ครั้งแรกกับการพลิกบทบาทของนักสู้ทลายครก ระดับอินเตอร์
“นาธาน โจนส์” (TROY, ต้มยำกุ้ง, FEARLESS)
ผนึก “พลังแห่งมิตรภาพ” ต่างไซส์กับ 2 เล็กพริกขี้หนู
“น้องเกรซ นวรัตน์” และ “น้องแคท เกิดมาลุย”
มาผจญภัย วาดลวดลาย ต่อสู้ดุเด็ดเผ็ดมันส์…แต่แอบมีซึ้ง
ในภาพยนตร์แอ็คชั่น-คอเมดี้-ดราม่า ครบรส ดูได้ทุกเพศทุกวัย
“ส้มตำ”
ผลงานตำครกแรกของผู้กำกับมากความสามารถ
“นนทกร ทวีสุข”
ด้วยอานุภาพความร้อนแรง…จะแผลงฤทธิ์สุดเผ็ดร้อน
ให้คุณได้แซบสนุกสุดประทับใจ
29 พ.ค. นี้ ทุกหัวระแหง
สูตรย่อพลังส้มตำ
“บาร์นนี่” (นาธาน โจนส์) ฝรั่งร่างใหญ่ใจดีที่โชคชะตานำพาให้เขาได้เดินทางมาเที่ยวเมืองไทยด้วยความบังเอิญ แต่ความโชคดีดูเหมือนจะอยู่กับเขาได้ไม่นาน ทันทีที่เขามาเที่ยวต่อที่พัทยา – แหล่งสีสันแห่งราตรี แค่เพียงคืนแรก ความโชคร้ายก็มาเยือน เมื่อเขาถูกหลอกจนหมดเนื้อหมดตัว แม้กระทั่งพาสปอร์ตก็ยังถูกขโมยไปด้วย
หนทางเดียวที่พอจะทำได้จากคำแนะนำของตำรวจท้องที่ บาร์นนี่ต้องไปขอความช่วยเหลือจากศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว
ที่นี่เองที่เป็นจุดเริ่มต้นแห่งมิตรภาพของบาร์นนี่กับ 2 สาวน้อยเล็กพริกขี้หนูด้วยความบังเอิญ…อีกครั้ง
เมื่อ “กระเต็น” (น้องเกรซ นวรัตน์ เตชะรัตนประเสริฐ) สาวน้อยสุดซ่าส์กำลังหนีการไล่ล่าของแก๊งหัวโจกพัทยา เพราะดันไปแกล้งขโมยเงินของพวกมันเข้า กระเต็นขอความช่วยเหลือจากฝรั่งร่างใหญ่อย่างบาร์นนี่ โดยหารู้ไม่ว่า ถึงบาร์นนี่จะมีร่างกายเป็นยักษ์ปักหลั่นอย่างนี้ แต่ใจเล็กเป็นบ้าเลย แถมยังสู้ใครไม่เป็นอีกต่างหาก
เฮ้อ…ไม่ได้เรื่องเลยไอ้ยักษ์เอ๊ย กระเต็นออกอาการเซ็งอย่างแรง
แต่ก่อนความซวยจะมาถึงตัวเธอ “ดอกหญ้า” (น้องแคท ศษิสา จินดามณี) พี่สาวของกระเต็น ที่เจ๋งสุด ๆ ในวิชาแม่ไม้มวยไทย ก็ออกโรงมาเตะต่อยออกอาวุธมวยไทยช่วยทั้งคู่ได้อย่างทันการณ์
กระเต็นและดอกหญ้า ไม่รู้จะทำยังไงต่อ แต่ด้วยความเป็นเจ้าบ้านที่ดี เลยต้องสานสัมพันธ์กับบาร์นนี่ที่อุตส่าห์ยอมเจ็บตัวในครั้งนี้ โดยพาไอ้ยักษ์ไปที่บ้านของพวกเธอที่ “แม่อี๊ด” (สุภัทรา วรรณทิวานนท์) เปิดเป็น “ร้านส้มตำ” อาหารสุดฮิตของชาวไทย
ด้วยความที่อยากลองและถูกกระเต็นบังคับ บาร์นนี่จึงต้องชิม “ส้มตำคำแรก” ในชีวิต และแล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น จากความเผ็ดร้อนปากแทบไหม้ ทำให้บาร์นนี่ควบคุมตัวเองไม่ได้ วิ่งชนร้านจนพังราบเป็นหน้ากลอง บาร์นนี่เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เขารับปากว่าจะหาเงินมาช่วยซ่อมร้านส้มตำ โดยมีกระเต็นและดอกหญ้าคอยหนุนหลัง
ระหว่างทางนั้น แม้จะต่างไซส์และต่างวัย แต่ทั้ง 3 คนต่างก็ได้เรียนรู้ผูกพันในมิตรภาพซึ่งกันและกัน จนประหนึ่งเป็นครอบครัวเดียวกัน
แต่แล้วด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์จากความช่วยเหลือของสาวแสบซ่าส์ตัวต้นเหตุอย่างกระเต็น ก็ได้นำความวุ่นวายมาเพิ่มให้มากขึ้น เมื่อกระเต็นดันไปล้วงคองูเห่า แอบฉก “ของสำคัญบางอย่าง” ของแก๊งโจรกรรมเพชรที่มี “เชิงชาย” (ยุทธ ทองเจริญ) เป็นหัวหน้า นั่นเป็นเหตุให้ทั้งกระเต็น, ดอกหญ้า และบาร์นนี่ถูกตามล่าอย่างหนักจากแก๊งโจร
จนเมื่อสุดทางหนี การต่อสู้สุดมันส์จึงบังเกิดขึ้น…
ด้วย “อานุภาพความร้อนแรง”, “ลูกบ้าเฮือกสุดท้าย” และ “มิตรภาพไร้พรมแดน” สอดประสานอย่างเข้าทาง กลายเป็น “3 พลังส้มตำ” ที่จะมาแผลงฤทธิ์สุดเผ็ดร้อนให้คุณได้แซบสนุกสุดประทับใจ…แบบอะไรก็ฉุดไม่อยู่
