ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล
วันเดือนปีเกิด : 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2485
ประวัติโดยย่อ :
ศิลปินแห่งชาติ สาขาการแสดง ประจำปี 2544 “ท่านมุ้ย” จบปริญญาตรีทางด้านธรณีวิทยา จาก UCLA และเรียนภาพยนตร์เป็นวิชาโท กลับมาเป็นกำลังสำคัญในวงการภาพยนตร์ตั้งแต่ พ.ศ.2515 จากเรื่อง “มันมากับความมืด “ แต่ก่อนหน้านั้นก็มีผลงานการกำกับทั้งภาพยนตร์และละครโทรทัศน์มาตั้งแต่ พ.ศ. 2510 มีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษด้านการดำน้ำและการถ่ายภาพยนตร์ใต้น้ำ เมื่อ พ.ศ. 2543 ทรงกำกับภาพยนตร์ที่ใช้ทุนสร้างมากที่สุดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ไทย “สุริโยไท” ปัจจุบันเป็นประธานกรรมการบริษัท พร้อมมิตร โปรดักชั่น จำกัด
ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล เป็นคนทําหนังที่เป็น “ที่สุด” ในหลาย ๆ ด้านแห่ง วงการภาพยนตร์ ท่านเป็นผู้กํากับที่ “เก่าที่สุด ผู้สามารถยืนหยัดอย่างอิสระและมีผลงานต่อเนื่องตลอด 25 ปีเต็ม โดยคงอรรถรสสไตล์ “ท่านมุ้ย” ให้โดดเด่นไว้ได้ในหนังกว่า 30 เรื่อง
เป็น “มือรางวัลที่สุด” ทําลายสถิติผู้สร้างคนอื่น ด้วยการคว้ารางวัล ตั้งแต่หนังเรื่องที่สองของชีวิตคือ เขาชื่อกานต์” เมื่อปี 2516 ก่อนจะเก็บ อีกมากระหว่างทาง จนถึงรางวัลของชมรมวิจารณ์บันเทิงปีปัจจุบันจากเรื่อง “สาละวิน
ทั้งความเก่าและความเป็นมือรางวัลนี้เอง ทําให้ท่านกลายเป็นคน สร้างภาพยนตร์ที่ได้รับการ “ยอมรับมากที่สุด ว่าหาใครทาบได้ยาก ไม่ว่าจะ เป็นในด้านกํากับ ถ่ายภาพ ตัดต่อ เขียนบทภาพยนตร์ ในรอบสามทศวรรษ
และล่าสุดเชื้อพระวงศ์สกุลนักทําหนังนาม “ยุคล” ผู้นี้ก็กําลังสร้าง ความเป็นที่สุดอีกครั้งหนึ่ง ด้วยการเปิดประตูหนังไทยสู่ตลาดสากล สามารถสร้างความยอมรับในระดับโลก จนได้รับเชิญให้นําออกแสดงบนหลาย เวทีนานาชาติ นําพาเรื่องราวเกี่ยวกับ “ชีวิตเล็ก ๆ ที่มีตัวเอกเป็นเพียง โสเภณี มือปืน คนเลี้ยงข้าง หรือครู ให้กลายเป็นบุคคลที่น่าสนใจใน สายตาของชาวโลก
ซึ่งทําให้ ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล ยิ่งใหญ่อีกครั้งในสายตาคนไทย
มีผลงานในตำแหน่ง : ผู้กำกับ
ผู้กำกับ – ผลงาน
1. | ความรักครั้งสุดท้าย (2546) |
2. | สุริโยไท (2544) |
3. | กล่อง (2541) |
4. | เสียดาย 2 (2539) |
5. | เสียดาย (2537) |
6. | เฮโรอีน (2537) |
7. | มือปืน 2 สาละวิน (2536) |
8. | คนเลี้ยงช้าง (2533) |
9. | ครูสมศรี (2529) |
10. | อิสรภาพของทองพูน โคกโพ (2527) |
11. | มือปืน (2526) |
12. | ถ้าเธอยังมีรัก (2524) |
13. | อุกาฟ้าเหลือง (2523) |
14. | กาม (2521) |
15. | ทองพูน โคกโพ ราษฎรเต็มขั้น (2520) |
16. | รักคุณเข้าแล้ว (2520) |
17. | เทวดาเดินดิน (2519) |
18. | ความรักครั้งสุดท้าย (2518) |
19. | ผมไม่อยากเป็นพันโท (2518) |
20. | เทพธิดาโรงแรม (2517) |
21. | เขาชื่อกานต์ (2516) |
22. | มันมากับความมืด (2514) |
"ผมไม่เคยคิดทำหนังสะท้อนสังคม แต่ผมทำหนังที่พูดถึงความเป็นจริงของสังคมต่างหาก โดยไม่ต้องบอกหรือตัดสินว่าอะไรถูกหรือผิด การทำหนังมันจะมีสองประเภท หนึ่งคือเรื่องที่ขายความฝัน กับสอง เรื่องที่ขายความจริง ผมทำเรื่องที่ขายความจริง ซึ่งทำได้ไม่ยาก เพราะมันมีอะไรบางอย่างเป็นบรรทัดฐานอยู่แล้ว ทีนี้เราต้องคิดว่า เราทำให้ใครดู ผมคิดว่าคนดูของผมคือคนทั่วไป ผมก็จะทำสิ่งที่คิดว่าน่าสนใจสำหรับคนดูทั่วไป อย่างการทำเรื่องราวชีวิตของคนเล็กๆ เช่น โสเภณี คนขับแท็กซี่ คนเลี้ยงช้าง อะไรพวกนี้ ก็เพราะเรื่องราวของพวกเขาน่าสนใจและเป็นเรื่องของคนทั่วไป
แต่เรื่องของพวกชนชั้นสูง ไม่น่าสนใจเท่าไหร่ มันไม่มีอะไรเลย ผมทำหนังแสดงความจริงของชีวิตของสังคม และผมคิดว่า หนังไม่ควรจะอิงตามแฟชั่นมาก อย่างเรื่องของนักแสดงหรือการแสดง ถ้าเราสร้างคาแรคเตอร์พระเอกตามแฟชั่นดวย ใครดังเอามาเล่นตามบทที่เขาดังอยู่แล้ว คนจะดูพักเดียวเท่านั้น เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่ว่าจะเป็นทรงผม บุคลิก การแต่งตัว มันบอกระยะเวลา และเมื่อพ้นเวลานั้นก็หายไปง่ายจะตาย"
แสดงความคิดเห็น