Home » » ช็อคโกแลต

ช็อคโกแลต


ภาพยนตร์ไทยแอ็คชั่นระดับโลกเรื่องล่าสุดจากผลงานการกำกับของ “ปรัชญา ปิ่นแก้ว” (องค์บาก, ต้มยำกุ้ง)

และการมาของแอ็คชั่นฮีโร่หญิงคนใหม่ที่โลกต้องจับตา “จีจ้า ญาณิน วิสมิตะนันทน์”

บ่มเพาะทักษะและความสามารถทางการต่อสู้ตลอด 4 ปีเต็มโดย “พันนา ฤทธิไกร”

ทุ่มเททั้งชีวิตและจิตวิญญาณตลอด 2 ปีแห่งการถ่ายทำ

การเผชิญหน้ากันครั้งแรกของ 2 ซูเปอร์สตาร์แห่งเอเชีย “ฮิโรชิ อาเบะ” และ “พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง”

พร้อมด้วย “ส้ม อมรา ศิริพงษ์”

Lim Su Jeong นักชกชาวเกาหลี, Soumia Abalhaja นักมวยหญิงชาวฮอลแลนด์

ว่ากันว่าใต้จิตสำนึกของ “เด็กพิเศษ” แต่ละคนล้วนต่างมีความสามารถและทักษะพิเศษบางอย่างที่แฝงเร้นอยู่ภายในซึ่งติดตัวมาตั้งแต่เกิดโดยเราเรียกสิ่งนั้นว่า “พรสวรรค์”

เด็กพิเศษที่มีแม่กำลังป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดในระยะสุดท้ายอย่าง “เซน” (จีจ้า ญาณิน) ไม่เคยรู้เลยว่าความพยายามทวงสิทธิ์ที่ ซิน (ส้ม อมรา) แม่ของเธอพึงได้รับในฐานะอดีตผู้หญิงคนสำคัญของ NO.8 (อ๊อฟ พงษ์พัฒน์) หัวหน้าแก๊งมาเฟียที่โหดและทรงอิทธิพลที่สุดของไทย จะทำให้ชีวิตของเธอและแม่จะต้องพบกับโลกอีกมุมหนึ่งที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน และเป็นชนวนสำคัญอันนำไปสู่จุดเริ่มต้นของการเผชิญหน้าและปะทะกันระหว่าง NO.8 หัวหน้าแก๊งมาเฟียไทย และมาซาชิ (มร.ฮิโรชิ อาเบะ) สมาชิกคนสำคัญของแก๊งยากูซ่าจากญี่ปุ่นที่พยายามปกป้องเซนและแม่ แต่ดูเหมือนว่าหนทางเดียวที่เซนจะทำได้ในตอนนี้ก็คือ การดึงเอาพรสวรรค์ทางด้านการต่อสู้ทั้งหมดที่แฝงเร้นอยู่ในตัวออกมาเพื่อปกป้องแม่ให้ได้

เรื่องย่อ

เซน ( จีจ้า ) หญิงสาววัย 22 เธอเป็นเด็กออทิสติคที่มีความสามารถทางด้านการต่อสู้อย่างร้ายกาจ เซน อาศัยอยู่กับ ซิน ผู้เป็นแม่ ( อมรา ศิริพงษ์ ) ในชีวิตเซนมีสิ่งที่เธอชอบอยู่ไม่กี่อย่าง คนที่เธอรักมีไม่กี่คนหนึ่งในนั้นคือแม่ คนที่เธอรักดั่งดวงใจ แต่แล้ววันหนึ่งแม่ของเธอล้มป่วยลงด้วยโรคมะเร็ง ความเป็นอยู่ในครอบครัวเริ่มลำบาก เงินทองเริ่มหมดไปกับการรักษา แต่โชคชะตาก็นำพาให้เธอเข้าไปตกอยู่ในวังวนแห่งการต่อสู้ซึ่งเต็มไปด้วยอันตราย เซนได้เจอสมุดบันทึกเล่มหนึ่งซึ่งเต็มไปด้วยรายชื่อคนที่เคยเป็นหนี้แม่ของเธอ เซนจึงขอร้อง แมงมุม เพื่อนคนเดียวที่เธอมีอยู่ให้ช่วยไปตามเก็บเงินตามรายชื่อเหล่านั้น โดยหารู้ไม่ว่า บุคคลเหล่านั้นพร้อมจะสังหารเธอได้ทุกเมื่อ และที่สำคัญรายชื่อทุกรายจะเกี่ยวข้องกับบุรุษลึกลับที่มีรหัสว่า No.8 และเมื่อ No.8 ทราบเรื่องและสืบหาความจริงจนพบว่า การต่อสู้ที่อันตรายของเซนนั้นกำลังเกี่ยวพันกับ เจ้านายนักการเมืองชื่อดัง จึงทำให้ No.8 ต้องกำจัดเซนให้สิ้นซาก การสังหารด้วยหมัดต่อหมัดครั้งนี้มีชีวิตของซิน แม่ผู้เป็นทั้งหมดของชีวิตเซนเป็นเดิมพัน เธอต้องต่อสู้ทุกอย่างแม้ต้องแลกด้วยชีวิต เพื่อให้แม่อยู่กับเธอไปนานๆ