ทีมงานสร้าง : แอ็คชั่น-คอเมดี้-ดราม่า ดูได้ทุกเพศทุกวัย (แนวภาพยนตร์) / สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล (บริษัทผู้สร้าง-จัดจำหน่าย) / บาแรมยู (บริษัทดำเนินงานสร้าง) / สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ (อำนวยการสร้างฝ่ายบริหาร) / ปรัชญา ปิ่นแก้ว, พันนา ฤทธิไกร, สุกัญญา วงศ์สถาปัตย์ (ควบคุมงานสร้าง) / ศิตา วอสเบียน (ดำเนินงานสร้าง) / นนทกร ทวีสุข (ผู้กำกับภาพยนตร์) / พันนา ฤทธิไกร (เรื่อง) / ปิยรส ทองดี, เดโช เบอร์นาร์ด, สมภพ เวชชพิพัฒน์, นนทกร ทวีสุข (บทภาพยนตร์) / พันนา ฤทธิไกร (ควบคุมฉากต่อสู้ ) / สมใจ จันทร์มูลตรี (ออกแบบและกำกับการต่อสู้ ) / เดชา ศรีมันตะ (กำกับภาพ) / นนทกร ทวีสุข (ลำดับภาพ) / รัชต พันธุ์พยัคฆ์ (ออกแบบงานสร้าง) / นพพร เกิดศิลป์ (กำกับศิลป์) / พราวเพลิน ตั้งมิตรเจริญ (ออกแบบเครื่องแต่งกาย) / สุชาติ ผาธรรม, MIKE WILFRID (ดนตรีประกอบ) / สุทธิศักดิ์ สุทธิจิตต์ (ออกแบบเสียง) / บริษัท สยามพัฒนาฟิล์ม จำกัด (ฟิล์มแลบส์) / ห้องบันทึกเสียงรามอินทรา (บันทึกเสียง) / ยุทธนา สนธิ (แต่งหน้า) / สมโชค ปรางค์ชัยภูมิ (ทำผม)
นำแสดงโดย: นาธาน โจนส์, น้องเกรซ นวรัตน์ เตชะรัตนประเสริฐ, น้องแคท ศษิสา จินดามณี, สุภัทรา วรรณทิวานนท์, ยุทธ ทองเจริญ
นาธาน โจนส์ | …. บาร์นนี่ | |
นวรัตน์ เตชะรัตนประเสริฐ | …. กระเต็น | |
ศษิสา จินดามณี | …. ดอกหญ้า |
คลุกเคล้าความเผ็ดร้อนซ่อนความสนุกถึงใจ
“มันก็เริ่มต้นมาจากพี่พันนานะครับ พี่เค้าเห็น นาธาน โจนส์ ในเรื่อง TROY ก็เลยไปคุยกับพี่ปรัช (ปรัชญา ปิ่นแก้ว) แล้วก็เอานาธานมาเล่น ต้มยำกุ้ง กับ จา พนม อย่างที่ทราบกัน แล้วทีนี้พี่พันนากับผมก็เลยนึกสนุกสานต่อความมัน คิดถึงภาพว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้านาธานที่ตัวใหญ่ ๆ สูง 2 เมตรมาเจอกับเด็กตัวเล็ก ๆ ซัก 2 คนอะไรอย่างนี้ มีเรื่องราว มิตรภาพความผูกพัน และแอ็คชั่นสนุก ๆ ผมก็เลยคุยกับพี่พันนาอย่างจริงจัง ก็ใช้เวลานานพอสมควรเลยนะครับประมาณ 2 ปีกว่า ๆ ถึงจะออกมาเป็นหนังแอ็คชั่นครบรสเรื่อง ส้มตำ เรื่องนี้ครับ ผมกับพี่พันาและทีมงานก็ช่วยกันคิดเรื่อง แตกไอเดียกัน แล้วก็ร่วมเขียนบทกันด้วยครับ”
…ผู้กำกับมากความสามารถ “กุ้ง-นนทกร ทวีสุข” ผู้เคยอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของภาพยนตร์ไทยระดับอินเตอร์อย่าง “องค์บาก”, “บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม” และ “เกิดมาลุย” เผยสูตรเด็ดอันเป็นจุดกำเนิดแห่งพลังเผ็ดร้อนของ “ส้มตำ” ผลงานเปิดซิงตำครกแรกของเขา
…เพียงแค่เอ่ยชื่อ “ส้มตำ” ขึ้นมา ก็เรียกได้ว่ารูป รส กลิ่น สี แบบครบทุกรสชาติก็ลอยเข้ามาปะทะทุกโสตสัมผัสได้อย่างง่ายดายและคุ้นเคย
…เฉกเช่นเดียวกัน เมื่อพูดถึงโปรเจ็กต์ภาพยนตร์ไทยระดับอินเตอร์เรื่อง “ส้มตำ” ที่เล่าเรื่องราวความสัมพันธ์อันก่อให้เกิดมิตรภาพต่างไซส์และต่างวัยในการผจญภัยอย่างไม่คาดฝันนี้ มันก็ย่อมนำมาซึ่งเนื้อหาและเนื้อหนังแบบครบทุกรสชาติให้เราได้แซบ…แสบสนุก…สุดประทับใจ…ในทุกเพศวัยอย่างแน่นอน
“เรื่องราวของหนังเรื่องนี้ก็คือ มีครอบครัวไทยอยู่ครอบครัวหนึ่ง ซึ่งหาเช้ากินค่ำอะไรอย่างนี้ ก็เปิดร้านขายส้มตำอยู่ที่พัทยา เด็ก 2 คนที่ผูกพันกันเหมือนพี่เหมือนน้องก็อยากหาตังค์ช่วยแม่ กลางวันขายส้มตำกลางคืนก็ไปต่อยมวยโชว์ที่พัทยา แล้วก็ได้มาเจอนาธานซึ่งมาเที่ยวที่พัทยาแล้วก็โดนมอมยาหมดตัว เหตุการณ์บางอย่างทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายได้มารู้จักกันและเริ่มช่วยเหลือกัน พอฝรั่งคนนี้เข้ามาอยู่กับครอบครัวนี้ก็เห็นความเป็นไทยที่มีน้ำใจ เห็นความอบอุ่น ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน แล้วทีนี้ก็ดันต้องไปพัวพันกับเรื่องร้าย ๆ โดยไม่ตั้งใจ ก็เลยต้องร่วมกันต่อสู้จนเอาชนะได้ประมาณนี้ครับ
