คู่แรด
ชื่อภาษาอังกฤษ : The Odd Couple
รับประกันว่าคู่ไหน ๆ ก็ไม่เหมือนกับคู่นี้
ถึงเวลาจับคู่ระเบิดความฮาแบบ NON-STOP กับ 2 คู่หูสุดฮาแห่งยุค
“หม่ำ จ๊กมก” ลูกข้าวเหนียวนึ่งแดนปลาแดกที่ลือกันว่า “แรด” เหลือทน
“เซกิ โอเซกิ” หนุ่มยุ่นปี่ข้าวปั้นจากแดนปลาดิบที่ทั้ง อึดและทนยิ่งกว่า “แรด”
ในภารกิจขยี้ต่อม “เครียด” เพื่อให้คนไทยกลับมา
“หัวใจเบิกบานฮา” กันในทุกสถานการณ์
…เมื่อตำรวจญี่ปุ่นสุดหล่ออย่าง เซกิ โอเซกิ ต้องมาคุ้มกันกะเทยสุดแรดที่เป็นพยานคนสำคัญของคดีฆาตกรรมสุดโหด อย่าง หม่ำ-เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา ซึ่งพลิกคาแร็คเตอร์มารับบทนางเอกครั้งแรกในชีวิต เรื่องแรด ๆ ทั้งหลายจึงเริ่มต้นขึ้น
…ลิลลี่ (หม่ำ จ๊กมก) ต้องสูญเสียเพื่อนรักอย่าง แองจี้ (เสนาลิง) กับการฆาตกรรมสุดโหดไปต่อหน้าต่อตา และลิลลี่ก็คือคนเดียวที่เห็นหน้าฆาตกรใจโฉดผู้นั้น ทำให้ฆาตกรไล่ตามเก็บลิลลี่อย่างไม่หยุดหย่อน เดือดร้อนถึง เซกิ (เซกิ โอเซกิ) ตำรวจชาวญี่ปุ่นที่เดินทางมาประเทศไทยเพื่อดูแลคดีสำคัญนี้ ต้องเข้ามาทำหน้าที่ปกป้องพยานปากเอกแสนแรดคนนี้ ทำให้ลิลลี่หลงรักเซกิตั้งแต่แรกเจอ แต่ความรักก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เมื่อลิลลี่ต้องผจญกับมารหัวใจอย่าง หมวดแพท (กอล์ฟ-บุศรินทร์ หยกพรายพันธ์) ที่เข้ามาช่วยสืบสวนคดี
…จนเมื่ออดรนทนไม่ไหว ทั้งเรื่องหัวใจ และพวกฆาตกรร้ายที่ตามเก็บ ลิลลี่ก็ระเบิดความสามารถพิเศษของตัวเองออกมา นั่นก็คือ “มวยไทย” ที่เคยได้ฝึกฝนจนเป็นแชมป์มาหลายสังเวียน
…การเดินทางที่ต้องทั้งหนีเอาตัวรอด และต้องสืบหาหลักฐานเพื่อตามจับตัวฆาตกรร้ายรายนี้ของ “คู่แรด” หนึ่งหนุ่มหล่อ กับ หนึ่งกะเทยสาวคู่นี้จะเป็นอย่างไร เมื่อพวกเขาได้สืบทราบมาว่าฆาตกรต้องการจะล้มล้างเผ่าพันธุ์กะเทย ลิลลี่กะเทยฮีโร่ที่มีฝีไม้มวยไทยเป็นอาวุธจะสามารถปกป้องเพื่อนพ้องเพศที่ 3 ของเธอได้หรือไม่ แล้วพระนางอย่างลิลลี่กับเซกิจะลงเอยกันอย่างไร
ทีมงานสร้าง : แอ็คชั่น-คอเมดี้ (แนวภาพยนตร์) / สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล และ ฟิล์มเอเชีย (บริษัทผู้สร้าง) / สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล (จัดจำหน่าย) / ฟิล์มเอเชีย (บริษัทดำเนินงานสร้าง) / สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ, นพพร วาทิน (อำนวยการสร้างฝ่ายบริหาร) / สาลินี ภักดีผล (อำนวยการสร้าง) / นพรัตน์ พุทธรัตนมณี (ผู้กำกับภาพยนตร์) / วศิน ปกป้อง, ปิยมาศ มะชะรา (บทภาพยนตร์) / ปรีชา ชื่นชม (กำกับภาพ) / จรงค์ศักดิ์ กลิ่นพิกุล (กำกับศิลป์) / มานะ ยังกลาง (ลำดับภาพ) / นรินทร ณ บางช้าง (เพลงประกอบภาพยนตร์) / สุนันท์ ตระกูลสุนทร (ออกแบบเครื่องแต่งกาย) / นนทพัฒน์ อมรชัย (แต่งหน้า) / จิรายุทธ์ นุ่มสังข์ (ออกแบบทรงผม)
นำแสดงโดย : เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา, เซกิ โอเซกิ, บุศริน หยกพรายพันธ์, ปราปต์ปฎล สุวรรณบาง, ทองขาว ภัทรโชคชัย, เกริก ชิลเล่อร์, มอริส เค, อรนภา กฤษฎี, ยุทธนา ลอพันธุ์ไพบูลย์, วสันต์ อุตตมะโยธิน, สมเกียรติ จันทร์พราหมณ์ และนักแสดงรับเชิญอีกมากมาย
เชื่อไหมว่า 2 คนนี้เหมือนกันยังกะ “แรด”
…ไม่ว่าจะเป็น “เซกิ” นายตำรวจหนุ่มมากฝีมือ ผู้ยึดมั่นเอาจริงเอาจังในหน้าที่ เคร่งครัดในระเบียบวินัยตามสไตล์เลือดบูชิโด (ชาวอาทิตย์อุทัย) แถมสู้สุดตัวอย่างไม่ค่อยก้มหัวให้ใคร และที่สำคัญ “อึดและทนยิ่งกว่าแรด” ทุ่มเททั้งชีวิตทางการแสดงโดย “เซกิ โอเซกิ” หนุ่มญี่ปุ่นยุ่นปี่จากแดนข้าวปั้นเมืองปลาดิบ
…หรือ “ลิลลี่” กะเทยร่างอวบตันที่ถึงแม้หุ่นจะไม่ให้ในฐานะดาวเด่นประจำอัลคาซ่าร์ ถึงต่อให้ใช้สารเร่งความสวยมากมายก่ายกองขนาดไหน ย่อมไร้ผล แต่ด้วยใจรัก คิดฝันสิ่งใดต้องคว้ามาให้ได้ จนได้รับการสรรเสริญเยินยอจากคนรอบข้างว่า “แรดเหลือทน” ถอดชีวิตเล่นโดย “หม่ำ จ๊กมก” ซูเปอร์สตาร์ระดับแถวหน้าของเมืองไทยลูกข้าวเหนียวนึ่งแดนปลาแดก