ทีมงานสร้าง : แอ็คชั่น (แนวภาพยนตร์) / สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล (บริษัทผู้สร้าง-จัดจำหน่าย) / บาแรมยู (บริษัทดำเนินงานสร้าง) / สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ (อำนวยการสร้างฝ่ายบริหาร) / ปรัชญา ปิ่นแก้ว, พันนา ฤทธิไกร, สุกัญญา วงศ์สถาปัตย์ (ควบคุมงานสร้าง) / ศิตา วอสเบียน (ดำเนินงานสร้าง) / ปรัชญา ปิ่นแก้ว (ผู้กำกับภาพยนตร์) / เนปาลี, ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล (บทภาพยนตร์)

นำแสดงโดย: จีจ้า-ญาณิน วิสมิตะนันทน์, ฮิโรชิ อาเบะ, พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง, ส้ม อมรา ศิริพงษ์, Lim Su Jeong , Soumia Abalhaja, ศิริมงคล สิงห์วังชา

นักแสดง:

ญาณิน วิสมิตะนันทน์ (จีจ้า) เซ็น 
อมรา ศิริพงศ์ ซิน 
ฮิโรชิ อะเบะ มาซาชิ 
พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง No.8 

เกร็ดภาพยนตร์

ปี 2003 – “องค์บาก” ทำให้ “โทนี่ จา” กลายเป็นซูเปอร์สตาร์แอ็คชั่นฮีโร่อันดับ 1 ของไทยและของโลก

ปี 2004 – “เกิดมาลุย” คือความมันส์แบบ NON-STOP ของภาพยนตร์ไทยแอ็คชั่นสตั๊นท์เสี่ยงตายที่ทำให้โลกรู้จัก “เดี่ยว ชูพงษ์ ช่างปรุง”

ปี 2008 – “CHOCOLATE” จะสานต่อความสำเร็จของภาพยนตร์แอ็คชั่นไทยฟอร์มยักษ์ระดับโลกเป็นเรื่องที่ 3 ของ “ปรัชญา ปิ่นแก้ว” พร้อมปฏิวัติโฉมหน้าซูเปอร์สตาร์แอ็คชั่นฮีโร่หญิงคนใหม่ของเมืองไทย “จีจ้า-ญานิน วิสมิตะนันทน์” สาวน้อยวัย 23 ปีผู้สัมผัสวิถีการต่อสู้ด้วยเทควันโด้ตั้งแต่อายุ 11 ปีและสามารถคว้าเทควันโด้สายดำได้ในเวลาแค่ 2 ปี บ่มเพาะความสามารถในการต่อสู้จาก “พันนา ฤทธิไกร” นานถึง 4 ปีเต็ม

ทีมนักแสดง

จีจ้า ญาณิน วิสมิตะนันทน์ (รับบท เซน) – ลูกสาวเพียงคนเดียวของ ซิน และ มาซาชิ เป็นเด็กสาวหน้าตาน่ารัก แต่เนื่องจากเป็นโรคออทิสซึ่ม ทำให้ความรู้สึกในการเรียนรู้สิ่งต่างๆช้ากว่าเด็กในวัยเดียวกัน ขณะเดียวกันก็มีพรสวรรค์ในการจดจำ และเลียนแบบ โดยเฉพาะการต่อสู้ มีปฏิกิริยาในการโต้ตอบว่องไว อารมณ์ค่อนข้างรุนแรง ดุ ขี้โมโห ขี้หวง เติบโตมาโดยมีความผูกผันกับซินมากเป็นพิเศษ และจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายแม่เป็นอันขาด