ความน่ารักและความสนุกมันอยู่ที่คาแร็คเตอร์ของตัวละครในเรื่องนี้ครับ อย่างตัวยักษ์นาธาน โจนส์ในเรื่องจะเป็นคนที่ไม่ค่อยสู้คน ทีนี้ด้วยความไม่รู้อิโหน่อิเหน่ก็ดันไปกินส้มตำเข้า ก็เกิดอาการเผ็ดร้อนไปกระตุ้นสารอะไรบางอย่างในตัว ทำให้เขาแพ้ แล้วก็เกิดมีพลังมหาศาลขึ้นมาครับ มันก็เลยกลายเป็นส้มตำที่เป็นตัวกระตุ้นสัญชาตญาณของนาธานให้ออกมาใช้ในส่วนแอ็คชั่นได้ คล้าย ๆ ป๊อบอายที่กินผักโขมแล้วก็มีพลังประมาณนั้นครับ อันนี้เป็นเรื่องราวโดยคร่าว ๆ ครับ ถ้าพูดในส่วนภาพรวมของหนังแล้ว มันก็เป็นหนังในโทนแอ็คชั่นที่มีส่วนของคอเมดี้สนุกสนานและดราม่าประทับใจปะปนอยู่ด้วย ซึ่งสามารถดูสนุก ๆ ได้ทั้งครอบครัว โดยเราพยายามจะไม่ใช้อะไรที่มันโหดร้ายหรือไม่ดีกับเด็กอะไรอย่างนี้ครับ ก็ดูกันได้ทุกเพศทุกวัยแน่นอนครับ”
…เมื่อต้นกำเนิดความคิดหลักของเมนูรสเด็ดได้ถูกจุดประกายขึ้นแล้ว เครื่องปรุงส่วนผสมที่ตามมาอย่าง “ทีมนักแสดง” ก็ได้รับการสานต่ออย่างทันท่วงที
“ก็อย่างที่บอกไปนะครับว่าไอเดียหลัก ๆ เราอยากเห็นผู้ชายตัวใหญ่ยักษ์แต่ไม่สู้คน ซึ่งเราก็วางตัว นาธาน โจนส์ ไว้แต่แรกอยู่แล้ว หลังจากนั้นเราก็ต้องคัดเลือกนักแสดงเด็กอีก 2 คนเพื่อมาเป็นคู่ชูรสและสีสันของเรื่องอีกระดับหนึ่ง เราก็ต้องเลือกนักแสดงที่สามารถแสดงได้ทั้งบู๊และบุ๋น ซึ่งน้องเกรซ (นวรัตน์ เตชะรัตนประเสริฐ) ในเรื่องการแสดงก็โอเคหายห่วงได้ และเหมาะกับคาแร็คเตอร์ในเรื่องที่เป็นพวกเจ้าเล่ห์ ชอบคิดวางแผนต่าง ๆ เป็นอย่างดี ถือเป็นการพลิกบทบาทของน้องเค้าด้วย ส่วนน้องแคท (ศษิสา จินดามณี) นั้นความสามารถในด้านมวยไทยของเค้าก็เป็นที่ยอมรับกัน บวกกับการแสดงอารมณ์ด้านดราม่าก็ทำได้ดีทั้งคู่ พอมาผนึกกำลังกับตัวนาธาน ก็เป็นอะไรที่น่าสนใจและน่าสนุกดีที่จะจับทั้ง 3 คนนี้มาอยู่ในหนังเรื่องเดียวกัน
การทำงานกับนักแสดงในเรื่องนี้ ผมโอเคและก็มีความสุขมากนะครับ เพราะว่าทุกคนตั้งใจทำงานกันมาก โดยเฉพาะนาธาน เวลาทำอะไรทำเต็มร้อยจริง ๆ ที่เป็นห่วงสำหรับนาธานที่สุดก็คือเวลาเล่นแอ็คชั่น กลัวเค้าจะบาดเจ็บ เพราะว่าเค้าเป็นคนที่เล่นอะไรแล้วเล่นเต็มร้อยมาก บางทีบอกให้เซฟ บอกให้ใส่เซฟ เค้าจะไม่ยอม เค้าบอกว่าเค้าไม่เป็นไรเค้าเซฟตัวเองได้ แต่ก็พยายามจะให้เค้าใส่เซฟ เพราะว่าเป็นห่วงเรื่องเค้าจะบาดเจ็บเพราะว่าแอ็คชั่นที่ดีไซน์ไว้มันค่อนข้างจะดุดันพอสมควร
ส่วนน้องเกรซ กับ แคท ก็ไม่ยุ่งเลยนะครับ ผมว่าเค้าโตเกินผู้ใหญ่ครับ มีวินัยในการแสดงมาก ไม่มีอะไรน่าห่วง มีเพียงแต่ว่า ต้องดึงความสามารถของเค้าออกมาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ค่อนข้างเก่งครับ ทั้ง 2 คนเลย คือมันจะเป็นเหมือนกับฝ่ายบู๊กับฝ่ายบุ๋น เหมือนกับว่ามันจะใช้สมองกับใช้ศิลปะการต่อสู้ น้องเกรซพยายามจะใช้ความคิดและก็เล่ห์เหลี่ยมของเค้าหลอกล่อทุกอย่างเพื่อจะช่วยเหลือพี่ ส่วนพี่ก็จะใช้ความสามารถด้านการต่อสู้ของไทยมาช่วยเหลือน้อง ก็ประมาณนี้ครับ
โดยรวม ๆ เลย ผมว่าการพลิกคาแร็คเตอร์ของนาธาน เราเคยเห็นเค้าเล่นหนังในแอ็คชั่นที่ดุดัน โหดร้าย เรามาเปลี่ยนคาแร็คเตอร์ให้เค้าอ่อนโยน น่ารัก ดูคนตัวใหญ่ ๆ สูง 2 เมตร ทำให้เค้าดูน่าทะนุถนอม ผมว่ามันเป็นภาพแบบที่ผมอยากเห็น อยากให้คนดูเห็นเหมือนกันว่ามันจะเป็นยังไง
แล้วก็การแสดงของน้องเกรซเนี่ย ผมยังไม่เคยเห็นเค้าเล่นหนังที่กะล่อนแบบเอาตัวรอด แบบทำทุกอย่างเพื่อจะเอาตัวรอดทั้งโกหก ปลิ้นปล่อน กะล่อน หลอกลวง มันอยู่ที่น้องเกรซหมดเลย น้องเกรซทำออกมาแล้วผมค่อนข้างชื่นใจ