… แต่ใครจะไปคาดคิดว่าท้ายที่สุดแล้ว “ลูกข้าวเหนียวกับลูกข้าวปั้น”
…จะกลายมาเป็น “คู่แรด” คู่หูบัดดี้ที่ฮาที่สุดแห่งยุค
ต้นสายปลาย(เหตุ) “แรด” (ต้นเหตุของการ “จับคู่แรด”)
…ด้วยความมุ่งมั่นและความรับผิดชอบในหน้าที่ทำให้ “เซกิ” ตัดสินใจข้ามน้ำข้ามทะเลมาเพื่อลากตัวเจ้าฆาตกรร้ายสุดเหี้ยมรายนี้ให้ได้ ในขณะที่ “ลิลลี่” เองก็ต้องสังเวยชีวิต “แองจี้” (กับบทบาทที่ฮาที่สุดในชีวิตของเสนาลิง) เพื่อนซี้ที่สุดในชีวิตไปด้วยน้ำมือของฆาตกรร้าย และตัวเองกำลังตกเป็นเหยื่อรายต่อไปของเจ้าฆาตกรร้าย คน 2 คนจาก 2 ดินแดนที่ต่างกันสุดขั้วทั้งรูปร่าง หน้าตา นิสัย ใจคอ และรสนิยมแต่กลับต้องมาร่วมหัวจมท้ายในภารกิจจับคู่ที่สุด “ฮาแรด” อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนแห่งปี
ภารกิจจับ “คู่แรด” สุดฮา แบบ “NON STOP”
ในมุมของเซกิ
…ตลอดชีวิตที่ผ่านมาในฐานะตำรวจหนุ่มสุดระห่ำอย่างเซกิไม่เคยมีภารกิจไหนที่สร้างความหนักใจให้กับเขาได้ ถึงแม้ว่าจะต้องบากบั่นข้ามน้ำข้ามทะเลจากประเทศบ้านเกิดมาเพื่อสืบหาและตามล่าตัว “ฆาตกรร้าย” ที่เคยก่อคดีฆาตกรรมสุดโหดมายังดินแดนต่างถิ่นหรือจะต้องเสี่ยงชีวิต เผชิญกับอันตรายขนาดไหน ก็ไม่เหนือไปกว่าความมุ่งมั่นที่จะคลี่คลายดังกล่าวให้จงได้ก็คงจะมีเพียงอุปสรรคเดียวที่สร้างความ “อึ่งทึ่งเสียววูบ” ให้กับตำรวจแดนปลาดิบอย่างเขาอยู่ตลอดเวลาก็คือการปกป้องและคุ้มกัน “ลิลลี่” พยานรายเดียวที่จะช่วยให้เขาลากตัวเจ้าฆาตกรร้ายมาลงโทษแล้วยังเป็นตัวอันตรายมากถึงมากที่สุดที่ เซกิ จะต้องสรรหาสารพัดวิธีที่จะต้องเอาตัวรอดจาก “สายตา” และ “สองมือไม้” ที่อยู่ไม่สุกราวกับหนวดปลาหมึกของลิลลี่กะเทยสุดแรดที่พร้อมจะล่วงเกินตำรวจหนุ่มอย่างเขาตลอดเวลา ถึงแม้ว่าสถานการณ์ในขณะนั้นจะออกมาหัวก้อยหรือเข้าข่ายหน้าสิ่วหน้าขวานขนาดไหนก็ตาม
ในมุมของลิลลี่
…ใฝ่ฝันถึงความเป็นดาวเด่นในหมู่ชาวอัลคาซ่าร์ ทั้ง ๆ หน้าตาและรูปร่างตกมาตรฐานตั้งแต่เริ่มต้น แต่ด้วยสติและความคิดที่ทั้ง “ตอก” และ “ย้ำ” ฝังลึกอยู่ในก้นบึ้งและจิตวิญญาณของตัวเองว่า “รูปโฉมและหน้าตาเป็นเพียงปัจจัยภายนอก” ส่วน “ทรวดทรวงและร่างกายเป็นเพียงพาหนะ” ที่จะนำพาไปสู่ความสำเร็จ และวิทยาการแห่งความก้าวหน้าทางการแพทย์เท่านั้นที่จะช่วยต่อยอดความฝันของตนได้ ส่วนไอ้เรื่องเฝ้ารอ “ใครสักคน” ที่จะมายอมรับและเข้าอกเข้าใจความเป็น “ชาวเรา” อย่างลิลลี่และเพื่อน ๆ ก็ไม่จะคิดหรือขออะไรมาก แค่ตี๋ขาวขายาวหุ่นดี ของนอกของในไม่เกี่ยง ถ้าได้แบบอิมพอร์ต MADE IN ต่างประเทศก็ยิ่งดี แต่ใครจะไปคิดละค่ะ จู่ ๆ ไม่นึกไม่ฝันหลังจากยัย “แองจี้” เพื่อนซี้ปากจรวด ซี้ม่องเท่ง ชนิดลิลลี่ยังไม่ทันน้ำตาเล็ด สวรรค์ใจดีก็ส่ง หนุ่มหล่อในสเป็คอย่างพ่อ D-MAX หรือเซกิมาดแมนคนนั้นมาคอยปกป้องอยู่เคียงข้างลิลลี่ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อกันนะค่ะ แข่งอะไรก็แข่งได้ แต่จะให้แข่งบุญแข่งวาสนาเนื้อคู่กระดูกคู่ ลิลลี่ขอเตือน ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ดูอย่างลิลลี่ซิค่ะ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องส่งยัยหมวดแพทขาวสวยหมวยอึ๋มมาเป็นมารหัวใจของลิลลี่ด้วยค่ะ
จับผลัดจับผลู เมื่อ “คู่แรด” หนังกะเทยคู่หูกำลังจะถล่มเสียงฮา
โปรเจ็คต์สานฝันครั้งหนึ่งในชีวิตที่ได้เป็น “กะเทย” ของ “หม่ำ จ๊กมก”
…ท่ามกลางกระแสความไม่แน่นอนของภาวะทางความรู้สึกของคนไทยเพราะกำลังขึ้น ๆ ลง ๆ ไปกับสถานการณ์ความตึงเครียดของเหตุบ้านการเมืองที่อยู่ไม่สุขและไม่เคยนอนนิ่งซักที อย่ากระนั้นเลย สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล (โดย เสี่ยเจียง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ) และ ฟิล์มเอเซีย (โดย มด นพพร วาทิน) ขอส่งเทียบเชิญให้คนไทยทั้งชาติช่วยกันเมินเฉยกับความบ่จอยทางอารมณ์ที่กำลังทวีคูณขึ้นอย่างไม่มีทีท่าจะลดลง พร้อมรับอาสากระตุ้นเตือนความรู้สึกที่เรียกว่า “รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ” ซึ่งกำลังจะมลายหายไปจากแผ่นดินสยามด้วย