ประวัติพอสังเขป

….ญาณิน วิสมิตะนันทน์ หรือ จีจ้า เกิดวันที่31 มีนาคม 2527 สาวน้อยขี้โรคในวัยเด็กที่ยอมตัดสินใจเรียนเทควันโด้ เมื่ออายุได้เพียง 11ปี (พ.ศ.2538)โดยมีคุณแม่เป็นแรงบันดาลใจ โดยหวังว่าจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ด้วยความหลงใหลในกีฬาเทควันโด้ทำให้ฝึกฝนจนได้สายดำดั้งที่ 1 เมื่อปี 2540 ซึ่งสามารถคว้าสายดำได้หลังจากที่ผ่านการเรียนเทควันโด้ในเวลาเพียง 2 ปี ในขณะที่อายุเพียง13 ปี และได้สายดำดั้ง 2 ในปีพ.ศ.2542 และสายดำดั้ง 3 ในปี พ.ศ.2546 โดยเริ่มต้นหันมาเป็นครูสอนเทควันโด้เมื่ออายุได้เพียง 14 ปี ขณะที่ศึกษาชั้นมัธยมปลายได้เป็นนักกีฬาเทควันโดทีมโรงเรียน เข้าร่วมแข่งขันกีฬาเทควันโด้เยาวชนกรุงเทพฯ พร้อมกับคว้าเหรียญทองมาได้ในปี พ.ศ.2539 และเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาเทควันโด้กรมพละศึกษาในปี พ.ศ. 2540 และในระหว่างที่กำลังจะเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ก็ได้มีโอกาสเข้าไปแคสติ้งในภาพยนตร์แอ็คชั่นเรื่อง “เกิดมาลุย” ที่กำกับโดยพันนา ฤทธิไกร โดยการทดสอบคือเน้นทางด้านแอ็คชั่นเป็นหลักไม่ว่าจะเป็นการเตะ การกระโดดในรูปแบบและท่าต่าง ๆ จนได้รับการแจ้งจากทีมงานว่าได้รับการคัดเลือกให้แสดงภาพยนตร์เรื่องเกิดมาลุย แต่แล้วความพลิกผันครั้งสำคัญในชีวิตก็เริ่มขึ้น เมื่อได้มีโอกาสทำเวิร์คช็อพเดโมแอ็คชั่นทางด้านการต่อสู้ให้กับทางปรัชญา ปิ่นแก้วและเสี่ยเจียง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ แห่งสหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนลได้ดู ก่อนที่จะรู้ในเวลาต่อมาว่าไม่ได้เล่นในภาพยนตร์เรื่องเกิดมาลุยแล้ว แต่ทางสหมงคลฟิล์มได้เตรียมสร้างโปรเจ็คต์ “ช็อคโกแลต” ภาพยนตร์แอ็คชั่นผู้หญิงขึ้นมาใหม่เพื่อให้ จีจ้า ญาณิน แสดงโดยเฉพาะ นำไปสู่ขั้นตอนการเก็บตัวและบ่มทักษะความสามารถทางการต่อสู้ยาวนานถึง 4 ปีเต็มโดยมีพันนา ฤทธิไกร ผู้กำกับและออกแบบคิวบู๊มือ1 ของเมืองไทยควบคุมดูแลฝึกฝน จนในที่สุดก็ได้มีโอกาสใช้ความสามารถทางร่างกายและจิตใจทั้งหมดถ่ายทอดลงในภาพยนตร์เรื่องช็อคโกแลตที่ใช้เวลาถ่ายทำนานถึง 2 ปีเต็ม

PROFILE

ญาณิน วิสมิตะนันทน์-Yanin Vismitananda (จีจ้า)

วัน เดือน ปีเกิด 31 มีนาคม 2527 (อายุ 23 ปี) / สถานที่เกิด โรงพยาบาลแพทย์ปัญญา กรุงเทพฯ / ส่วนสูง 162 ซม.

การศึกษา ปี 2 คณะนิเทศศาสตร์ สาขาภาพยนตร์และดิจิตอล ม.เกษมบัณฑิต / ศาสนา พุทธ

สิ่งศักดิ์สิทธิ์/เคารพนับถือ พระพิฆเนศ

งานอดิเรก ดูหนัง,อ่านหนังสือ, ฟังเพลง, นอน

กีฬาที่ชื่นชอบ มวยไทย, เทควันโด, มวยจีน

สไตล์การแต่งตัว แล้วแต่อารมณ์ หวาน เซอร์

ฮีโร่ดาราชายที่ชื่นชอบ เซียะถิงฟง (ใน Dragon Tiger Gate) / เจ็ท ลี (ใน The One ,Unleashed)

ฮีโร่ดาราหญิงที่ชื่นชอบ คาเรน ม็อค (ใน Around the world in 80 days)

ประเภทของภาพยนตร์ที่ชื่นชอบ โรแมนติค-คอมเมดี้,แอ็คชั่น

ภาพยนตร์ในดวงใจ Mortal combat, Always : sunset on the third street, Godfather

ความสามารถพิเศษ เทควันโด, มวยไทย, ยิมนาสติก

ผลงานชิ้นแรก ภาพยนตร์เรื่อง chocolate

คติประจำใจ มีความสุขกับสิ่งที่ได้ทำ ท้อได้แต่อย่าถอย / ความภาคภูมิใจ ได้รับเลือกให้มาเล่นภาพยนตร์เรื่อง chocolate

ฮิโรชิ อาเบะ (รับบท มาซาชิ) – ถ่ายทอดบทบาทที่เข้มข้นที่สุดในภาพยนตร์แอ็คชั่นไทยระดับโลกผลงานเรื่องล่าสุดจากผลงานการกำกับของปรัชญา ปิ่นแก้ว ถัดจาก องค์บาก และ ต้มยำกุ้ง และเป็นครั้งแรกที่แฟน ๆ ชาวไทย เอเชียและทั่วโลกจะได้พบกับการแสดงที่ได้รับการยกย่องว่าเยี่ยมยอดที่สุดของซุปเปอร์สตาร์หนุ่มชาวอาทิตย์อุทัยที่โด่งดังที่สุดในญี่ปุ่นอยู่ในขณะนี้