น้องแคทก็ด้วย ซึ่งน้องแคทก็เล่นเป็นพี่ใหญ่ที่ดูแลน้อง คอยจับผิดน้อง รู้เท่าทันน้อง แต่บางทีก็โอเคให้อภัยน้อง ไม่ได้ทำอะไรที่มันเลวร้ายครับ ก็เป็นความสัมพันธ์ของพี่น้องที่รักกันมากครับ ทั้งสองคนให้การแสดงที่คนดูจะสามารถเชื่อและมีอารมณ์ร่วมตามไปกับตัวละครทั้งคู่ด้วยครับ
นอกจากนี้ ความเป็น Real Action ผมว่ามีอยู่เยอะ เราเอาภาพของมวยปล้ำอยู่บนเวที ซึ่งทุกคนรู้อยู่แล้วเป็นการแสดง แต่เราหยิบท่าของมวยปล้ำ มาทำให้มันดูสมจริง จนคนดูเชื่อว่าท่ามวยปล้ำเนี่ยก็เป็นศิลปะการต่อสู้ได้อย่างหนึ่ง มันก็เลยกลายมาเป็นจุดแข็งในการดีไซน์แอ็คชั่น พอเราเอามาบวกกับมวยไทย คนตัวใหญ่ ๆ อย่างนาธานเนี่ย กระโดดแทงเข่า ฟันศอกเนี่ย ผมว่ามันน่าดู มันก็เลยเป็นแอ็คชั่นที่มิกซ์ระหว่างมวยปล้ำกับมวยไทย ซึ่งมาอยู่บนตัวนาธาน ดูแล้วก็จะทึ่งและสนุกไปกับฉากแอ็คชั่นต่าง ๆ ได้ไม่ยากครับ”
…หลังจากได้เรื่องราวเนื้อหาหลักพร้อมทีมนักแสดงเจ้าเสน่ห์กันแล้ว “โลเกชั่นการถ่ายทำ” ของภาพยนตร์รสแซบสนุกเรื่องนี้ก็ยังได้รับความเอาใจใส่จากทีมงานและผู้กำกับเป็นอย่างมากอีกด้วย
“ก็โดยเรื่องเรากำลังคิดถึงสถานที่ที่คนทั่วโลกรู้จัก ทีนี้พัทยาเนี่ย คนทั่วโลกรู้จักมากรู้จักเยอะก็เลยนึกถึงโลเกชั่นพัทยาในเมืองไทยนะครับ ซึ่งในเรื่องผมก็พยายามจะ เอ่อ…คนจะมองว่าพัทยาเป็นเมืองท่องเที่ยวทางเซ็กซ์อย่างเดียวเลย นี่เป็นทัศนคติในแง่ลบเยอะ ทีนี้ผมอยากจะเล่าเรื่องครอบครัวไทย ความมีน้ำใจต่อคนต่างชาติก็มีอยู่จริงครับ ก็เลยเลือกโลเกชั่นย่านพัทยาและเล่าในมุมที่เป็นในเชิงบวก ไม่ใช่ในเชิงลบอย่างที่รู้จักกันเพียงอย่างเดียว
ถ่ายทำที่พัทยา ก็โอเค ไม่ค่อยยากเท่าไหร่ครับ เพราะสถานที่หลักซึ่งใช้ที่พัทยาก็คือ ร้านส้มตำ ร้านส้มตำก็ไปได้ชายหาดสวย ๆ ก็ไปเซ็ตร้านอยู่ตรงนั้นเลย ก็ค่อนข้างไม่มีปัญหาอะไรเลยครับ โลเกชั่นก็สวยดีครับ
เรื่องออกแบบงานสร้าง คือผมคุยกับโปรดักชั่นดีไซน์ว่าอยากได้ร้านส้มตำไทย ๆ ที่อยู่ริมหาดพัทยา ก็อยากได้มุมชายหาดสวย ๆ แต่ว่าก็ต้องมีกลิ่นของพัทยาอยู่ พอดีไซน์ออกมาแล้วเราไปเซ็ตกันตรงนั้นเลย ก็ได้ภาพเหมือนกับที่ผมคิดไว้เลยครับ”
…เมื่อวัตถุดิบส่วนผสมเครื่องปรุงรสขั้นพื้นฐานของภาพยนตร์ได้ถูกหลอมรวมเข้าด้วยกัน กลายเป็นเมนูครกยักษ์ระดับอินเตอร์ครบทุกรสชาติ ยากที่จะหาใครเลียนแบบได้อย่างนี้แล้ว “ส้มตำ” ภาพยนตร์แอ็คชั่น-คอเมดี้-ดราม่า แซบสนุกสุดประทับใจไร้มลภาวะเรื่องนี้ก็พร้อมเสิร์ฟให้ผู้ชมทุกเพศทุกวัยทุกไซส์ได้ชิมกันแล้ว 29 พ.ค. นี้ ทั่วทุกหัวระแหงแห่งดินแดนสยาม
“ก็อยากให้คนดูสนุก อยากให้ไปดูหนังเรื่องหนึ่งซึ่งสนุกด้วย ตื่นเต้นเร้าใจด้วย แล้วก็ประทับใจด้วย ซึ่งในเรื่องนี้ผมพยายามจะใส่ทุกรสลงไปในเรื่องครับ ทั้งคอเมดี้ ทั้งแอ็คชั่นแล้วก็ดราม่า ซี่งในเรื่องเนี่ย ผมพยายามจะสื่อสารมุมมองของคนต่างชาติที่รู้สึกกับเมืองไทยโดยเฉพาะพัทยา ซึ่งมักจะมองในแง่ลบ แต่ว่ามันมีครอบครัว ๆ หนึ่งซึ่งทำทุกอย่างบนความดีบนความถูกต้องเพื่อจะเอาชีวิตรอด แล้วก็มีน้ำใจช่วยเหลือชาวต่างชาติคนหนึ่ง แล้วก็ทั้ง 2 ฝ่ายก็เรียนรู้ซึ่งกันและกัน จนกระทั่งรู้ว่า สุดท้ายก็ต้องลุกขึ้นสู้ด้วยตัวเองเพื่อสิ่งที่ถูกต้องครับ”
เครื่องปรุงรสเด็ด
บาร์นนี่ (นาธาน โจนส์) – ฝรั่งร่างใหญ่ยักษ์ ใจดี รักสนุก พร้อมเป็นมิตรกับทุกคน แต่ข้อเสียของเขาคือค่อนข้างหนีปัญหาและไม่สู้คน เขาโชคดีที่มีโอกาสเดินทางมาเที่ยวเมืองไทย และได้สร้างมิตรภาพผูกพันกับ 2 เด็กหญิงคือ กระเต็น และ ดอกหญ้า
…แต่ก็โชคร้ายในคราวเดียวกัน เมื่อต้องเข้ามาพัวพันกับแก๊งโจรกรรมโดยไม่ตั้งใจ แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ ก็ทำให้เขาได้เรียนรู้ในมิตรภาพซึ่งกันและกันจากเด็กทั้งสอง อันนำไปสู่บทเรียนครั้งใหญ่ในชีวิต นั่นคือ การเรียนรู้ที่จะต่อสู้ด้วยตัวของเขาเอง
