Home » » กาลครั้งหนึ่ง เมื่อเช้านี้

กาลครั้งหนึ่ง เมื่อเช้านี้


กาลครั้งหนึ่ง เมื่อเช้านี้

กาลครั้งไหน ก็ไม่เหมือนกาลครั้งนี้

ผู้กำกับ บัณฑิต ฤทธิ์กล

เทอดเกียรติ เศรษฐพงศ์ กำกับบท
สถาพร สุชาติ ควบคุมความต่อเนื่อง

จากเรื่องและบทภาพยนตร์โดย

ชนินทร ประเสริฐประศาสน์
บัณฑิต ฤทธิ์กล

วันชัย เล่งอิ๊ว
วิเชียร เรืองวิชญกุล กำกับภาพ
พูนศักดิ์ อุทัยพันธุ์ ลำดับภาพ
ประดิษฐ์ นิลสนธิ กำกับศิลป์
บรรพต ฤทธิ์ถกล ควบคุมงานศิลปกรรมและช่วยกำกับศิลป์

กานต์ ฉัตรทรงเจริญ
สุวินี พินิจทรัพย์สิน และคณะ ออกแบบการแต่งกาย

เอ็มทีไอ แต่งหน้าและทำผม
ชาย คงศิลวัต บันทึกเสียง
ดนู ฮันตระกูล ประพันธ์ และ กำกับดนตรี

อรชุมา ยุทธวงศ์ ที่ปรึกษาด้านการแสดง

นักแสดง:

จินตหรา สุขพัฒน์
สันติสุข พรหมศิริ
มาตัง จันทรานี  - โอ๋
รณรงค์ บูรณัติ
ปรมัติ ธรรมมล - อ้น
ภูมิ พัฒนายุทธ
ชาลี ไตรรัตน์ - อั้ม (ภาพยนตร์เรื่องแรกของ แน็ค แฟนฉัน)
ฤกษ์ดี ศิริเจริญชัยสกุล
พันฤทธิ์ บุษราคัม
ภาพ ธรรมชาติ
จอย ฟารียา
จตุรงค์ ระแหง
เอกพล สุทธิกาวงศ์
ณรงค์ฤทธิ์ สุกาจารีวัฒน์
ด.ช. นิจิโรจน์ คุมสติ
ชูศักดิ์ นะมาโรจน์
ปัน เลาะสูงเนิน
เอก เนติลักษณ์
ด.ญ. ดวงใจ วัฒนวิทย์สกุล
เสรี เนติลักษณ์
สุกมล เชยบัวแก้ว
ด.ช. ออมพล ไม้หอม

นักแสดงรับเชิญ

สมจินต์ ธรรมทัต
ชาลี อินทรวิจิตร
สมมาตร ไพรหิรัญ
ปรารถนา สัชฌุกร
สมปอง จุลละทรัพย์
ศิริวรรณ เฮง


วันที่เข้าฉาย: 28 มกราคม 2537

 

หนังขึ้นหิ้ง : กาลครั้งหนึ่ง เมื่อเช้านี้กาลครั้งใหม่ ยังไม่สาย 
เขียนโดย Obelisk      
ศุกร์, 06 พฤษภาคม 2005

ฉันกำลังเคลิบเคลิ้ม หวั่นไหว เมื่อโดนสายลมของวันวานโชยพัดเยื่อหุ้มตา ฉันพยายามจะสร้างความเชื่อมั่นในความคิดที่ว่า เมื่อความว่างเปล่า ผ่านเวลา หลายวัน หลายคืน คนเราจะละลืมอดีตทิ้งไว้ข้างหลังได้อย่างหมดสิ้น อย่างสนิทใจ หรือไม่มันก็คงบางเบาเสียจนไม่มีอะไร ๆ ต้องไปหวนคิดถึงอีก

