคนที่ปรึกษาได้ทุกเรื่องอยู่ 2 คนค่ะ ก็มีพี่เงาะ (Acting coach) กับพี่โอปอลล์ (พี่แตน) เรียกว่ามีปัญหาอะไรก็ต้องหาพี่สองคนนี้ก่อนเลย ส่วนพี่ซันนี่ ก็คุยนะคะแต่จะไม่คุยมาก เพราะพี่เขาถนัดแนวปล่อยมุข เป็นคนสร้างเสียงหัวเราะในกองฯ การมาถ่ายทำที่นี่ เรามีฉากสำคัญที่ต้องถ่ายกันนะคะ มันคือฉากงานวัดค่ะ เป็นฉากใหญ่ที่ใช้ตัวประกอบเป็นร้อยทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ เลยทำให้การถ่ายทำเป็นไปด้วยความลำบาก เพราะค่อนข้างควบคุมยาก ที่ยากกว่าก็คือเอ๋ ต้องนั่งชิงช้าสวรรค์ด้วย แล้วก็นั่งอยู่หลายรอบมาก ทำให้รู้สึกว่า ต่อไปนี้จะไม่ขึ้นชิงช้าสวรรค์อีกแล้ว มันเวียนหัว บอกไม่ถูก ฉากนั้นเป็นฉากที่ต้องนั่งอยู่กับพี่ซันนี่ สองต่อสองเป็นฉากกุ๊กกิ๊ก บทพูดก็จะซึ้ง ๆ หน่อย ทั้งเขินทั้งแคบและอึดอัดเลยค่ะ แต่ต้องทำหน้าแบบว่ามีความสุขสุดชีวิต ภาพที่ออกมาก็ดูน่ารักดีค่ะ นอกจากฉากเครื่องเล่นที่ถูกเซ็ทขึ้นอย่างสวยงามแล้ว งานวัดที่นี่ยังมีรำโนราห์ด้วยนะคะ เป็นครั้งแรกที่เอ๋ได้เห็นรู้สึกทึ่งมาก คนที่ร้องโนราห์เขาเก่งมาก ถือว่าเป็นศิลปะที่สวยงามจริง ๆ เริ่มอยากหัดร้องบ้างแล้วล่ะค่ะ

จาก...เอ๋ นางสาวพยาบาล

ถึง...เพื่อนเก่า, เพื่อนใหม่ และเพื่อนที่กำลังจะสนิททั่วประเทศ

สวัสดีค่ะ...เอ๋จะไม่ลืมเลย

...ตลอด 1 เดือนของการทำงาน นอกจากประสบการณ์การที่เอ๋จะไม่มีวันลืมแล้ว ภาพยนตร์เรื่อง เพื่อนสนิท ยังทำให้เอ๋รู้ว่า เพื่อนสนิทคือ คนที่เราไม่จำเป็นต้องปิดกันความรู้สึกใด ๆ เอาไว้ เพราะเขาคือคนที่เราสามารถพูดคุยได้ทุกเรื่อง บางทีเรื่องนี้อาจทำให้คุณรู้ว่า เพื่อนสนิทคิดยังไงกับคุณ และถ้าคุณกำลังคิดที่จะมาเที่ยวเกาะพะงันคนเดียวล่ะก็ ต้องระวังหน่อยนะคะ เพราะถ้าคุณพลัดตกดาดฟ้าเรือลงมาขาหัก คุณอาจจะไม่มีพยาบาลสาวสวยคอยดูแลเหมือนไข่ย้อยก็ได้ เพราะเอ๋กลับกรุงเทพฯ แล้วค่ะ

จาก...เอ๋ อดีต นางสาวพยาบาล


ถึง...เพื่อนสนิททั่วประเทศ

เพื่อนรัก หรือ รักเพื่อน

6 ตุลา ได้เวลาบอกลาเพื่อนสนิท

จาก...คนไม่อยากเป็นเพื่อนสนิท


เพื่อนสนิท : ชั้นรักแกว่ะ  

เขียนโดย Obelisk ชิดใน(ใจ)หน่อยเพื่อน   
 

เสาร์, 08 ตุลาคม 2005
...คุณเคยแอบรัก "เพื่อน" ไหมคะ แล้วคุณบอกเขาแบบนี้หรือเปล่าคะ เส้นบาง ๆ ระหว่างทนอัดอั้นข่มหัวใจให้เก็บคำพูดสั้น ๆ นี้เอาไว้กับอก หรือรุ่มร้อนจนต้องโพล่งบอกปล่อยมันให้เขาได้ฟัง

