Home » » ปิดเทอมใหญ่ ...หัวใจว้าวุ่น

ปิดเทอมใหญ่ ...หัวใจว้าวุ่น






ปิดเทอมนี้…พวกเขาจะมีช่วงเวลาดี ๆ ของกันและกัน
 
ภาพยนตร์รัก 4 รุ่น วุ่น 4 วัย
 
โดย ทรงยศ สุขมากอนันต์
 
ปิดเทอม ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปสู่การรอคอยครั้งใหม่
 
20 มีนา ปิดเทอม เปิดใจ
 
รับแรงสะเทือนจากรักครั้งใหญ่…ด้วยหัวใจอันว้าวุ่น

เพราะ”ความรัก”ไม่มีวันหยุดพักเหมือนการเรียน

เรื่องย่อ

“ปิดเทอมแล้วโว้ยยยย”

…ด้วยต้นทุนความหล่อที่พ่อให้มาอย่างพอเพียง “พุ-ไม้” จึงเข้าข่ายหล่อเลือกได้ เกมที่ฮิตที่สุดของพวกมันในช่วงปิดเทอม คือ แข่งขอเบอร์หญิง ทุกฤดูอำลาอาลัย สองหล่อจะแท็กทีมกันกลายร่างเป็นสมุดเฟรนด์ชิพให้สาว ๆ ม.6 มารุมฝากเบอร์ ดาวโรงเรียน พุ-ไม้ก็สอยเบอร์มาเมมชนิดเหงื่อไม่หยด จนกระทั่ง การมาถึงของเพื่อนเก่าสมัยอนุบาลที่ชื่อ “นานา” ยัยคนนี้เองที่ทำให้ พุ-ไม้ ถึงกับขอแตกคอกันชั่วคราว

…พุ-วันคู่ ไม้-วันคี่ แฟร์ ๆ คนละวันใครจีบเบอร์นานาได้ก่อนชนะ!

“กรี๊ดดดดดดดดดดดด”

…นอกจากร้านซีดีเอเชียแล้ว “โอ๋เล็ก” มั่นใจว่าคอลเล็กชั่น “ตี่ตี๋” ของแฟนคลับนัมเบอร์วันอย่างเธอไม่เป็นสองรองใคร ซีดีทุกแผ่นทุกเพลงโอ๋เล็กท่องได้ขึ้นใจ แม้เธอจะไม่กระดิกสักนิดว่าคำจีนที่เธอร้องปาว ๆ เป็นภาษาคาราโอเกะนั้นมันแปลว่าอะไร ความจริงข้อนี้เองที่ทำให้โอ๋เล็กขัดใจ ก่อนวันคอนเสิร์ตครั้งแรกในเมืองไทยหน้าร้อนนี้ เธอจะต้องซาบซึ้งในเนื้อเพลงของ “ตี่ตี๋” ให้จงได้

…โอ๋เล็กลงทุนไปสมัครเรียนภาษาที่วัดจีนเพื่อการร้องเพลงตี่ตี๋แบบอิน ๆ !

“หากคุณรักใครสักคน you say it, you say it right then, out loud”

“โจ้” เริ่มภารกิจเฉลยความนัยกับ “ซี” อย่างที่ตั้งใจ แผนหนึ่ง ชวนดูหนัง, แผนสองหลุดความในใจ, แผนสามเซอร์ไพรส์เพื่อคนที่คุณรัก, แผนสี่ประกาศให้โลกรู้ โจ้ทึกทักเอาเองว่าวีรกรรมที่มันเพียรพยายามทำเพื่อซีนั้น คือ ความหวาน โดยไม่เฉลียวใจเลยว่า สาวเจ้าจะรู้สึกว่ามัน “เลี่ยน”

…และยิ่งนานวันซีจะเริ่มแปลการกระทำของโจ้ว่า “ยัดเยียด!”

“ไปตรังระวังปลาตอดนะจ๊ะ”

…เมื่อ “นวล” ไปฝึกงานไกลถึงตรัง จะเตะบอล, ดูคลิปหลุด หรือเที่ยวผับ อะไรมันก็งั้น ๆ ไปหมดในความรู้สึกของ “เหิร” เขาตัดสินใจโดดขึ้นรถไฟไปเซอร์ไพรส์นวลก่อนวันนัดฉลองครบรอบสามปีที่เป็นแฟนกัน แต่โชคร้ายเกิดอุบัติเหตุขึ้น! บนรถไฟสายใต้เหิรชนเข้ากับ อาโออิ สาวญี่ปุ่น ขาว สวย เอ็กซ์ตามสเป็กนางเอกหนังโนเนะในดวงใจ อาโออิมาเที่ยวฟูลมูนปาร์ตี้คนเดียว เธอจึงชวนเหิรไปเป็นเพื่อน

…แทนที่จะไปตรังเหิรจึงไถลไปพะงันกับสาวยุ่นคนนั้นซะฉิบ!