…“คู่แรด” ภาพยนตร์ไทยในแนวสนุกสนานหรรษาที่มาเพื่อปลุกอารมณ์ขันของพี่น้องชาวไทยให้ตื่นขึ้นอีกครั้งและรับประกันว่าจะทำให้ทุกคนต้อง “ตะลึงฮาจนท้องคัดท้องแข็ง” กับบทบาทใหม่ที่รับรองไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหนคุณจะไม่มีโอกาสได้พบเห็นแบบนี้อีกแล้วจาก “หม่ำ จ๊กมก” พระเอก 300 ล้านจาก “บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม1-2, แหยมยโสธร” นักแสดงชายระดับซุปเปอร์สตาร์ที่ทุกคนยอมรับว่าเขาคือมือ1 ทางด้านเสียงหัวเราะของจริง
“เรื่องนี้ถูกคิดขึ้นมาว่า ถ้าเกิดไม่ใช่พี่หม่ำเราไม่ทำ คือความใหม่ไม่ได้อยู่ที่ทำหนังกะเทยหรือไม่กะเทย แต่ความแปลกใหม่สำหรับเราคือถ้าหนังเรื่องนี้ได้พี่หม่ำมาเล่นเป็นกะเทยละ มันจะน่าสนใจขนาดไหน คือแค่คิดก็น่าดูแล้ว เพียงแต่ว่าปกติพี่หม่ำก็ไม่ค่อยเล่นหนังของใครอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นการที่อยู่ๆพี่หม่ำจะตกปากรับคำว่าจะยอมรับบทลิลลี่กะเทยที่แรดที่สุด มันก็ต้องเป็นบทที่โดนแกจริง ๆ เพราะคิวพี่หม่ำไม่ได้มีว่าง ๆ อย่างที่รู้กันว่าตลอด 7 วันแกทำงานแทบจะครบ 7 วันโดยที่วันอาทิตย์คือวันของครอบครัว แค่อัดรายการทีวี เล่นหนังก็หมดแล้ว เพราะฉะนั้นเราต้องทำการบ้านหนักมากเพื่อให้ตัวละครตัวนี้และหนังเรื่องนี้เตะตาพี่หม่ำจริง ๆ”
…“โจ นพรัตน์ พุทธรัตนมณี” ผู้กำกับหนุ่มที่อยู่เบื้องหลังรายการ “หักหลังผู้ชาย ON TV“ และ ภาพยนตร์ชุดทางโทรทัศน์กว่า 10 เรื่อง อาทิ วัยร้ายไฮสคูล, ยายตัวแสบกับนายทรนง, สายน้ำลูกผู้ชาย, รวมพลคนใช้, คู่รักพลิกล็อค ฯลฯ ซึ่งทำหน้าที่ผู้กำกับและปั้นโปรเจ็คต์คู่แรดนี้มากับ “มด นพพร วาทิน” โปรดิวเซอร์ผู้กำกับหนุ่มที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการภาพยนตร์และโทรทัศน์เมืองไทยมานับสิบ ๆ ปี และเสี่ยเจียง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ ผู้อำนวยการสร้างหนังไทยที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด จึงส่งบทที่แปลกแหวกและที่สำคัญ “แรด” ที่สุดในชีวิตให้ “หม่ำ จ๊กมก” หวังว่าพระเอกหนุ่มจะสลัดความหล่อล่ำตันมาสะดีดสะดิ้งกระตุ้งกระติ้งอย่างเต็มที่ และพร้อมที่จะล้มเลิกโปรเจ็คต์สุดฮาอย่าง “คู่แรด”นี้ทันทีถ้า “หม่ำ” เซย์ “โน” แต่ดูเหมือนสวรรค์อยากให้คนไทยได้เห็นซุปเปอร์สตาร์อย่างหม่ำเป็นกะเทยสุดแรดจริงๆ
“คือตลอดชีวิตที่ผ่านมาของพี่หม่ำ แกเป็นคนที่พยายามหาสิ่งใหม่ เหมือนที่เราคนทำหนังพยายามหาสิ่งใหม่เหมือนกัน คือบอดี้การ์ดก็เป็นแล้ว แหยมก็เป็นแล้ว เป็นโน่นเป็นนี่แล้ว แต่มีอยู่สิ่งที่หนึ่งที่แกยังไม่เคยมีโอกาสได้เป็นเลยคือ กะเทย คือโดยส่วนตัวพี่หม่ำเองมีโปรเจ็คต์หนังเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับกะเทยที่แกอยากทำ แต่ไม่เคยบอกใคร แล้วจังหวะพอดีกับที่เราชวนพอดี แล้วบท“ลิลลี่” กะเทยสาวล่ำตันอดีต ‘แชมป์มวยไทย’ เจ้าของฉายา “ขุนขวานแห่งลุ่มน้ำชี”แต่ยอมทิ้งความเก่งกาจทางด้านการต่อสู้ ตั้งใจกู้เงินบัตรเครดิตมาทำนม หวังว่าจะได้เป็นดาวเด่นแห่งอัลคาซ่าร์ มันสนุก มันมีอะไรที่ให้พี่หม่ำได้เล่นเยอะ แกก็เลยหยุดหนังของแก เพื่อมาพัฒนาโปรเจ็คต์คู่แรดนี้กับเรา”
แต่งหน้า ทาปาก ใส่วิก สวมชุดรัดรูป ห้อยสลิง ยิงเอฟเฟ็คต์
ทุกสิ่งที่ “หม่ำ จ๊กมก” ไม่ชอบ ในการเป็น “กะเทยสุดแรด” แต่ต้องทำ
…แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่ โจ นพรัตน์ ผู้กำกับ “คู่แรด” ใช้พลังที่มีทั้งหมดทั้งความคิด หยาดเหงื่อ ความตั้งใจจากสองมือหว่านเมล็ดงานลงไปกลับส่งผลให้เกิดเนื้องานงอกเงยขึ้นมาได้อย่างคุ้มค่าเหนือกว่าที่คาดเลยทีเดียว เพราะนอกจากขั้นตอนการเมคอัพ แต่งหน้า ทาปาก ใส่วิก ที่ซุปเปอร์สตาร์อย่าง “หม่ำ จ๊กมก” โบกมือล่ำลาขออย่าได้เข้ามาเฉียดในชีวิตการทำงานแล้ว เซอร์ไพรส์ที่เกิดขึ้นในภาพยนตร์เรื่อง “คู่แรด” ส่งผลให้ “หลากหลายเงื่อนไขต้องห้าม” ที่นอกจากไม่ชอบ ไม่สันทัด ไม่อยากทำ ล้วนเกิดขึ้นในหนังเรื่องนี้แทบทั้งสิ้น ตั้งแต่การที่ต้องสวมชุดกะเทยนับ 10 ชุด รวมไปถึงชุดบิ๊กโชว์สุดอลังการที่มีเครื่องทรงองค์เอวตามสไตล์อัลคาซ่าร์ซึ่งทั้งร้อนและรัดรูปมาก ๆ หรือแม้แต่การที่ต้องแสดงโดยมีอุปกรณ์สลิงและเอฟเฟ็คต์เข้ามาเกี่ยวข้อง
“อย่างที่บอกว่าหลากหลายสิ่งที่โดยส่วนตัวแล้วถ้าใครได้ทำงานร่วมกับพี่หม่ำจะรู้เลยว่า เอฟเฟ็คต์ สลิง แต่งหน้า ทำผม แต่งตัว เลี่ยงได้พี่หม่ำขอเลี่ยง แต่กลับกลายเป็นว่า พอถึงที่สุดแล้วพี่หม่ำยอมทำทั้งหมดเลยในหนังรื่องนี้ อย่างบางฉากเราก็ถามแกว่าพี่หม่ำไหวไหม แกก็จะมองหน้าเรา 2 วิ แล้วแก ก็บอกว่าถ่ายจริงเลยนะ แกก็ถ่าย หรือซีนรถกระบะทั้งคันแล่นข้ามหัว ผมก็บอกแกว่าไม่ต้องห่วงพี่หม่ำซีนนี้เราถ่ายบลูสกรีนนะเดี๋ยวเอารถไปแม็ทซ์ แต่ปรากฏว่าลองถ่ายบลูสกรีนดูแล้วมันไม่รอด ก็เลยบอกแกว่าผมลองดูแล้วมันไม่ดี ผมจะเอาเครนมายกรถข้ามหัวพี่หม่ำจริงนะ แต่พี่หม่ำต้องแหงนหน้ามองรถด้วยนะ ไหวไหมพี่ แต่เราตั้งเครนแล้วไง เราเอาแกขึ้นไปยืน แกก็มองหน้าผม 2 วิ แล้วบอกว่าถ่ายจริงเลยนะ คือเห็นสีหน้าแล้วแกกลัว หรืออย่างสตั้นท์คาร์ที่ต้องขับรถดริฟท์วนรอบตัวแกหลายสิบรอบมากเนี่ยะ พอตอนถ่ายขับรถวนรอบตัวแก แกถ่ายอยู่หน้ากอง แต่พอเสียงรถเบรกเอี๊ยด หันไปปรากฏว่าแกวิ่งไปอยู่หลังกอง ตอนไหนไม่รู้ไกลมาก คือแกบอกใครจะอยู่ก็อยู่ (หัวเราะ)”
…ในฐานะผู้กำกับแล้ว คงจะไม่มีความรู้สึกอื่นใดที่มีค่าและมีความหมายเท่ากับการที่รู้ว่านักแสดงระดับซูเปอร์สตาร์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งส่วนเดียวกับตัวละครที่เขามีส่วนสำคัญในการพัฒนาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ผมดีใจนะที่รู้ว่า พี่หม่ำแกกลับไปบ้านแล้วก็ยังแอบซ้อมบท ซ้อมแอ็คติ้งการเป็นกะเทยต่อที่บ้าน ถึงขนาดเมียแกเริ่มสงสัยว่าพี่หม่ำเปลี่ยนไปรึเปล่า ทำไมเปลี่ยนได้ขนาดนี้ หรือทุกครั้งในตอนถ่ายทำไม่ว่าจะเป็นออฟซีน หรือสั่งคัทแล้ว แกก็ยังมีความเป็นลิลลี่อยู่ แกก็อุ๊ยคัทแล้วเหรอ ซึ่งปกติพี่หม่ำไม่เป็นแบบนี้ นั่นแสดงว่าพี่หม่ำแกอินมาก เวลาไปพากย์หรือลงเสียงเพิ่ม มือไม้ หน้าแกก็ไป คือแกจะอินมาก ถ้าเกิดเป็นนักแสดงที่ไม่อินหรือไม่เชื่อหรือไม่เป็นจริงๆ จะเล่นไม่ได้ทุกเม็ดขนาดนี้ ทุกฉากทุกซีนที่แกเข้าฉากกับคนคนอื่น แกก็จะมีลูกหยอด ลูกเล่น แต่ไม่ได้เป็นแบบหม่ำ แต่เป็นกะเทยแบบลิลลี่ เพราะถ้าเกิดเป็นพี่หม่ำคิดในแบบที่เป็นผู้ชายอย่างเรา ก็คงจะไม่ได้คิดมีลูกหยอด ต่อปากต่อคำออกมาขนาดนี้ แต่พอเป็นลิลลี่ปุ๊บ มันก็จะมีช่องทางการคิด การพูดการแสดงในแบบที่เป็นของลิลลี่ แต่พี่หม่ำแสดงเป็นลิลลี่ ที่ไม่ใช่พี่หม่ำเล่นเป็นพี่หม่ำ นี่คือสิ่งที่แปลกและใหม่ของหนังเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นส่วนที่ดีที่เกิดขึ้นอยู่ในหนังเรื่องนี้ ผมยกเครดิตให้พี่หม่ำไปหมดเลยนะ เพราะตลอดการทำงานที่ผ่านมาผมไม่ได้รู้สึกว่าผมเก่ง แต่ผมต้องใช้พี่หม่ำ ผมต้องใช้ความสามารถของพี่หม่ำแทบทั้งสิ้นเลย เพราะหน้าที่ของเราคือการพานักแสดงไปยังทิศทางของหนังที่เราจะต้องนำเสนอออกมาให้ได้ แต่ส่วนอื่นๆเราคงคิดคำพูดให้พี่หม่ำไม่ได้ มุกต่างๆ แอ็คติ้งต่างๆ ไดอาล็อค ที่มันเกิดขึ้น เราบอกแนวทางของเรื่องได้ แต่ความคิดสร้างสรรค์ที่มันเกิดจากการที่พี่หม่ำทำการบ้านและอินกับความสนุกสนานของตัวละครตัวนี้เกิดจากตัวพี่หม่ำเองเต็ม ๆ”
คนหนึ่งทนเหมือนแรด อีกคนแรดเหลือทน