 ลิ้นชักความทรงจำของเจี๊ยบและน้อยหน่า เมื่อโดนความทรงจำใหม่ ๆ พอกพูนมาพร้อม ๆ กับปริมาณของวันเวลาที่ทับถมมัน เรื่องที่ผ่านไปนานมากแล้ว มันคงโดนทับซะบี้แบนแหง ๆ แน่ ๆ คงไม่มีสมองส่วนไหนสามารถไปคุ้ยรื้อดึงลิ้นชักนั้นออกมาได้อีก

แล้ววันหนึ่งฉันก็รู้ว่า อดีตกาลครั้งนั้น.มันไม่ได้หล่นหายไปไหนเลย

คุณคงเคยเริ่มต้นเขียนเรื่องราวกับใครคนหนึ่ง เริ่มต้นด้วยปฐมบทอย่าง กาลครั้งหนึ่งแล้วปัจฉิมบท มันลงท้ายด้วยอย่างไรแล้วทั้งสองก็ครองรักกันอย่างมีความสุขตราบชั่วนิรันดร์หรือเปล่า

แต่สำหรับฉันผู้หญิงที่ชื่อ อาภา (จินตหรา สุขพัฒน์) ขอพูดประโยคย้ำชัด ตั้งแต่ต้นเรื่องนี้ว่า มันจบแล้วมันจบแล้ว

ฉันจัดประเภทตัวเองเป็นผู้หญิงสมัยใหม่เต็มตัวและเต็มหัวคิด อาจเป็นภรรยาของสามีอย่าง ดำรงค์ (สันติสุข พรหมศิริ) แต่ไม่เหมาะกับการเป็นแม่ศรีแม่บ้านแม่เรือนที่ดีซักเท่าไหร่ และความเป็นสังคมสมัยใหม่ ที่เพิ่มบทบาทให้ผู้หญิงทำงานนอกบ้าน ทำเกือบทุกอย่างได้เสมอเหมือนเพศชาย ก็ทำให้ผู้หญิงอย่างฉันมีความกล้าหาญสูงพอที่จะเป็นผู้นำเพียงคนเดียวของครอบครัว

และการตัดสินใจครั้งสำคัญของฉัน คือ การไม่ดำรงอยู่ของสถาบันครอบครัวที่มีครบหน้าพ่อ แม่ และลูก ๆ อย่าง โอ๋ อ้น อ้ำ ด้วยเหตุผลของผู้ใหญ่สองคน

จากอาณาบริเวณความอบอุ่นของคำว่าบ้าน ฉันพาลูก ๆ ทั้ง 3 คน มาอยู่โลกใหม่ที่เป็นห้อง ๆ ช่อง ๆ สี่เหลี่ยมอย่างแฟลต ลูก ๆ ไม่ยอมรับในอาหารจากถุงพลาสติกที่ฉันสรรหามาให้ พวกเขายังเฝ้าอ้างความทรงจำถึงพ่อว่า พ่อทำได้ดีกว่า ฉันหวังว่าซักวันหนึ่ง โอ๋ ลูกสาวคนโตจะเข้าใจความเจ็บปวดในการเลือกเดินทางนี้ของแม่ เพราะโอ๋เป็นผู้หญิงเหมือนกัน

เมื่อผู้ใหญ่ยัดเยียดโลกเทพนิยายประโลมจินตนาการที่มีพระเอกกระดาษขี่ม้าขาวมาคอยช่วยเหลือ ให้เด็ก ๆ สร้างฝันแสนสุข สนุกสนานไปตามประสา เพื่อกลบเกลื่อน ทำฝ้า ๆ จาง ๆ เบลอ ๆ เฉไฉเรื่องไป ให้มองไม่เห็นโลกความจริงแสนรวดร้าวของผู้ใหญ่

แสงไฟฉายที่พ่อส่องกระทบลูกแก้ววาวระยิบระยับกระทบผนังบ้านยามเล่านิทานให้ลูกฟัง โดนบดบังด้วยแสงที่สว่างจ้ากว่าสาดมาจากอารมณ์และไฟหน้ารถของแม่