…รับบทเป็น มาซาชิ สมาชิกคนสำคัญของแก๊งยากูซ่าจากญี่ปุ่น ผู้มีบุคลิกลึกลับ ภายนอกดูเคร่งขรึม มีอุดมการณ์ที่ชัดเจนของตนเอง มีความเป็นลูกผู้ชายอยู่ในตัวสูง จิตใจดี แต่ถึงแม้ภายนอกจะดูเป็นคนเงียบ ๆ แต่เมื่อถึงบทโหดเขาก็พร้อมจะทำทุกอย่างได้เพื่อความรัก มีคู่ปรับคนสำคัญคือ NO.8 (ซึ่งรับบทโดย พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง) หัวหน้าแก๊งมาเฟียของไทยที่มีเหตุต้องบาดหมางและกลายเป็นศัตรูตัวฉกาจอันเนื่องมาจากมาซาชิเข้าไปเกี่ยวข้องกับ ซิน ผู้หญิงคนสำคัญของแก๊งค์มาเฟียที่โหดที่สุดซึ่งซินสังกัดอยู่ การเดินทางจากญี่ปุ่นมาเมืองไทยของมาซาชิในครั้งนี้เป้าหมายคือเพื่อพบหน้าซิน และเซน (รับบทโดยจีจ้า ญาณิน) ลูกสาวเพียงคนเดียวของเขา โดยหารู้ไม่ว่าจะนำมาซึ่งเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตเขาโดยสิ้นเชิง

…ฮิโรชิ อาเบะ นายแบบและนักแสดงระดับซูเปอร์สตาร์หนุ่มชาวญี่ปุ่นวัย 43 เป็นที่รู้จักของแฟน ๆ ชาวไทยจากภาพยนตร์ซีรี่ส์ญี่ปุ่นที่ฉายทางไอทีวีเรื่อง นายซ่าท้าเด็กแนว (ปี 49), แต่งงานกันเถอนะ(ปี 45), ผม…ฮีโร่นะครับ (ก.ค.-ส.ค.ปี46) ฯลฯ เกิดเมื่อวันที่ 22 มิ.ย.1964 บัณฑิตจากรั้วมหาวิทยาลัย CHUO ปี1988 เกิดที่เมืองโยโกฮาม่า เขตคาเนงาว่า เริ่มต้นอาชีพและเป็นที่รู้จักในแวดวงบันเทิงเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนมี.ค. ปี 1985 ในฐานะนายแบบหนุ่มหลังจากชนะการประกวด SHUEISHA3rd NONNO BOY FRIEND CHAMPION จากนิตยสาร NONNO 1 ในแมกกาซีนวัยรุ่นชั้นนำที่ได้รับความนิยมอย่างสูงสุดของญี่ปุ่น ด้วยเสน่ห์ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบและป็อบปูล่าโดนใจทำให้ใบหน้า “ฮิโรชิ อาเบะ” ปรากฎโฉมอยู่บนปกของนิตยสาร NONNO อยู่บ่อยครั้ง รวมทั้งการถ่ายแบบขึ้นปกฉบับปฐมฤกษ์ของ “MEN’s NONNO” ว่ากันว่านอกเหนือจาก “ความสูง” ที่ทำให้ “ฮิโรชิ อาเบะ” (สูง189ซม., น้ำหนัก75กก.) แตกต่างจากนักแสดงชายชาวญี่ปุ่นโดยทั่ว ๆ ไปแล้ว อารมณ์ขันและความหน้าตาดีของเขาก็เป็นเสน่ห์ที่ทำให้เป็นที่นิยมได้ไม่ยาก ส่งผลให้เขาได้มีโอกาสเข้าไปมีบทบาทสำคัญ สำคัญในช่วง COOL GUY ของรายการวาไรตี้โชว์ยอดนิยมในภาคกลางวันของ FUJI TELEVISION สถานีโทรทัศน์ชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น

…ในระหว่างกำลังเรียนอยู่ในปีสุดท้ายของมหาวิทยาลัย(1988) “ฮิโรชิ อาเบะ” โดดเข้าสู่จอเงินในฐานะนักแสดงอาชีพเป็นครั้งแรกกับภาพยนตร์เรื่อง HAIKARASAN GA TOURU (TRENDY GIRL PASSES BY) และเริ่มฉายแววความสามารถทางการแสดงที่มาพร้อมกับพรสวรรค์อันโดดเด่นในการถ่ายทอดอารมณ์ขันกับบทคอเมดี้ ส่งผลให้ชื่อของอาเบะขึ้นแท่นเป็น 1 ในแสดงชายระดับแนวหน้าของญี่ปุ่น และครองความนิยมจากแฟน ๆ ชาวญี่ปุ่น และมีผลงานการแสดงออกมาอย่างต่อเนื่องทั้งทางโทรทัศน์, ภาพยนตร์, งานโฆษณา และละครเวที ฯลฯ