จับคู่ความต่างของ “คู่แรด” หนังบัดดี้ฮาระดับสุดขั้ว
…เราอาจจะคุ้นเคยกับหนังบัดดี้ที่ใช้พลังดาราจากการจับคู่ของนักแสดงต่างประเทศตลอดเวลา แต่นาน ๆ จะได้เห็นกันสักทีสำหรับหนังไทย ในเมื่อโจทย์ของ “คู่แรด” คือหนังบัดดี้ที่มีความสนุกระดับสุดขั้ว และได้นักแสดงระดับแม่เหล็กที่การันตีในการเรียกเสียงหัวเราะอย่าง หม่ำ จ๊กมกในการรับบทกะเทยสุดแรดเป็นตัวยืน กระบวนการค้นหานักแสดงอีกคนที่มีเงื่อนไขชัดเจนว่าจะมาซ้ำรอยในทิศทางเดียวกันไม่ได้โดยเด็ดขาด โดยเฉพาะทั้งในส่วนของลักษณะของคาแรคเตอร์รูปลักษณ์ และฝีไม้ลายมือทางด้านการแสดง นั่นคือถ้าไม่บวกก็ต้องลบไปเลยจากตัว กะเทยลิลลี่จากการแสดงหม่ำ จ๊กม๊ก เพราะเมื่อใดก็ตามที่ตัวละคร 2 ตัวนี้อยู่ด้วยกันในทางตลกจะต้องมีเหลี่ยมมีมุม เกิดมุกที่หักล้างกันได้ ทางเลือกเดียวคือความต่างระดับสุดขั้วเท่านั้นที่จะมาเติมเต็มความสนุกสนานให้เกิดขึ้นเพื่อสร้างความแปลก และแตกต่างให้กับ “คู่แรด” แตกต่างจากหนังทุกเรื่องที่เคยมีมา
…หลังจากผ่านการคัดเลือกและค้นหานักแสดงที่จะมาจับคู่แรดอยู่นานหลายเดือน ในที่สุด เซอิกิ โอเซกิ พระเอกนายแบบนักแสดงหนุ่มชาวญี่ปุ่นที่หลายคนเคยผ่านตามาแล้วกับบทบาทโกโบริ ในละครเวทีสุดคลาสสิคอย่าง “คู่กรรม เดอะมิวสิคคัล” ซึ่งถูก นพพร วาทิน บ่มความสามารถทางด้านพื้นฐานการแสดง พร้อมได้รับการฝึกฝนทางด้านศิลปะการต่อสู้ คิวบู๊ ดนตรี ฯลฯมาตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา เพื่อเตรียมรับบทนำใน “ยามาดะ” โปรเจ็คต์ภาพยนตร์พีเรียดฟอร์มยักษ์ทุนสร้างกว่า 100 ล้านบาท ก็ถูกเลือกให้มารับบท ตำรวจมือปราบชาวญี่ปุ่นที่มุ่งมั่นและจริงจังในการเดินทางมาเมืองไทยเพื่อจัดการกับฆาตกรร้ายที่มีส่วนในการก่อคดีสังหารโหดจากญี่ปุ่น จนได้มาประกบคู่และปกป้องคุ้มครอง ลิลลี่ กะเทยสุดแรด พยานคนเดียวที่รู้เห็นหน้าของเจ้าฆาตกรร้าย ซึ่งถ่ายทอดการแสดงโดย “หม่ำ จ๊กมก”
“เซกิเขามีความเป็นนักแสดงค่อนข้างสูง ซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่ได้สร้างให้เขา เขามีมาก่อน เขามีความเป็นนักแสดง มันเป็นเรื่องยากสำหรับผมเมื่อใดก็ตามที่เอานายแบบ มาเล่นหนัง หรือสัตว์เด็กเอฟเฟ็คตต์ สลิง นายแบบ ลูกครึ่ง เป็นเรื่องยากที่จะทำให้เขาทำการแสดง หรือแอ็คติ้ง เพราะส่วนใหญ่จะติดเรื่องแอ็ค เรื่องการหันเสมอ อย่างเซกิถึงแม้เขาจะมีความเป็น MODEL แต่เขาไม่ติดตรงนี้ เขามีความเป็นนักแสดงอยู่สูง การที่เราเอาเข้ามาเล่นจึงกลายเป็นเรื่องที่ไม่น่าหนักใจและไม่เป็นปัญหามากเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะเขาเรียนการแสดงมาก่อนหน้านี้แล้วตอนที่เขาอยู่ที่ญี่ปุ่นและพื้นฐานการแสดงละครเวที
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับหนังเรื่องคู่แรด สิ่งที่เราต้องการในตัวละครตัวนี้ที่นอกเหนือจากการแสดงก็คือการเน้นในเรื่องของการต่อสู้กับฉากแอ็คชั่น และต้องแสดงร่วมกับนักแสดงที่เป็นคอมมิดี้อย่างพี่หม่ำ เพราะฉะนั้นสำหรับเขาแล้ว สิ่งที่มีความจำเป็นคือการที่ต้องแสดงออกมาให้ได้จังหวะพอดี เพราะในส่วนของคอมมิดี้เรามีพี่หม่ำอยู่แล้ว กลับกันสิ่งที่เราต้องการเน้นก็คือความแกร่ง ของตัวละครที่เป็นเหมือนบอดี้การ์ดที่ต้องมีหน้าที่ปกป้องกะเทยคนนี้ เขาต้องเซฟความเข้มของเขาไว้ และต้องเล่นในจังหวะและโอกาสที่เหมาะสมของอารมณ์หนัง ให้อยู่ในลุคส์และทางที่ตัวหนังกำหนด”
หม่ำ–เซกิ อีกหนึ่งพัฒนาการของการจับ “คู่แรด” ที่ลงตัว
…คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่อยู่ ๆ นักแสดงจาก 2 ชาติ 2 ภาษา จะต้องมาเข้าคู่เข้าขากัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คน 2 คนที่ต่างกันสุดขั้ว แต่กลับกลายเป็นว่าไม่มีความต่างใดที่ส่งผลให้เกิดปัญหากับ “คู่แรด” ของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ ซูเปอร์สตาร์เลือดอีสานที่ได้รับการยอมรับในความเป็นมืออาชีพในการทำงาน ถึงแม้ว่าจะต้องทำงานกับ นักแสดงที่หนุ่มกว่าและหล่อกว่าเลือดปลาดิบ