ฉันหงุดหงิดเพราะอยากรู้ว่า นิทานของพ่อ กับคำสั่งของแม่ อะไรสำคัญกว่ากัน เมื่อพวกเด็ก ๆ ไม่เข้าใจ ความเป็นเด็กก็โดนทำร้ายจากอารมณ์ผู้ใหญ่ด้วยความรุนแรง นั่นทำให้พวกเขาวิ่งเตลิดกลับไปหาที่เขาเรียกมันว่า “บ้าน” สถานที่ ๆ บรรจุครบทุกคนในครอบครัว ขอเพียงให้ทุกคนได้อยู่ด้วยกัน

ดำรงค์ เป็นโค้ชทีมฟุตบอล ทำทีมนำทุกคนในทีมไปสู่ทางแห่งชัยชนะ แต่คำว่า “ครอบครัว” เขากลับพามันไปไม่ถึง ภาพที่เขาทำอย่างเข้าถึงหัวใจน้อย ๆ ของลูก ๆ เสมอคือ คุยเล่นทำสนุก เล่านิทานจากรูปตัดกระดาษให้ลูกฟัง และฉันโทษว่านี่คือ การทำให้เด็ก ๆ กลายเป็นพวกเพ้อฝัน บ้าบอ อยู่ยอมรับกับความเป็นจริงไม่ได้ จนต้องเกิดเหตุวุ่นวาย

นกแลและผองเพื่อน เด็กข้างทาง ข้างถนน ที่ไม่เคยฟังนิทานก่อนนอน ไม่มีจินตนาการสวย ๆ พาฝันมาจุมพิตก่อนเข้านอน เพราะวัน ๆ สิ่งที่นกแลเจอะมันไม่มีคำพูดสวย ๆ ไม่มีคติสอนใจ ไม่มีพรวิเศษจากนางฟ้ามาคุ้มครอง และมันไม่ได้มืดเพราะมีใครขอปิดแสงไฟซักครู่เพื่อเตรียมกางรูปเล่าเรื่องแม่มดใจร้าย แต่มันมืดและมืดมิดอยู่ตลอดเวลา

ไอ้ยักษ์ตาเดียว มันเป็นผู้ร้ายที่ตามระรานราวีพวกเด็ก ๆ ตอนมันเป็นกระดาษแผ่นตัด ๆ มันต้องยอมสยบพ่ายแพ้กับ กระดาษที่ได้ชื่อสมมติว่าเป็นเจ้าชาย ผู้ที่สามารถช่วยเหลือเด็ก ๆ จากทุกสถานการณ์เลวร้าย และพาเด็ก ๆ กลับบ้าน ไอ้ยักษ์ตาเดียว ปีศาจร้ายในร่างมนุษย์ มันเป็นยิ่งกว่าอิทธิฤทธิ์แห่งความชั่วร้ายทั้งหมดเท่าที่เด็ก ๆ จะวาดภาพถึงได้ ซึ่งบางทีความดื้อทะนง อวดดีในตัวที่ฉันเป็น อาจจะเป็นเสี้ยวอารมณ์หนึ่งของไอ้ยักษ์ตนนั้น

ถ้าพวกเด็ก ๆ จะคิดว่า เพียงเพราะเขามีบ้านที่มีไม่ครบสมบูรณ์นั้นเจ็บปวดที่สุดแล้ว

โลกตะลอน ๆ ที่เด็ก ๆ ไปพลัดหลงเจอะเจอมันเข้านั้น บัดซบเสียยิ่งกว่าคำว่าเจ็บปวดหลายเท่าตัวนัก

และที่บัดซบเสียยิ่งกว่า คือ เด็ก ๆ ที่ไม่มีโอกาสออกมาจากโลกบัดซบนั้น

เมื่อฉันได้รับรู้รสถึงการเกือบสูญเสียสิ่งที่รักยิ่งใน “กาลครั้งนั้น” และน้ำตาได้ล้างละลายความฟุ้งซ่านสับสนออกมาจากตัวเอง ฉันจึงแข็งแรงพร้อมที่จะเริ่มต้น “กาลครั้งใหม่” อีกครั้ง

ฉันหวังว่ามันยังไม่สายเกินไป

Share this article :

แสดงความคิดเห็น