ประวัติและผลงานทางการแสดง

ผลงานทางด้านโทรทัศน์

…ในปี1988 LET’S HAVE ROMANCE (KOI WO SIMASHO YUMIN WO KIKINAGARA) คือผลงานทางด้านละครทางโทรทัศน์เรื่องแรกของเขาที่ปรากฎออกมาสู่สายตาแฟน ๆ จนถึงปี 2003 “อาเบะ” มีผลงานทั้งในฐานะนักแสดงนำและร่วมแสดงออกอากาศมาแล้วไม่ต่ำกว่า 84 เรื่อง และนับตั้งแต่ปี1996 เป็นต้นมา ความฮอตของ “อาเบะ” ส่งผลให้มีผลงานออกอากาศให้แฟน ๆ ชาวญี่ปุ่นได้เห็นหน้าค่าตาและชื่นชมซูเปอร์สตาร์หนุ่มกันอย่างจุใจชนิดที่ว่าทุก ๆ 3 เดือนจะต้องมีผลงานให้ชมกันอย่างน้อย 1 เรื่องเลยทีเดียว

รายชื่อผลงานทางโทรทัศน์

TRICK ภาพยนตร์ซีรี่ส์ (ออกอากาศในช่วงซัมเมอร์ปี2000, หน้าหนาวปี2002, ฤดูใบร่วง2003), SMILE (ฤดูใบไม้ผลิปี 2003), RIKAZ (มีนาคม 2003) (คว้ารางวัล BEST HORROR FILM OF THE YEAR), THE LAST LAWYER (ฤดูหนาวปี2003), MY LITTLE CHEF (ฤดูร้อนปี2002), GLORIOUS YORUJURO (ออกอากาศตั้งแต่เดือนก.ย.ปี1996-มี.ค.1997), DRAGON ZAKURA (ฤดูร้อนปี2005) ฉายเมืองไทยช่วงปี 49 (ก.พ.-มี.ค.) รับบททนายหนุ่ม Kenji Sakuragi ที่ต้องมากู้วิกฤติโรงเรียนมัธยมที่กำลังจะถูกฟ้องล้มละลาย, KEKKON DEKINAI OTOKO (ฤดูร้อนปี2006), AT HOME DAD (ฤดร้อนปี2004) นอกจากนี้ยังมีผลงานต่าง ๆ อีกมากมายที่เขาร่วมแสดง ไม่ว่าจะเป็น MUSASHI (2003) ภาพยนตร์ชุดซี่รี่ส์ประวัติศาสตร์เรื่องยิ่งใหญ่แห่ง NHK, Raining Through Midnight (ออกอากาศฤดูใบไม้ร่วงปี 2002), Wedding Planner (ฤดูใบไม้ผลิปี 2003), Antique (ฤดูใบไม้ร่วงปี2001), Hero (ฤดูหนาวปี2001) (1ในรายการโทรทัศน์เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ญุ่นที่มีคนดูเยอะที่สุด), YASHA (ฤดูใบไม้ผลิ2000), Honeymoon Divorce (ฤดูใบไม้ร่วงปี1997) รวมไปถึงผลงานอื่น ๆ ที่เขามีส่วนร่วมในฐานะผู้บรรยาย

รางวัลทางด้านการแสดง

ปี 2006 – คว้ารางวัลนักแสดงนำฝ่ายชายจาก Kekkon Dekinai Otoko ในงานประกาศรางวัล Television Drama Academy Awards ครั้งที่50

ปี 2005 – คว้ารางวัลนักแสดงนำฝ่ายชายจาก Dragon Zakura ในงานประกาศรางวัล Television Drama Academy Awards ครั้งที่ 46

ปี 2004 – คว้ารางวัลนักแสดงสมทบฝ่ายชายจาก Dekichatta Kekkon Toubousha ในงานประกาศรางวัล Television Drama Academy Awards ครั้งที่30

ผลงานทางด้านภาพยนตร์

…เริ่มต้นทางด้านการแสดงภาพยนตร์ครั้งแรกในปี 1988 จาก Haikara-san Ga Touru จนถึงปี 2003 ฮิโรชิ อาเบะ มีผลงานการแสดงภาพยนตร์มาแล้วมากกว่า 36 เรื่อง สำหรับภาพยนตร์ล่าสุดของเขามีดังนี้ Aruitemo Aruitemo (2008), Hokuto no Ken – Kenshiro Densetsu (2008), Jigyaku no Uta (2007), Hero (2007), Mouryou no Hako (2007), Taitei no Ken (2007), Bubble e Go! Time Machine wa Doramu Shiki (2007), Adiantum Blue (2006), Trick 2 (2006), Hokuto no Ken (หมัดเทพเจ้าดาวเหนืออนิเมชั่นสุดฮิตของคนไทยโดยพากย์เสียงเป็นพระเอกเคนชิโร่) (2006), Baruto no Rakuen (2006), Siren (2006),Trick 2 as Ueda Jiro (2006), Kidan (2005), Ubume no Natsu (2005), Tetsujin 28 Gou (2005) Ubume no Natsu (2005), The man behind the scissors (2004), My Lover is a Sniper: The Movie (2004), Hana and Alice (2004), Hotel Venus (2004), Survive Style 5+ (2004), TRICK (2002), Platonic Sex (2001), RUSH! (2001), Blood Sucking Space(2001), Tokyo Raiders (2000), Godzilla 2000: Millennium (1999), Moon Over Tao (1997), Yamato Takeru (1994)