“ผมว่าบทหนังเรื่องนี้เหลือเชื่อมาก ๆ ดีมากด้วย ผมชอบบทเรื่องนี้มากครับ มันมีทั้งความสนุกสนาน ประทับใจ ตลกด้วย และที่ขาดไม่ได้คือแอ็คชั่นสนุก ๆ ครับ ส้มตำเหรอครับ ผมจะไม่กินมันอีกแล้ว ผมว่าผมอาจตายได้ ตอนผมกินเข้าไปรู้สึกเหมือคอเริ่มไหม้ รู้สึกได้ตั้งแต่คอไปจนถึงกระเพาะอาหารเลย แล้วผมก็เริ่มน้ำตาไหล ผมว่าผมตายแน่ ไม่มีการแสดงใด ๆ ทั้งนั้น คุณไม่จำเป็นต้องใช้เทคนิคการแสดงเลย นี่มันของจริงเลย”
ประวัติย่อ : อดีตนักมวยปล้ำชาวออสเตรเลียนผู้นี้ เกิดเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 1969 ที่ควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย ปัจจุบันอายุ 39 ปี กับความสูงถึง 211 เซ็นติเมตร และน้ำหนัก 159 กิโลกรัม
…ก่อนผันตัวเองมาแสดงภาพยนตร์ เขามีชื่อเสียงโด่งดังในบ้านเกิดในฐานะนักมวยปล้ำนาม “เม็กกะแมน” และเป็นสมาชิกของทางสถาบันมวยปล้ำ WWA และ UPW
…เขาเป็นตัวแทนจากประเทศออสเตรเลียเข้าร่วมการแข่งขัน “ชายที่แกร่งที่สุดในโลก” (The strongest man in the world) ในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งผลจากการแข่งขันครั้งนี้ทำให้ “นาธาน โจนส์” ได้เข้าไปเรียนในโรงเรียนฝึกหัดของสถาบัน WWF ก่อนที่จะต้องกลับประเทศออสเตรเลีย เนื่องจากปัญหาบางประการ
…หลังจากนั้น เมื่อเขาหันหลังให้กับวงการมวยปล้ำ เขาก็ก้าวเข้าสู่อาชีพนักแสดงในวงการบันเทิงด้วยการแสดงอย่างมีบทบาทในภาพยนตร์เรื่อง “Jackie Chan’s First Strike” (1997) เป็นเรื่องแรก หลังจากนั้น เขาก็มีผลงานเป็นซีรีส์มวยปล้ำทางทีวีหลายเรื่อง ก่อนที่จะมีผลงานภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดที่ต้องต่อกรกับนักแสดงเจ้าเสน่ห์อย่าง “แบรด พิทท์” ในเรื่อง “Troy” (2004) และคุ้นหน้าคุ้นตาของผู้ชมชาวไทยมากขึ้นไปอีก เมื่อเขาต้องมาห้ำหั่นอย่างถึงพริกถึงขิงกับ “จา พนม ยีรัมย์” (Tony Jaa) ในภาพยนตร์ไทยระดับอินเตอร์เรื่อง “ต้มยำกุ้ง” (2548)
ผลงานภาพยนตร์ : Jackie Chan’s First Strike (2540), Troy (2547), ต้มยำกุ้ง (2548), Fearless (2549), The Condemned (2550), Asterix at the Olympic Games (2551), ส้มตำ (2551), Master of the Game (2551)
กระเต็น (น้องเกรซ นวรัตน์ เตชะรัตนประเสริฐ) – เด็กหญิงกำพร้าอาศัยอยู่ที่วัด มีนิสัยค่อนข้างกะล่อน ฉลาด แก้ไขสถานการณ์คับขันเฉพาะหน้าได้ด้วยความเจ้าเล่ห์ ชอบใช้หัวคิดในการวางแผนต่าง ๆ เอาตัวรอดได้เก่งในสังคมเมืองพัทยาที่อาศัยอยู่ กระเต็นสนิทสนมกับดอกหญ้า จนกระทั่งแม่ของดอกหญ้าเอ็นดูและรับเลี้ยงเป็นลูก
…แม้จะเจ้าเล่ห์เพียงใด แต่ลึก ๆ แล้วกระเต็นก็เป็นเด็กดี ไม่คิดร้ายกับใคร ถึงจะชอบโกหก แต่ก็เพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัว
“ฉากแรกที่เข้าร่วมกันก็จะเป็นฉากที่เราวิ่งและก็มาเจอนาธาน ฉากนั้นก็สนุกดีค่ะ เราเจอนาธานครั้งแรกเลย พอไปเจอกันเขาก็บอกว่า เนี่ย…เขาต้องทับเกรซ เกรซก็บอกทับไปเลย เขาทับจริง ๆ แล้วเราก็เจ็บ เค้าก็เจ็บ เกรซก็เจ็บโดนเขาทับ วิ่งอยู่ประมาณ 3-4 เทคได้ฉากนั้น เหนื่อยแต่ก็สนุกค่ะ
แล้วในเรื่องนี้ เกรซกับนาธานก็ต้องช่วยกันตำส้มตำด้วย เขาก็ดูสนุกมากเลย เขาไม่เคยเห็นครกยักษ์ใหญ่มาก ๆ อย่างในเรื่องมาก่อน ก็จะพยายามตำ ๆ ๆ เขาก็จะคอยถามว่า ตำยังไง ตำยังไงดี ช่วยสอนเขาหน่อย เราก็ช่วย ๆ สอนเขา ก็สนุกดีค่ะฉากนี้”