...ถ้าความรู้สึกนั้นยังคงวนเวียนอยู่ในความทรงจำ ความรู้สึกก้อนนั้นจะทำให้คุณยิ้มทั้งที่แสนเจ็บปวดหัวใจกับหนังเรื่องนี้ค่ะ

...เมื่อผ่านจุดที่ได้ปลดปล่อยความรู้สึกนั้นให้เธอ-ดากานดาได้รับรู้ สิ่งที่เขา-ไข่ย้อยทำได้คือไร้สติและหันเหหัวหักห้ามใจจากจังหวัดเชียงใหม่ ก้าวขาลงจากยอดดอยสุดสูงอันแสนหนาวเหน็บ ดำดิ่งลงสู่เบื้องล่างของพื้นผืนน้ำทะเล เกาะพงัน เพื่อละทิ้งอดีต 4 ปีที่ไข่ย้อยคิดว่ามันยังสถิตย์คงอยู่แค่ในเชียงใหม่ เพราะมันคงไม่มีขาเหมือนไข่ย้อย เมื่อเขาละทิ้ง เดินหนี นั่งรถไฟ นั่งเรือ นั่งมอเตอร์ไซค์ อาศัยอยู่บนพื้นดินที่ที่ห่างไกลจาก "หญิงอันเป็นที่รัก"

...มันก็เป็นได้แค่เรื่องที่ผ่านไปแล้วที่เขากองไว้ข้างหลัง ไข่ย้อยอาจจะกำลังเข้าใจก้อนเนื้อมีชีวิตที่เรียกว่า "หัวใจ" ตัวเองผิด การละทิ้ง "พื้นที่" มันไม่ได้ทำให้ความคะนึงถึงดากานดา เพื่อนคนนั้นร่วงหล่นไปบนหลักไมล์ไกลห่างหลักไหนเลย เพราะไข่ย้อยยังคงตั้งหน้าตั้งตาตั้งใจเขียนโปสการ์ดเพื่อบอกเล่าเรื่องในแต่ละวันที่เป็นไปของตัวเองให้ดากานดารับรู้ ในฐานะของ "เพื่อนคนหนึ่ง"

..."ดากานดา ชั้นคิดถึงแกว่ะ" ไข่ย้อยเขียนทิ้งท้ายประโยค


...ดากานดาอาจจะเป็นดั่งภูเขาสูงใหญ่ตระหง่านที่ไม่สะทกสะท้าน ไม่เคยรับรู้ถึงความรู้สึกจากใจไข่ย้อยที่พัดกระพืออยู่ข้าง ๆ เธอเข้าใจได้แค่ว่านั่นมันคือเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ไอ้คนที่เดินด้วยกัน กอดคอกินเหล้า ด่ากัน แล้วหัวเราะยามพูดคุยเรื่องใต้สะดือด้วยกัน ไปไหนด้วยกัน เรียนด้วยกัน พึ่งพาแบ่งปันกัน

...เธออีกคน-นุ้ย พยาบาลสาวที่เข้ามารักษาขาที่หักของไข่ย้อย ขาหักทำให้ไข่ย้อยไปไหนต่อไม่ได้ หนีความจริงไปไหนไม่ได้ นุ้ยเป็นท้องทะเลที่มีสายลมพัดระลอกคลื่นกระเซ็นซ่าน หวั่นไหว แผ่วเบา ไม่ได้แข็งแกร่งดั่งดากานดา เธอจึงจิตใจไหวยวบเมื่อได้สนิทชิดเชื้อกับ "เพื่อนใหม่" อย่างไข่ย้อย และความสนิทสนมก็ทำเอาคนคิดมากจนฝันใฝ่ให้ไปไกลกว่านั้น มันเคยเกิดขึ้นกับไข่ย้อย และมันกำลังก่อตัวขึ้นในความรู้สึกของนุ้ย

...ช่วงเวลาที่ดามขาไข่ย้อย นุ้ยแอบรัก แอบรักษามันด้วยใจ พยาบาลสมานขาไข่ย้อยให้กลับมาเดินได้ดังปกติ แต่มันขึ้นอยู่กับเจ้าของขานั้นว่า เมื่อแข็งแรงแล้วจะเลือกยืนหยัดอยู่ด้วยสองขาเคียงข้างกันหรือก้าวขานั้นเดินละจากไป