ผลงานทางด้านโฆษณา

…อาเบะมีผลงานภาพยนตร์โฆษณาออกอากาศทางโทรทัศน์มากกว่า 100 ชิ้นโดยมีผลิตภัณฑ์จากบริษัทชั้นแนวหน้าอย่าง VISA, Sekisui Chemical Industry, Johnson & Johnson, Glico (Gum), Sapporo Beer, Toyota, and National ฯลฯ เจาะจงเลือก อาเบะโดยเฉพาะ

ละครเวที

2004 – Chikamatu Double Suicide Chikamatu Shinchuu monogatari-sore ha koi)

2002, 1998, 1993-96 – Atami Murder-Monte Carlo Illusion

2001 – Who Brings It Up

2000 – New Jigokuhen (Famous novel from Japanese literature)

1992 sometime, Somewhere

…นอกจากนี้ยังมีผลงานอื่น ๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นอัลบั้มภาพ (photo collections) ถึง 8 ชุด, อัลบั้มเพลง 2 ชุด, วิดีโอ 4 ชุด, รายวิทยุอีก 2 รายการ นอกจากนี้เขายังเป็นนักแสดงที่อยู่ในสังกัดเอเยนซี่ Moda Office โดยเมื่อปี 2003 มีรายได้ 34,380,000 เยน ในขณะที่ปี 2004 มีรายได้มากถึง148,050,000 เยน

พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง (รับบท NO.8) – หัวหน้าแก๊งมาเฟียไทยที่ว่ากันว่าดุดัน เลือดเย็นและโหดเหี้ยมที่สุด ด้วยข้อตกลงในการผสานผลประโยชน์ในเครือข่ายโลกอาชญากรรมที่โยงใยถึงกัน ทำให้เขาต้องญาติดีกับมาซาชิ มือขวาของหัวหน้าแก๊งยากูซ่าจากญี่ปุ่นที่ถูกส่งมาเป็นตัวแทน แต่ทันทีที่สูญเสียหัวใจของ หญิงที่ตนรักอย่างเซนให้กับมาซาชิ ความสัมพันธ์ระหว่างแก๊งค์ก็สิทธิ์สุดลงทันที พร้อมกับความคลั่งแค้นที่เพิ่มพูนขึ้น

ส้ม อมรา ศิริพงษ์ (รับบท ซิน) – อดีตหญิงคนรักของ NO.8 หัวหน้าแก๊งมาเฟียไทย ที่ตัดสินใจมอบหัวใจให้กับ มาซาชิ ยากูซ่า สมาชิกคนสำคัญของแก๊งค์ยากูซ่าจากญี่ปุ่น ถึงแม้จะไม่ได้ใช้ชีวิตร่วมกับคนที่เธอรัก และส่งผลให้เธอและ “เซน” ลูกสาวเพียงคนเดียว ต้องใช้ชีวิตด้วยความยากลำบาก แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงคือความรักที่เธอมอบให้กับลูกสาวและชายคนรัก

ปรัชญา ปิ่นแก้ว (ผู้กำกับภาพยนตร์)

…ผู้กำกับและโปรดิวเซอร์ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ ศิลปิน นักร้อง นักแสดง ตลอดจน ผู้กำกับ และบุคลากรหลายต่อหลายคนในแวดวงบันเทิง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขาคือบุคคลที่มีส่วนสำคัญที่ทำให้ภาพยนตร์ไทยกลายเป็นที่จับตามอง และได้รับการยอมรับในตลาดอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของโลก เมื่อ “องค์บาก” และ “ต้มยำกุ้ง” กลายเป็นภาพยนตร์ไทยที่ประสบความสำเร็จสูงสุดอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ของโลกภาพยนตร์ เมื่อเขาช็อคคนหนังแอ็คชั่นด้วยการหยิบเอาเสน่ห์แห่งศิลปะการต่อสู้ประจำชาติที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูงอย่าง “แม่ไม้มวยไทยโบราณ” ถ่ายทอดลงบนแผ่นฟิล์มด้วยอานุภาพ ความดิบ ดุดัน สมจริง สวยงาม และเต็มไปด้วยความมหัศจรรย์อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนพร้อมกับทำให้ชื่อเสียงของ “โทนี่ จา” กลายเป็นพระเอกแอ็คชั่นฮีโร่คนใหม่ที่ได้รับการยอมรับอย่างสูงสุด

…และในปี 2008 ปรัชญา ปิ่นแก้ว พร้อมแล้วที่จะกลับมาสร้างปรากฎการณ์ความแปลกใหม่ให้เกิดขึ้นบนโลกภาพยนตร์แอ็คชั่นได้ตื่นตะลึงอีกครั้งกับ “ช็อคโกแลต” โปรเจ็คต์ภาพยนตร์แอ็คชั่นการต่อสู้ผู้หญิงอย่างเต็มรูปแบบเป็นครั้งแรก ที่มาพร้อมกับ “จีจ้า ญาณิน” สาวน้อยนักสู้คนใหม่วัย 23 ปีที่ผ่านการบ่มเพาะทักษะและความสามารถทางด้านการต่อสู้ยาวนานถึง 4 ปีเต็มโดย “พันนา ฤทธิไกร” กับดีไซน์การต่อสู้ที่แตกต่างในแบบฉบับของผู้หญิงโดยผสมผสานกับบทภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วยความเข้มข้นเกิดเป็นภาพยนตร์แอ็คชั่นที่สุดท้าทายใช้เวลาในการถ่ายทำนานถึง 2 ปีเต็ม