“สำหรับพี่หม่ำ ในความคิดของผมเค้าเป็นมนุษย์มหัศจรรย์คนหนึ่งทำได้ทุกอย่าง เล่นได้ทุกบทบาททุกครั้งที่พี่หม่ำมากองผมจะเห็นและรู้สึกได้เลยว่าเขามีความสุขที่ได้ช่วยในการดีไซน์ ในการออกแบบการแสดงเพื่อทำทุกอย่างให้มันชัดขึ้น ถึงแม้เขากับเซกิจะมีปัญหาเรื่องภาษาในการสื่อสาร แต่ใครจะไปคิดว่า ‘บอดี้การ์ดแดนปลาดิบ กับ กะเทยแดนปลาร้า’ ซึ่งมันเป็นอะไรที่ไม่น่าจะเข้ากันแต่กลับเข้ากันได้อย่างลงตัว ทำให้หลายๆซีนที่เราต้องการนำเสนอความเป็นคู่แรดในหนังเรื่องนี้ถูกถ่ายทอดออกให้คนดูรู้สึกได้ ทั้งในส่วนที่คอเมดี้หรือแอ็คชั่น อย่างซีนที่เซกิต้องอุ้มพี่หม่ำหนีผู้ร้าย ซึ่งเราถ่ายแถวสะพานคลองหลอด ไหนเซกิจะต้องอุ้มพี่หม่ำ วิ่ง ไล่ยิงปืนกับผู้ร้าย ซึ่งเป็นฉากรับรองว่าขำมาก ตอนถ่ายทำพี่หม่ำจะต้องมีแอ็คติ้งเกาะแข้งเกาะขา ซึ่งในตอนถ่ายพี่หม่ำเองก็กลัวเอฟเฟ็คต์ ส่วนเซกิต้องสะบัดพี่หม่ำ หรือซีนที่เขาเจอกันครั้งแรกเซกิต้องขับรถดริฟท์วนรอบพี่หม่ำอยู่ทั้งวัน แล้วพี่หม่ำต้องจ้องตาเซกิ เหมือนรักแรกพบ ซึ่งถ่ายอยู่ 2 วน เซกิขับวน 30-40รอบ พี่หม่ำเองแกก็ได้ยินเสียงรถแล้วก็กลัว แถมเซกิต้องยิงปืนใส่ผู้ร้ายไปด้วยขับรถไปด้วย
ตลอดระยะเวลาในการถ่ายทำ ทั้งคู่พยายามที่จะสื่อสารด้วยกัน เซกิเองเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างคำบางคำ พี่หม่ำก็พยายามอธิบายโดยการใช้แอ็คติ้งบ้าง ใช้ท่าทางบ้างในการคุยกับเซกิเพื่อให้เกิดความสนิทสนม เพื่อให้เหลี่ยมของการแสดงนั้นเข้ากันได้ดี สองคนนี้เขาจะมีทั้งเทคนิค ทั้งแทคติกทุกอย่างเพื่อให้จังหวะของตัวละครสองตัวเป็นอะไรที่ลงตัว พอเข้าฉากด้วยกันบ่อยขึ้น ขนาดว่าพี่หม่ำยังไม่ได้พูดอะไร แค่พี่หม่ำแสดงท่าทางเซกิก็ขำนั้นคือความเป็นคอเมดี้ที่อยู่ในตัวพี่หม่ำ
พี่หม่ำมีการส่งซิกในหลาย ๆ ครั้งเวลาถ่ายทำ รวมไปถึงการคิดมุกให้เซกิ คือเขาจะไม่คิดเองชงเองเล่นเองคนเดียว พี่หม่ำจะมีมุมมองหรือทิศทางในการสร้างอารมณ์ขันตรงนี้ขึ้นมาเพื่อเชื่อมโยงกัน คิดมาให้คนอื่นเล่น หรืออย่างบางทีเซกิอยากเล่นมุกบ้างแต่พี่หม่ำห้ามไว้ว่าไม่ได้ทำหล่อไปอย่างเดียวเลยเดี๋ยวเรื่องขำเขาจัดการเอง
ส่วนเซกิ เป็นนักแสดงที่มีความสามารถอนาคตไกล ถึงเค้าเป็นคนญี่ปุ่นแต่พยายามศึกษาภาษาไทย พยายามเรียนรู้ พยายามฝึกฝน เพื่อให้หนังออกมาดีและสมบูรณ์ เซกิ เราเห็นแต่ละวันที่เป็นพัฒนาการของเขาตั้งแต่วันแรก เห็นเขาซ้อม หรือกลับไปซ้อมที่บ้าน พอเห็นการถ่ายทำที่ออกมาแล้ว มันเป็นอีกเรื่องหนึ่งไปเลย จนเราเองก็ไมคิดเลยว่าเขาจะมีพัฒนาการขนาดนี้ สำหรับผมในหนังเรื่องแรกอย่างคู่แรด เซกิเขาทำได้และสอบผ่านครับ”
ประวัติผู้กำกับภาพยนตร์
โจ-นพรัตน์ พุทธรัตนมณี / เกิด 17 ตุลาคม 2510 อายุ 39 ปี / การศึกษา จบนิติศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง ปีการศึกษา 2534 / นักเรียนการแสดงสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 รุ่น 7
ประวัติการทำงาน
พ.ศ. 2533 บริษัทไฟว์สตาร์โปรดักชั่น จำกัด
– ตำแหน่งครีเอทีฟรายการ “4 + 1 ถึงจะเทห์”
– ผู้ช่วยผู้กำกับการแสดงละครและภาพยนตร์
พ.ศ. 2537
– กำกับภาพยนตร์เรื่อง “มัจจุราชตามล่าข้าไม่สน” ของบริษัท ไฟว์สตาร์โปรดักชั่น จำกัด
พ.ศ. 2539 – 2548
– กำกับการแสดงละครเรื่อง วัยร้ายไฮสคูล, วัยร้ายเฟรชชี่, ยายตัวแสบกับนายทรนง, สายน้ำลูกผู้ชาย, รวมพลคนใช้, 18-80 เพื่อนซี้ไม่มีซั้ว, ท่านชายต้มยำกุ้ง, คู่รักพลิกล็อค, ยิ่งรักเธอ, และ รักเราไม่ไฮโซ
– โปรดิวเซอร์รายการ “หักหลังผู้ชาย ON TV”
พ.ศ. 2549 กำกับภาพยนตร์เรื่อง คู่แรด
ประวัติพระเอก
Seigi Ozeki – เซอิกิ โอเซกิ (เซกิ) / วันเกิด 17 ธันวาคม / สัญชาติ ญี่ปุ่น / ส่วนสูง 183 เซนติเมตร / น้ำหนัก 70 กิโลกรัม