...บางคนพูดว่า "รักแท้แพ้ใกล้ชิด" แต่เอาเข้าจริง ๆ คนใกล้ตัว ใกล้มาก สนิทมาก ก็โดนมองผ่านเลย มองข้ามหัวเอาได้ง่าย ๆ

...แขน 2 ข้างของแกมันกอดเอวฉันไว้ ใบหน้าแกซบติดแผ่นหลังฉัน ฉันดึงแขนแกให้มันตระหวัดกอดฉันให้แน่นขึ้น แกกอดฉันทั้งที่ยังหลับใหลไร้สติ ฉันลืมตาโพลงอยู่ แต่รู้สึกราวกับว่าฉันอยู่บนความฝัน หรือบางทีฉันอาจจะอยากฝันให้มันยาวนานกว่านี้ ก่อนที่แกจะตื่น ต้องขอบใจที่เพราะแกเป็นแกแบบนี้แหละดากานดา มันเลยทำให้ฉันได้ใกล้แกมากเหลือเกิน

...ยิ่งใกล้กันมากเท่าไหร่ ไข่ย้อยยิ่งคิดมาก ยิ่งนับวันความคิดเกินเพื่อนที่สุมอกไว้แสนอึดอัดซะเหลือเกิน ถ้าเก็บมันเอาไว้ทุกอย่างคงจะเป็นมิตรภาพฉันท์เพื่อนอย่างคงเดิมตลอดไป แกกับชั้นก็จะยังเป็นเพื่อนกัน...ตลอดไป


แต่ถ้าได้บอกความจริงเรื่องนี้ออกไป เธออาจจะเข้าใจถึงสาเหตุที่ฉันมีพฤติกรรมแปลก ๆ ขอแค่ได้บอกความลับในใจเรื่องนี้ในฐานะผู้ชายคนหนึ่งยืนสารภาพรัก "หญิงอันเป็นที่รัก" สักครั้ง แกจะยังเป็นเพื่อนฉันไหมวะดากานดา แกจะรับฟังทั้งหมด แล้วเราจะเป็นยังไงต่อไปวะ

ไข่ย้อยขาหัก ทำให้มีเวลาอยู่กับตัวเอง ก้มมองขาที่พาตัวเองดั้นด้นมาหยุดอยู่ที่นี่ ก้มมองหัวใจตัวเอง คิดถึงเรื่องราวของความทรงจำในลิ้นชักเหล่านั้น ราวกับจะฝังตัวเองปิดจมอยู่ในลิ้นชักใบนั้น

การแอบมอง แอบสูดดมกลิ่นผมยามเธอโฉบมาใกล้ แอบรักดากานดามาตลอดระยะเวลาวันคืน 4 ปีนั้นมันเป็นรักข้างเดียว มันเป็นความรู้สึกที่ดากานดาไม่เคยรู้...ไม่รับรู้อะไร

เธอคงยังไม่เข้าใจว่าฉันไม่ใช่คนเก่า เรายังคงเหมือนเพื่อนหยอกล้อเหมือนวันวาน แต่ฉันคือคนใจสั่น และฉันคือคนหวั่นไหว...ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย ในความคุ้นเคยกันอยู่ มันแฝงอะไรบางอย่างที่มากกว่านั้น...ว่ะดากานกา

และนุ้ยก็ยังคงเฝ้ามองให้ไข่ย้อยหันมาเข้าใจในสายตาคู่นั้น...เหมือนกัน

ไข่ย้อยมีเพื่อนสนิท และแอบรักเพื่อนสนิท จนต้องเสียเพื่อนสนิทไป เพราะเพียงคำสารภาพจากใจว่า "ชั้นรักแกว่ะ"

ดากานดามีเพื่อนสนิท ไม่ได้รักเพื่อนสนิทฉันท์คนรัก

ไข่ย้อยยังคงมีภาพสเก็ตซ์ของดากานดาเก็บไว้ ภาพความสัมพันธ์สีสดใสบนผืนผ้าใบของวันเวลา ระบายด้วยพู่กัน จรดปลายพู่กันแต้มลงด้วยความสุขทุกครั้งที่คิดถึงมันขึ้นมา

"ชั้นคิดถึงแกว่ะ"

 
 

 

Share this article :

แสดงความคิดเห็น