พันนา ฤทธิไกร (ผู้ออกแบบและกำกับฉากแอ็คชั่นการต่อสู้)

…ผู้กำกับและออกคิวบู๊ระดับแถวหน้าของเมืองไทย ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ “องค์บาก” และ “ต้มยำกุ้ง” คร่ำหวอดในโลกภาพยนตร์แอ็คชั่นสตั้นท์เสี่ยงตายมาตลอดชีวิต ทั้งแสดง และกำกับ คือปรมจารย์คิวบู๊ผู้ปลุกปั้นจา พนม ยีรัมย์ และ เดี่ยว ชูพงษ์ ช่างปรุง ให้เป็นที่รู้จักของคนไทยและคอหนังแอ็คชั่นทั่วโลก เจ้าตำรับ “เกิดมาลุย” ขนาดแท้ เป็นผู้ก่อตั้ง “ทีมมวยไทยสตั๊นท์” ทีมคิวบู๊ระดับแถวหน้าที่มีส่วนสำคัญในพาร์ทแอ็คชั่นของหนังไทยหลายต่อหลายเรื่อง และในระหว่างที่กำลังคัดเลือกนักแสดงหญิงที่จะมารับบทบาทสำคัญในภาพยนตร์เรื่อง “เกิดมาลุย” ไปหลายร้อยคน ก็ได้ พบกับ สาวน้อยที่มีพรสวรรค์ทางด้านเทควันโด้ระดับสายดำ ถึงขั้นเป็นครูสอนเทควันโด้ รวมไปถึงความสามารถเฉพาะตัวทางด้านบัลเล่ต์ที่มีอยู่ในตัว “จีจ้า ญาณิน” จึงตัดสินใจนำเสนอ “ปรัชญา ปิ่นแก้ว” และ “เสี่ยเจียง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ” เพื่อผลักดันความสามารถทางด้านการต่อสู้ที่มีอยู่ในตัวให้กลายเป็นแอ็คชั่นฮีโร่หญิงคนใหม่ในโลกภาพยนตร์ภายใต้โปรเจ็คต์ “ช็อคโกแลต” โดยทำการเก็บตัวและบ่มเพาะทักษะความสามารถทางการต่อสู้เพิ่มเติมทั้งทางด้านมวยไทย ยิมนาสติก ฯลฯ นานถึง 4 ปีเต็ม จนความพร้อมได้ที่จึงเริ่มต้นเปิดกล้องถ่ายทำโดยใช้เวลาในการถ่ายทำถึง 2 ปีเต็ม และในปี 2008 ภาพยนตร์เรื่อง “ช็อคโกแลต” พร้อมแล้วสำหรับภาพยนตร์แอ็คชั่นระดับโลกเรื่องที่ 3 ถัดจาก “องค์บาก” และ “ต้มยำกุ้ง” ของ “ปรัชญา ปิ่นแก้ว”

ช็อคโกแลต : เงินแม่กูอยู่ไหน
เขียนโดย Obelisk
ศุกร์, 08 กุมภาพันธ์ 2008

“ช็อคโกแลต” มาพร้อมกับความแรงของกระแส “จีจ้า ญานิน” นักแสดงสาวที่ถอดร่างมาจาก จา พนม (ผู้ซึ่งถอดร่างไปเป็น โทนี่ จา อีกทอดหนึ่งแล้ว) ความน่าสนใจมาจากหนึ่งความทึ่งที่ว่านักแสดง เล่นจริง เจ็บ (โอ๊ย) จริง ไม่นับรวมไปว่าบรรดาสตั๊นท์ทั้งหลายเจ็บจริง (ยิ่งกว่า) หรือเปล่า

“ช็อคโกแลต” หนึ่งหนังบ่มเพาะที่ยาวนานถึงสี่ปี และได้ “พี่ปูเป้” อุ๊ย “พี่มะเดี่ยว ณ รักแห่งสยาม” มาร่วมขัดเกลาบทร่างสุดท้าย พร้อมนำมาตบแต่งให้หนังดูดีขึ้น และเป็นเครดิตขายด้วยเล็กน้อยถึงปานกลาง

“องค์บาก” และ “ต้มยำกุ้ง” สร้างชื่อให้ “โทนี่ จา” เยี่ยงใด “ช็อคโกแลต” ก็น่าจะส่งปรากฏการณ์เดียวกันนี้กับ “จีจ้า” เยี่ยงนั้น