ประวัติย่อ : นวรัตน์ เตชะรัตนประเสริฐ หรือ น้องเกรซ ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของ “เสี่ยเจียง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ” เกิดเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2539 ปัจจุบันอายุ 12 ปี กำลังศึกษาอยู่ในระดับเกรด 6 (ป.6) ที่โรงเรียนร่วมฤดี อินเตอร์เนชั่นแนล สคูล (RIS)
…น้องเกรซเข้าสู่วงการภาพยนตร์ในฐานะนักแสดงนำเรื่องแรกจากผลงานของผู้กำกับ “พจน์ อานนท์” เรื่อง “เอ๋อเหรอ” เมื่อปี 2548 จากนั้น ด้วยความสามารถทางการแสดงเกินเด็กวัยเดียวกัน ทำให้น้องเกรซมีผลงานภาพยนตร์ออกมาอย่างต่อเนื่องในหลากหลายบทบาท รวมถึงเป็นนักพากย์รุ่นจิ๋วกับบท “ชบาแก้ว” ในแอนิเมชั่นไทยเรื่องดังอย่าง “ก้านกล้วย” (2549) ด้วย
…ล่าสุด นอกจากกำลังจะมีผลงานรสเด็ดเรื่อง “ส้มตำ” ออกฉายในวันที่ 29 พ.ค. นี้แล้ว น้องเกรซก็ยังมีอีกหนึ่งผลงานแอ็คชั่นอย่าง “พาวเวอร์ คิดส์ ตัวเล็กใจใหญ่” ฉายส่งท้ายปีนี้ด้วย
ผลงานภาพยนตร์ : เอ๋อเหรอ (2548), ข้าวเหนียวหมูปิ้ง (2549), ไฉไล (2549), ก้านกล้วย (พากย์-2549), สลัดตาเดียวกับเด็ก 200 ตา (2551), นาค (พากย์-2551), ส้มตำ (2551), พาวเวอร์ คิดส์ ตัวเล็กใจใหญ่ (2551)
ดอกหญ้า (น้องแคท ศษิสา จินดามณี) – เด็กหญิงลูกแม่ค้าส้มตำ เป็นเด็กดี มีความสามารถทางแม่ไม้มวยไทย รักครอบครัว เชื่อฟังแม่ แต่บางครั้งก็ฝืนคำสั่งของแม่ (แอบไปชกมวยหารายได้) บ้าง แต่นั่นก็เพื่อจะช่วยแบ่งเบาภาระของแม่เพียงเท่านั้น ดอกหญ้ามักจะเข้ามาช่วยเหลือและแก้ปัญหาที่กระเต็นก่อไว้อยู่เสมอ
“ในเรื่องนี้ก็จะมีฉากแอ็คชั่นหลายฉาก มากกว่าเรื่องที่ผ่านมา อย่างที่เด่น ๆ ก็คือมีฉากชกมวยบนเวที ซึ่งเรื่องก่อน ๆ ไม่มีชกมวยบนเวทีเลยค่ะ สำหรับท่าพิเศษก็มีบ้าง บนเวทีก็มีท่าหนุมานถวายแหวน ที่ไม่เคยเล่นเลย ก็เหมือนลิงถวายแหวน กระโดดชกที่ปลายคาง ตรงปลายคางอะไรอย่างงี้ค่ะ ฉากนั้นกว่าจะถ่ายเสร็จก็เหนื่อยเหมือนกัน เพราะว่าแคทไม่เคยชกมวยเวทีแบบนั้นมาก่อนเลย เราต้องฝึกสเต็ปให้เหมือนนักมวยจริง ๆ เลย ก็เหนื่อยหนักเลยค่ะ แต่ก็สนุกนะคะ ชอบค่ะ มีแอ็คชั่นที่เราถนัดอยู่แล้วให้เล่น”
ประวัติย่อ : น้องแคท ศษิสา จินดามณี เกิดเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2536 ปัจจุบันอายุ 15 ปี กำลังขึ้นชั้น ม.3 โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ บดินทรเดชา
…น้องแคทมีความสามารถทางด้านแม่ไม้มวยไทยเป็นอย่างมาก เคยเข้าประกวดรำร่ายไหว้ครูและทักษะมวยไทยจนได้รางวัลมาหลายครั้ง รวมถึงเคยโชว์เป่าปี่มวยไทยที่เวทีมวยสยามอ้อมน้อย
…เข้าสู่วงการภาพยนตร์ด้วยการเป็นหนึ่งในทีมนักแสดงนำของเรื่อง “เกิดมาลุย” เมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา แม้จะเป็นที่จับตามองในทักษะด้านแม่ไม้มวยไทยที่เก่งเกินตัว จนทำให้มีภาพยนตร์ไทยแนวแอ็คชั่นตามออกมาอีก 2 เรื่องคือ “ส้มตำ” และ “พาวเวอร์ คิดส์ ตัวเล็กใจใหญ่” แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า น้องแคทก็ยังมีความสามารถทางการแสดงบทดราม่าบีบคั้นอารมณ์ได้เป็นอย่างดี…ไม่แพ้การแสดงบทแอ็คชั่นเลยแม้แต่น้อย
ผลงานภาพยนตร์ : เกิดมาลุย (2547), ส้มตำ (2551), พาวเวอร์ คิดส์ ตัวเล็กใจใหญ่ (2551)
แม่อี๊ด (สุภัทรา วรรณทิวานนท์) – แม่ค้าส้มตำชื่อดังในย่านพัทยา เป็นผู้หญิงแกร่ง สู้ชีวิตในสังคมเมืองพัทยาที่มีการแข่งขันกันสูง เธอพยายามทำทุกอย่างในฐานะแม่ที่ดีเพื่อเลี้ยงดูลูกทั้ง 2 คนให้มีชีวิตที่ดีขึ้น พยายามสอนสั่งลูกไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งเลวร้ายที่แวดล้อมอยู่ในสังคมพัทยา