ปิดเทอม คืออะไร

…มันคือ ช่วงเวลาแห่งความสุขของวัยเรียนที่ผู้ใหญ่อิจฉา

…คือ ช่วงเวลาแห่งแผนการณ์ “ปิดเทอมทำอะไรดี” หรือ ช่วงเวลาแห่งความลับ “ปิดเทอมทำอะไรมา”

…อาจเป็น ช่วงเวลาที่พรวดพราดผ่านไปคล้ายนั่งไทม์แมชชีน ยามเรามีสุข แต่บางครั้งก็เป็น ไอ้จอมอุ้ยอ้าย น่าเบื่อยามเรามีทุกข์

…บางคนสูงขึ้น บางคนผอมลง บางคนอกหัก บางคนตกหลุมรัก หลากหลายเรื่องราวเกิดขึ้นในปิดเทอมฤดูร้อนที่เต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลงและว้าวุ่นของวัยรุ่น

…พุ-ไม้ จะรู้มั้ยนะว่ามันสองคนจะไม่ได้คุยกันอีกเลยตลอดหน้าร้อนนั้น

…โอ๋เล็ก คงเดาไม่ออกว่าคอนเสิร์ต ตี้ตี้ที่เธอเฝ้าคอยจะยกเลิกไปอย่างง่ายดาย

…ความรักในใจโจ้กลับทำร้ายซีเมื่อมันไม่เป็นความลับอีกต่อไป

…เพียงเผลอใจเส้นทางของเหิรกับนวลอาจไม่มีวันหวนกลับมาบรรจบกันอีกเลย

นักแสดง:

ชาลี ไตรรัตน์ – แน็ค  
ศิรชัช เจียรถาวร – ไมเคิล  
โฟกัส จิระกุล  
รัชชุ สุระจรัส – ว่าน  
ชุติมา ทีปะนาถ – ต่าย  
อังศุมาลิน สิรภัทรศักดิ์เมธา – แพตตี้  
ฉันทวิชช์ ธนะเสวี – เต๋อ  
ธนิยา อำมฤตโชติ – จุก  
โซระ อาโออิ

ที่มา : บริษัทผู้สร้าง จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ภาพยนตร์

ผู้กำกับ

ปิดเทอมนี้ไปไหนกันดี? ไม่ว่าปิดเทอมนี้ คุณจะวางแผนสะพายเป้ไปตะลุยต่างจังหวัดกับเพื่อน จะนัดแฟนไปดูหนัง จะเดินช้อปมาราธอนตามประสาสาวสวย จะตั้งแก๊งไปเหล่สาวแถวสยาม หรือจะเกิดอาการร้อน ๆ หนาว ๆ เพราะดันหนีแฟนไปนั่งส่งตาหวานกับกิ๊ก โอ้ย….จะอีกมากมาย 108 โปรเจ็คท์ แต่เชื่อมั้ยว่า ผู้กำกับหน้าเด็กอย่าง ทรงยศ สุขมากอนันต์ เลือกที่จะแพคกระเป๋า แล้วชวนคุณออกเดินทางไปสำรวจเส้นทางความรัก 4 แบบ 4 วัย ใส ซ่า ฮา เศร้า ที่อาจทำเอาคุณหลงรักทริปนี้แบบไม่อยากให้เปิดเทอมแต่อยากเปิดใจรับแรงสะเทือนจากรักใหม่ ๆ ที่หัวใจอาจจะต้องว้าวุ่นไปอีกหลายปิดเทอม