หนัง “ช็อคโกแลต” จึงวางบทให้ทุกอย่างจบลงด้วยเหตุและผลที่ชิงออกตัววงกว้างครอบคลุมอาณาบริเวณหนังทั้งเรื่องก่อนว่า ตัวละครเอกเป็นเด็กพิเศษ ที่เรา ๆ ท่าน ๆ น่าจะทำความเข้าใจความคิดได้ลำบาก และไม่มีเหตุผลรองรับในการกระทำการใด ๆ ของเด็กพิเศษ

หากแต่ว่า หนังจะรับรองการเดินเรื่องสู่ความรุนแรงลงมือลงไม้ลงประดาบ ให้ “จีจ้า” ได้โดดตีลังกาได้ด้วยหนทางใดหนทางหนึ่ง

หนังจึงเลือกปูพื้นมาตั้งแต่ประสบการณ์วัยเยาว์ที่มีบ้านติดกับค่ายมวย แถมชอบดูหนังที่พี่โทนี่ จา เป็นพระเอก เมื่อสถานการณ์บังคับให้ต้องลุกมาใช้ความรุนแรง เพราะหนึ่งเดียวในจิตใต้สำนึกที่ตัวเอกมุ่งมั่นคือ อาการป่วยไข้ของแม่ที่ผลักให้ต้องลุกมา เอ่อทวงหนี้ “เอาเงินแม่กูคืนมา”

ตีลังกาโรมรันฟันแทง เพื่อเอาเงินแม่กูคืนมา น่าจะย้ำซ้ำ ๆ อีกทีกับคาแร็คเตอร์พระเอกอีกคนที่ได้บทพูดมาหนึ่งประโยคคือ “ช้างกูอยู่ไหน พระกูอยู่ไหน” อะไรประมาณนั้น

ในขณะที่ “จา พนม” เอ้ย”โทนี่ จา” (แล้วจ้า) มีแรงขับอันมุทะลุมาจากความสำนึกรักหวงแหนในสมบัติของกลุ่มชน (ในนัยยะหนึ่งการตามหาช้างและเศียรพระ น่าจะรวมไปถึงการทำให้คนดูคนไทยพร้อมใจเทคไซด์มาอยู่ร่วมฝ่ายเดียวกันได้ไม่ยาก เมื่อทั้งสองสิ่งคือสิ่งล้ำค่าที่มีผลกระทบทางจิตใจของคำว่าคนไทยร่วมกัน แถมยังได้โดดถีบยอดอกฝรั่งมังค่าได้ประหนึ่งเหยียบย่ำหน้าค่านิยมซีกโลกคนหัวทองให้สะใจเล่น แม้ว่าความจริงจะนั่งจ๋อง ๆอยู่ในแมคโดนัลด์หรือสตาร์บัคส์ก็ตามเถอะ)

แต่ใน “ช็อคโกแลต” หนังอาจจะเก้อเขินเกินไปกับแรงขับอันน้อยนิดที่เอาชีวิตเดียวเข้าห้ำหั่นประดุจไทยออกรบศึกพม่า เพื่อป้องกันบ้านเมืองไว้ให้ลูกหลานโมหะโกรธากันมาแต่ชาติปางไหนนั่น

ข้อยิบย่อยที่หนังแอ็คชั่นทิ้งไว้โหว่ ๆ อย่างเช่น การเก็บตัวละครดองไว้แต่ต้นเรื่อง แล้วค่อยแก้แค้นนาทีสุดท้ายหลังจากตัวเองเละฉิบหายบานตะไทแล้ว

หรืออาการอึดตายยากของตัวละครนำแต่ละตัว

หรือตำรวจ ตชด.ไปอยู่ สน.ไหนกันหมด

ฉากแอ็คชั่นสุดท้ายนับว่ารวมบรรยากาศเจแป๊นเจแปน Kill Bill เอาไว้อย่างเต็มที่กับการดาหน้าประดาบแบบหน้ากระดานเรียงหนึ่ง

แต่ในเมื่อนี่เป็นหนังแอ็คชั่น ขายแอ็คชั่น เพื่อคอหนังแอ็คชั่นแล้วไซร้ ฉะนั้น ถ้าจะดูเอาแอ็คชั่นอย่างเพียว ๆ เจ็บ ๆ มันส์ ๆ โดดฟันศอก ถีบหน้า ตีลังกา ปีนป่ายตึก ก็คงได้ไม่ขัดเขินล่ะมังคะ

บางทีหนังแอ็คชั่น (บางเรื่อง) อาจไม่จำเป็นต้องใช้ตรรกวิทยาใด ๆ ไปจับต้องมันก็ได้ ยิ่งหนังแอ็คชั่นที่ชิงบอกก่อนดูว่า เป็นออทิสติกแล้วด้วย ยิ่งไม่ต้องควานหาความสมเหตุสมผลใด ๆ มาอธิบายอีกต่อไป

จงดูเอามันส์กันเถอะพี่น้อง จบเห่เอวังด้วยประการฉะนี้

เด็กดีขอให้ได้ดูหนังดีค่ะ เด็กหนังรักทุกคนค่ะ

Share this article :

แสดงความคิดเห็น