“ช่วงนั้นพี่กิ่งจะเล่นหนังเล่นภาพยนตร์ปีละเรื่อง ตอนนั้นยังไม่อยู่ในเมืองไทยแล้วก็เป็นอย่างนั้นมาหลายปี มันก็เลยซึมซับเรื่องการแสดงไปโดยปริยายน่ะค่ะ ทราบถึงขั้นตอนว่ามันจะต้องพิถีพิถันและละเอียด แต่ละมุม ๆ มันไม่เหมือนละครที่เราสามารถถ่ายทำได้เลยพร้อมกันกับกล้อง 3-4 ตัว แต่กับหนังมันมีความละเอียดมากกว่านั้น จะให้พูดว่าใช้ความอดทนมันก็ไม่เชิงนะคะ มันเป็นความเข้าใจดีกว่า เข้าใจเนื้องานว่าต้องเจออะไร เตรียมพร้อมกับตัวเองยังไงแบบนี้มากกว่าค่ะ
ในเรื่องนี้ พี่กิ่งว่าในทุก ๆ ฉาก หรือหลาย ๆ ฉากของเรื่องนี้ มันสอดแทรกด้วยสาระและศิลปะที่สวยงามนะคะ และสาระในหนังมันก็สามารถสอนผู้ชมด้วย จะได้ให้เห็นในมุมบางอย่างทั้งมุมที่ดีและมุมที่อาจจะเป็นสิ่งไม่ดี แต่นั่นก็คือเราได้ตอบโจทย์ว่าทำไมไม่ดีแล้วควรจะแก้ไขยังไง มันเหมือนเป็นสิ่งที่สอนเรา บางครั้งพลังมันไม่จำเป็นต้องมาจากกำลัง พลังมันสามารถมาจากสมองและหัวใจ ซึ่งมันจะมีพลังมากกว่ากำลังที่ใช้แต่แรงอะไรอย่างงี้ค่ะ”
ประวัติย่อ : นักแสดง-นักร้องมากความสามารถ “กิ่ง สุภัทรา วรรณทิวานนท์” ห่างหายจากงานแสดงภาพยนตร์ไทยไปนาน 20 ปีได้ ครั้งนี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่เธอได้หวนคืนจอใหญ่กับภาพยนตร์แอ็คชั่น-ดราม่ารสแซบดูได้ทุกเพศวัยเรื่อง “ส้มตำ” ซึ่งจะทำให้ผู้ชมรุ่นใหม่ได้ประทับใจในฝีมือทางการแสดงของนักแสดงตัวจริงอย่างเธอ…อีกครั้ง
ผลงานภาพยนตร์ : เลขาคนใหม่ (2526), รักสุดหัวใจ (2527), เลดี้ฝรั่งดอง (2527), อยากแบ่งหัวใจให้เป็นสอง (2531), พระพุทธเจ้า (พากย์เสียง “พระนางพิมพา” – 2550), ส้มตำ (2551)
เชิงชาย (ยุทธ ทองเจริญ) – หัวหน้าแก๊งโจรกรรมข้ามชาติ เป็นเพลย์บอยมาดนิ่ง เนี้ยบเท่ตลอดเวลา แต่ก็เจ้าเล่ห์และกะล่อนอยู่ในที เป็นคนที่ไม่ออกแรง แต่จะหนักไปทางวางแผนสั่งงานลูกน้องมากกว่า
“ส่วนใหญ่งานแสดงของผมจะเป็นละครซะมากกว่านะครับ ก็ได้บู๊บ้าง สนุกดี แต่ว่าพักหลังนี่ ผมกลับไปต่อปริญญาโท เปิดกิจการส่วนตัว ก็เลยไม่ค่อยมีเวลา ก็หายไปซักพัก ตอนนี้ผมก็รับงานเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยลัยเอแบค สอนวิชา Business Communication สื่อสารธุรกิจ เป็นการสอนให้คนสื่อสารในฐานะเป็นลูกจ้างหรือว่าผู้บริหาร นักธุรกิจ คุยกับ Supplier ลูกค้า เจ้านาย ลูกจ้างอะไรอย่างงี้ ก็เป็นอะไรที่ค่อนข้างดี สนุก แล้วก็น่าสนใจ ยิ่งสมัยนี้ คนที่ทำงานเป็นนักธุรกิจ ก็จะต้องเน้นการสื่อสารด้วยแล้ว มันจึงเป็นอะไรที่น่าสนใจมาก ๆ สำหรับผมนะครับ
กับหนังเรื่องนี้ก็สนุกครับ สนุกมาก ผมได้แสดงกับนาธาน โจนส์, น้องเกรซ และก็น้องแคท สนุกดีครับ ประทับใจมาก น้อง ๆ เขาเนี่ยไม่ว่าจะเหนื่อยขนาดไหน ร้อน ฝนตก ยุงกัด เขาก็จะเฮฮาตลอด อารมณ์ดีตลอด ยิ่งนาธานตัวใหญ่ขนาดนั้น ประเทศเขาก็ไม่ได้ร้อนอะไรเหมือนบ้านเราใช่ไหมครับ ก็ไม่เคยได้ยินเขาบ่นอะไรซักคำ เขาพร้อมตลอด แล้วถ้าได้เข้าฉากเมื่อไหร่ เขาจะยิ่งเต็มที่ 110% เลยครับ เป็นคน Friendly มาก ๆ ครับ”
ประวัติย่อ : เกิดเมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2517 ที่นิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา อายุ 34 ปี เข้าสู่วงการด้วยการเป็นนายแบบถ่ายโฆษณา, พระเอกมิวสิควีดิโอ และเป็นที่คุ้นหน้ามากขึ้นจากละครเรื่อง “จับตายวายร้ายสายสมร” ของค่ายยูม่า ทางช่อง 3 ก่อนจะตามมาด้วยงานละครและภาพยนตร์อีกหลายเรื่อง ปัจจุบันเป็นอาจารย์สอนวิชา Business Communication สื่อสารธุรกิจ ที่มหาวิทยาลัยเอแบค
ผลงานภาพยนตร์ : Go Six: โกหก ปลิ้นปล้อน กะล่อน ตอแหล (2543), เจ้าสาวผัดไทย (2547), ส้มตำ (2551)
บันทึกผู้กำกับ