ผลงานที่ผ่านมา
– ละครเวทีเรื่อง “คู่กรรม” The musical (รับบทเป็นโกโบริ)
– ละครเวทีเรื่อง “อลม่านหลังบ้านทรายทอง” (รับบทเป็นชายกลาง)
– ละครเรื่อง “ครูไหวใจร้าย” ทางช่อง 3
– ถ่ายแบบนิตยสาร
– เดินแบบ
– MV
ผลงานล่าสุด
– พระเอกภาพยนตร์เรื่อง “คู่แรด” ผลิตโดย บริษัท ฟิล์ม เอเซีย จำกัด
– พระเอกภาพยนตร์เรื่อง “ยามาดะ” ผลิตโดย บริษัท ฟิล์ม เอเซีย จำกัด
อาหารที่ชอบ ก๋วยเตี๋ยว, ส้มตำไทยไม่เผ็ด, ผัดผัก, ข้าวเหนียวเนื้อทอด / งานอดิเรก ดูหนัง, ฟังเพลง, ออกกำลังกาย, อ่านหนังสือ / สถานที่ท่องเที่ยว ชอบเที่ยวทะเล, ภูเขา, วัด
ประวัตินางเอก
เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา หรือ หม่ำ จ๊กม๊ก ตลกศิลปิน นักแสดง พิธีกร นักร้อง ฯลฯ ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงสุด ล่าสุดได้รับฉายาผู้กำกับ 300 ล้าน จากภาพยนตร์ 3 เรื่อง บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม1-2 และ แหยมยโสธร เป็นโปรดิวเซอร์ผลิตภาพยนตร์เรื่อง “ว้อ”
…กล่าวได้ว่าตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีในแวดวงบันเทิง งานที่ทำให้ชีวิตและชื่อเสียงของหม่ำ เป็นที่รู้จักและประสบความสำเร็จสูงสุดคือ อาชีพนักแสดงตลก จนเป็นบันไดขั้นต้นที่ต่อยอดความสำเร็จให้ “หม่ำ”ได้แจ้งเกิดในทุกสายงานบันเทิง โดยเฉพาะวงการโทรทัศน์ได้รับการผลักดันจากเจ้าพ่อเกมโชว์อย่าง ปัญญา นิรันดร์กุล แห่งบ.เวิร์คพอยท์ฯ ทำให้ชื่อเสียงของ หม่ำเท่งโหน่ง เป็นที่รู้จักในฐานะแก๊งค์สามช่า และทุกรายการทางโทรทัศน์ที่ประสบความสำเร็จทั้งวาไรตี้เกมโชว์และซิทคอมล้วนมีชื่อของ หม่ำ เข้าไปมีส่วนด้วยแทบทั้งสิ้นอาทิ เวทีทอง, ชิงร้อยชิงร้าน, ระเบิดเทิดเถิง, ชัยบดินทร์โชว์, หม่ำโชว์, มหานคร ฯลฯ
…ในระยะเวลา10 ปีที่ผ่านมาชื่อของ “หม่ำ จ๊กมก” เป็นที่รู้จักและประสบความสำเร็จอย่างสูงสุดในฐานะนักแสดงภาพยนตร์หลังจาก มือปืน โลก พระ จัน ของ ต้อม ยุทธเลิศทำรายได้ไปกว่าร้อยล้านบาท โดยได้รับการผลักดันอย่างเต็มที่จาก เสี่ยเจียง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ แห่งสหมงคลฟิล์มทั้งในส่วนของงานแสดงอาทิ องค์บาก, ต้มยำกุ้ง, วาไรตี้ผีฉลุย, เฉิ่ม, โหน่งเท่งนักเลงภูเขาทอง, เท่งโหน่งคนมาหาเฮีย รวมทั้งในส่วนของงานการกำกับภาพยนตร์ โดยเริ่มจาก บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม, แหยมยโสธร และ บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม 2
…ปัจจุบันกำลังจะมีผลงานภาพยนตร์เรื่อง “คู่แรด” เข้าฉาย ส่วนภาพยนตร์ที่กำลังถ่ายทำและมีโปรแกรมเข้าฉายในปี2551 ได้แก่ หม่ำเดียว หัวเหลี่ยมหัวแหลม, ฮะเก๋า และ ว้อ
…แต่เมื่อย้อนกลับในอดีตหม่ำมีงานแสดงและคร่ำหวอดอยู่ในวงการภาพยนตร์มานานนับทศวรรษ ตั้งแต่หนังแอ็คชั่นไปจนถึงหนังตลก จากผลงานอย่าง 2 โทน, กวนโอ๊ย, บ้านผีปอบ ฯลฯ และด้วยความสามารถอันหลากหลาย แฟน ๆ จึงมีโอกาสได้สัมผัสความสามารถทางด้านการร้องเพลงทั้งจากอัลบั้มเพลงประกอบภาพยนตร์อย่าง แหยมยโสธร และ บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม 2
คาแร็คเตอร์สุดแรดของ “คู่แรด”
– ลิลลี่ กะเทยโชว์จากดินแดนที่ราบสูง อายุ 35 ปี นางโชว์หางแถวในหมู่ดาวเด่นแห่งอัลคาซ่าร์ ตอแหล แรดเหลือทน เคี่ยว ชอบเคี้ยวผู้ชายเป็นที่สุด แต่เดิมเป็นอดีตนักมวยไทย ฉายา “ขุนขวานแห่งลุ่มน้ำชี” เจ้าของสถิติ ชนะน็อครวด 13 ไฟท์ ก่อนตัดสินใจแขวนนวมเพื่อตามฝันของตัวเอง อับอายกับอดีตและไม่เคยเปิดเผยให้ใครรู้