…โปรเจ็กต์เรื่องนี้เกิดขึ้นได้เพราะผมกับพี่พันนาคุยกันว่าอยากทำหนัง Comedy Action สนุก ๆ น่ารัก ๆ ออกแนวครอบครัว แต่พอถึง Line Action ก็อยากทำให้ดุดัน สมจริง แต่ต้องไม่โหดร้ายเลือดท่วมจออะไรแบบนั้น พี่พันนานึกถึงภาพ นาธาน โจนส์ นักมวยปล้ำร่างยักษ์สูงสองเมตรสิบเซ็นต์ที่เคยสู้กับจา พนม ใน “ต้มยำกุ้ง” ถ้าเราจับนาธานมาประกบกับเด็กผู้หญิงไทยน่ารัก ๆ สักสองคนอะไรจะเกิดขึ้น ผมชอบ Idea พี่พันนามาก ก็คุยกับพี่พันนาจนได้ Main Idea คนตัวใหญ่ใจเล็ก เจอกับคนตัวเล็กใจใหญ่ เป็นหลักไว้ก่อน
…ทีนี้ก็มานึกถึงการออกแบบงานสร้างหลัก ๆ นึกถึงสถานที่ ๆ จะเกิดเรื่องราวน่าจะเป็นที่ ๆ คนทั่วโลกรู้จัก ก็มาลงตัวที่พัทยา เมืองท่องเที่ยวของไทยที่ชื่อเสียงภาพด้านลบค่อนข้างจะโด่งดัง ก็เลยอยากจะเล่ามุมดี ๆ ของคนไทยที่อยู่ในเมืองพัทยาซึ่งมีจิตใจโอบอ้อมอารี ก็เลยคิดให้มีครอบครัวไทยครอบครัวหนึ่ง มีกันอยู่สามคนแม่ลูก ฐานะไม่ค่อยดี เปิดร้านขายส้มตำอยู่ในพัทยา ประมาณปากกัดตีนถีบหาเช้ากินค่ำ เด็ก ๆ ช่วยแม่ขายส้มตำในตอนกลางวัน แต่แอบหนีแม่ไปชกมวยไทยโชว์ฝรั่งในตอนกลางคืนเพื่อช่วยหาเงินแบ่งเบาภาระให้แม่ โดยที่แม่ไม่เคยรู้เลย
…เด็กผู้หญิงคนหนึ่งต้องเก่งมวยไทย ออกไปทางบู๊ ก็เลยนึกถึงน้องแคท แชมป์มวยไทยเด็กที่เคยเล่นเรื่อง “เกิดมาลุย” ซึ่งเขามีความสามารถด้านมวยไทยเกินวัยมาก
…เด็กผู้หญิงอีกคนต้องเก่งภาษา ติดต่อประสานงานหาเงิน ออกไปทางบุ๋น แต่ต้องกะล่อนฉลาดแกมโกง เอาตัวรอดได้ในสังคมพัทยา ที่ชั้นเชิงเลห์เหลี่ยมแพรวพราย เลยนึกถึงน้องเกรซ ซึ่งเหมาะกับบทนี้มากทั้งความสามารถด้านการแสดง และเรื่องภาษาอังกฤษ
…แล้วเรื่องก็นำพาเด็ก ๆ มาเจอกับฝรั่งร่างยักษ์ใจเสาะที่ตกระกำลำบากอยู่ในเมืองไทย เด็ก ๆ อดสงสารไม่ได้จำเป็นต้องช่วยเหลือ ก็เลยเกิดมิตรภาพข้ามรุ่น ต่างวัฒนธรรม ต่างภาษา ได้เรียนรู้ในกันและกัน ร่วมกันต่อสู้ฟันฝ่าอุปสรรคต่าง ๆ เพื่อคนที่เขารัก ซึ่งในเรื่องนี้หมายถึงครอบครัว
…พอพี่พันนากับผมชอบแนวทางแล้ว ก็คุยให้พี่ปรัชญาฟัง พี่ปรัชญาเกิดชอบโปรเจ็กต์ก็เริ่มเป็นรูปร่างขึ้นมา ทีนี้มาถึงจุดเด่นของ Action ที่จะนำเสนอตรงนี้ยากสุด เพราะถ้าไม่มีอะไรโดดเด่นแปลกใหม่ หรือไม่มีจุดขายก็หมายถึงโปรเจ็กต์อาจต้องล้มไป พอพี่พันนานึกถึงความสามารถของนาธาน ซึ่งเป็นนักมวยปล้ำระดับโลกอยู่แล้ว ประกอบกับยังไม่เคยมีหนังเรื่องไหนนำเสนอ Action ของมวยปล้ำหรือเคยให้ความสำคัญอย่างเต็มที่มาก่อน ก็เลยอยากนำเสนอ Action มวยปล้ำแบบสมจริง อย่างที่ “องก์บาก” เคยนำเสนอมวยไทยโบราณมาแล้ว แล้วถ้าเราเอามวยปล้ำมาผสมกับมวยไทย น่าจะเป็น Action ที่สดใหม่ พอผมได้ฟังพี่พันนาหาแนวทาง Action ให้ ยอมรับเลยว่าโดนจริง ๆ ต้องขอขอบคุณพี่พันนามาก ๆ แต่แค่นั้นก็ยังไม่พอสำหรับพี่พันนา ในหนังควรมี Money Shot พี่เขาก็เลยคิดภาพนาธานวิ่งกระโดดถีบเครื่องบินให้ อย่างโดนอีก แต่พอเริ่มเขียนบทก็ยากในการเชื่อมโยงฉาก Action ต่าง ๆ ที่ Design ไว้ให้เข้ากับบทอย่างกลมกลืนไปด้วยกันได้อย่างมีเหตุผลรองรับ ก็ท้าทาย กดดัน และใช้เวลานานมากประมาณ 2 ปีกว่า ๆ ถึงจะลงตัวได้
…และที่สำคัญในหนังเราอยากจะเล่าถึงประเด็นคนตัวใหญ่ใจเล็กที่ไม่กล้าเผชิญหน้ากับปัญหาจนถึงขั้นไม่กล้าสู้คน แล้วจะทำให้นาธานบู๊ได้ยังไง คิดกับพี่พันนาจนมาบรรเจิดตรง “ส้มตำ” เพราะเราอยากจะเล่าถึงวัฒนธรรมไทย อาหารไทยอยู่แล้ว ถ้าทำให้ส้มตำเป็นสิ่งพิเศษสำหรับใครบางคน ที่เกิดกินแล้วมีพลัง กลายเป็น Super Hero กลาย ๆ เหมือนป๊อปอายได้กินผักขมล่ะ ปัญหาเรื่องไม่กล้าสู้คนก็จะหมดไป ถ้าได้กินส้มตำรสแซบจากฝีมือของเด็ก ๆ
…แต่สุดท้ายยักษ์ใจเล็กก็ต้องลุกขึ้นสู้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องมีส้มตำเป็นตัวช่วย ยอมสู้ถึงขั้นแลกชีวิตเพื่อช่วยเหลือครอบครัวที่เขารัก
แสดงความคิดเห็น