…รับบทโดย หม่ำ จ๊กมก (เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา) เมื่อเอ่ยชื่อ หม่ำ จ๊กมก ไม่มีใครที่ไม่รู้จักตลกมากความสามารถคนนี้ อยู่วงการมายาวนานจนเป็นที่ยอมรับ แสดงมาแล้วเกือบทุกบทบาท จนผันตัวเองจากงานเบื้องหน้ามามาจับงานเบื้องหลังในฐานะผู้กำกับภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดทั้ง บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม1-2 และ แหยมยโสธร ที่กลายเป็นหนังไทยที่ทำรายได้กว่า 100 ล้านบาท และพร้อมรับข้อเสนอในการถ่ายทอดการแสดงแบบไว้ลายเมื่อบทดี ๆ ตกมาถึงมือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบทลิลลี่กะเทยสุดแรดที่หม่ำ จ๊กมกทุ่มเทสุดชีวิต ยอมทุกอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนไม่ว่าจะเป็นยอมแต่งหน้าทำผมนานนับชั่วโมง สวมวิก ใส่รองเท้าส้นสูง พร้อมโชว์ลีลาคาบาเร่ต์แบบเต็มรูปแบบ กับการรับบทนางเอกครั้งแรกและที่สำคัญเป็นบทที่แรดที่สุดในชีวิต
– เซกิ ตำรวจมือปราบชาวญี่ปุ่น ฝีมือดี และหน้าตาดี อายุประมาณ 28 ปี ขาลุย พูดน้อย ต่อยหนัก บึกบึน อึด ทนทาน ยิ่งกว่าแรด พูด-ฟัง ภาษาไทยได้ เคยมาทำคดีที่เมืองไทยหลายครั้ง
…รับบทโดย เซกิ โอเซกิ นายแบบหนุ่มจากแดนอาทิตย์อุทัย มาเมืองไทยครั้งแรกเมื่อสามปีที่แล้วเพื่อถ่ายโฆษณา ด้วยความที่หน้าตาหล่อคมเข้มเลยถูกชักชวนจากให้มารับบท “โกโบริ” ในละครเวทีเรื่อง “คู่กรรม The musical” จนสร้างชื่อและเป็นที่รู้จักด้วยความสามารถทางการแสดง หลังจากนั้นก็มีงานถ่ายแบบเข้ามาอย่างมากมาย จนเสี่ย มด-นพพร วาทิน เห็นแววจึงเรียกมาคุยและเซ็นสัญญาในสังกัด ฟิล์ม เอเซีย พร้อมมอบบทนายตำรวจหนุ่มที่ต้องมาประกบบทบาทกับซูเปอร์สตาร์ระดับแถวหน้าของเมืองไทยอย่าง หม่ำ จ๊กมก ในภาพยนตร์เรื่อง “คู่แรด” เป็นผลงานการแสดงภาพยนตร์ชิ้นแรกของหนุ่มหล่อจากเมืองปลาดิบคนนี้
กลุ่มชาตรี’ส แองเจิ้ล เหล่าเพื่อนซี้ของลิลลี่
– ป้าแจ๋ว ยุทธนา มีชีวิตการทำงานตอนกลางวันเป็นคนรับจ้างแบกข้าวสาร มีความฝันอยากเป็นดีไซเนอร์ที่หรูเลิศอลังการระดับประเทศ แต่ความจริงเป็นได้เพียงคนจัดเสื้อผ้าให้กลุ่มชาตรี’ส แองเจิ้ล สุดท้ายก็ได้เป็นนางโชว์ที่ อัลคาซ่าร์ และจัดเสื้อผ้าหรูเลิศอลังการสมใจ
– ม้า อรนภา กฤษฎี มีชีวิตการทำงานตอนกลางวันด้วยการขายไข่ปิ้ง ไว้ผมม้ามาตลอดชีวิต รักการแต่งหน้าเป็นชีวิตจิตใจ มีความฝันจะเป็นเมคอัพอาร์ตติสระดับชาติ นั่งแต่งหน้าทั้งวันจนไข่ไหม้ สุดท้ายได้แต่งหน้าสวยโชว์ชุดอลังการร่วมกับลิลลี่ที่อัลคาซ่าร์
– โหน่ง วสันต์ ชายไทยหัวใจนักเลง ผู้ผลิกผันชีวิตเป็นสาวประเภทสองตอนกลางคน กลางวันมีอาชีพขับรถตุ๊กตุ๊ก ป้อผู้ชาย มีความฝันอยากเป็นช่างผมไฮโซระดับประเทศ สุดท้ายขึ้นโชว์ชุดอลังการร่วมกับลิลลี่และเพื่อน ๆ กลุ่มชาตรี’ส แองเจิ้ล ที่อัลคาซ่าร์
– หมวดแพท (กอล์ฟ บุศริน หยกพรายพันธ์) เจ้าหน้งอัลคาซ่าร์ที่ลิลลี่ทำงานอยู่ และเป็นนายกสมาคมสาวประเภทสองแห่งประเทศไทย อายุ 33 ปี เป็นคนจิตใจดี บุคลิกผู้ดีแต่ก็ยังคงความแรดอยู่ลึก ๆ เอ็นดูและห่วงใยลิลลี่อยู่ตลอดเวลา เพราะเป็นอาแท้ ๆ ของลิลลี่
– เลขาฯหอย (มอริส เค) เลขาฯ คนสนิทของเจ๊ตือ ชอบพูดขัดคอเจ๊ตือ ทะเลาะต่อล้อต่อเถียงกันเป็นประจำ แต่ก็ทิ้งกันไม่ลง
– เคน ซาคาโมโตะ (ปราปต์ปฏล สุวรรณบาง) ชาวญี่ปุ่นเจ้าของบริษัทใหญ่โต มาดดี หล่อเหลา สะอาดเนี้ยบ อายุประมาณ 28 ปี แต่มีความลับบางอย่างที่เก็บซ่อนเอาไว้นั่นคือ เกลียดเกย์และกะเทย
– หมวดหิน (ทองขาว ภัทรโชคชัย) นายตำรวจระดับหัวหน้าที่ถูกส่งมาคุมคดีฆ่ากะเทยต่อเนื่องในเมืองไทย อายุประมาณ 35 ปี มาดดี แต่งตัวหรูหรา
– แองจี้ (สมเกียรติ จันทร์พราหมณ์ หรือ เสนาลิง) แองจี้เพื่อนรักของลิลลี่ อายุประมาณ 30 ปี ทั้งคู่เช่าบ้านอยู่ด้วยกัน เป็นนางโชว์ท้ายแถวที่มีความมุ่งมั่นอยากจะโชว์อยู่แถวหน้าของอัลคาซ่าร์ แต่ไปไม่ถึงฝันเพราะโดนฆาตกรโรคจิตฆ่าตายาที่ตำรวจฝ่ายพิสูจน์หลักฐานของ DSI กระทรวงยุติธรรม อายุ 22 ปี เพิ่งจบมหาวิทยาลัย หน้าตาสะสวย จิตใจดี คล่องแคล่ว เป็นมารหัวใจของลิลลี่ เพราะเป็นคนที่เซกิรัก และไว้ใจ ทำให้ลิลลี่ไม่ค่อยชอบนัก
– เจ๊ตือ (เกริก ชิลเลอร์) กะเทยรุ่นใหญ่ไฮโซ เจ้าขอ
แสดงความคิดเห็น