ปิดเทอมนี้ไปดูหนังรัก หลากคู่ หลายวัย ชื่อว่า “ปิดเทอมใหญ่..หัวใจว้าวุ่น” กันดีกว่า จีทีเอช เขารับประกันว่าทริปนี้หนุกหนาน หวานซ้า….และอาจจะหวานกว่า ไฮซ์มอนสเตอร์ แต่ไม่เว่อร์เท่าแฟชั่นเด็กหยาม เพราะรักครั้งนี้จะครุกรุ่นละมุนใจกว่า “แฟนฉัน” และอาจลุ้นกว่าเรื่องลับจับหัวใจอย่าง “เด็กหอ” พอ ๆ ๆ ๆ ดีกว่า เพราะไม่ว่าจะเป็นแก๊งแฟนฉันหรือแก๊งเด็กหอ ต่อให้เป็น “แก๊งชะนี” ด้วย เอ้า ก็ต้องยกขบวนมาปลื้ม 4 เรื่องรักแบบติดหน้าจอ หนุ่ม ๆ จ๋า…ใครชวนหญิงไปดูก่อน ชนะ… ชะนี จ๋า…ใครชวนหนุ่มไปดูก่อน โ-ตร เจ๋ง… ที่ลืมไม่ได้ก่อนเข้าโรงภาพยนตร์ก็หัวใจที่ว้าวุ่นของคุณและคนข้างกาย หน้าร้อนนี้ ให้ปิดเทอมใหญ่เป็นอะไรที่มากกว่าที่หัวใจคุณเคยสัมผัส เพื่อรอคอยการเปิดเทอมใหม่ ที่อะไรอะไรคงไม่ว้าวุ่นเท่าช่วงปิดเทอม

“ว้าวุ่นมากสุดคงเป็นช่วงปิดเทอม ม.3 ขึ้น ม.4 เพราะเรียนที่อัสสัมชัญ ศรีราชา แล้วที่บ้านอยากให้ย้ายมาเรียนที่เซ็นคาเบียล กรุงเทพ เพราะน่าจะมีโอกาสในการสอบเอ็นทรานซ์ได้ดีกว่าเลยรู้สึกว้าวุ่นที่จะต้องจากเพื่อน ๆ ที่ซี้ ๆ กันมานาน”

ทำไมต้องเป็นหนังรัก

– ผมเป็นคนชอบดูหนังอยู่ 2 ประเภทคือหนังรักกับหนังทริลเลอร์ แต่ผมมีโอกาสได้ทำหนังหม่น ๆ อารมณ์ ทริลเลอร์ไปแล้วในเรื่อง “เด็กหอ” หลังจากนั้นก็รู้สึกว่าเล่าเรื่องดราม่าหนัก ๆ แล้วมันเครียด ก็เลยอยากทำหนังที่ทำให้เราได้รู้สึกอีกแบบหนึ่งเวลาใช้ชีวิตอยู่ในกองถ่าย เลยเลือกที่จะทำหนังรักดีกว่าเพราะผมชอบดูหนังรักอยู่แล้ว พอรู้ตัวว่าอยากทำหนังรักก็อยากทำหนังรักวัยรุ่น มันน่าจะเป็นความรักที่เรามองเห็นภาพมันชัดที่สุดเพราะเราเพิ่งผ่านมันมา จริง ๆ แล้วมันเป็นเรื่องของช่วงเวลาหนึ่งและความรู้สึกในขณะนั้นว่าเราอยากจะเล่าเรื่องอะไร ต่อไปถ้าถามผม ผมอาจจะไม่อยากเล่าเรื่องแบบนี้อีกก็ได้ เผอิญว่าตอนนั้นผมอยากทำหนังรักวัยรุ่น รู้สึกว่าถ้าไม่ทำตอนนี้แล้วปล่อยให้เวลาผ่านไปอีก 2-3 ปีผมอาจจะมองความรักวัยรุ่นเป็นอีกแบบหนึ่ง ผมคิดว่าผมควรทำในช่วงเวลาที่ยังเห็นภาพวัยรุ่นเป็นวัยรุ่นอยู่ไม่ได้เห็นภาพวัยรุ่นในแบบที่ผู้ใหญ่มอง

ทำไมต้องมี 4 คู่

– ผมแค่รู้สึกว่าอยากเล่าเรื่องความรักหลาย ๆ แบบ เป็นพวกโลภ รู้สึกว่าตัวเองเคยผ่านช่วงเวลานั้นหรือเคยได้ยินสิ่งที่เพื่อน ๆ มาเล่าประสบการณ์ความรักให้ฟัง มันมีหลายเรื่องราวความรักที่ทำให้เรารู้สึกไปกับมัน พอมีโอกาสได้ทำหนังรักก็เลยคิดว่าทำไมเราไม่ทำหนังที่เล่าเรื่องรักหลาย ๆ เรื่องแบบ Love Actually นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ผมอยากทำมัน พอเริ่มเขียนบทก็เริ่มรู้สึกสนุกทันที เพราะถ้ามีรักหลาย ๆ แบบ ก็ต้องมีนักแสดงหลายคนด้วย มันเป็นความรู้สึกต่อเนื่องว่า จะเป็นยังไงนะถ้าเรามีนักแสดงวัยรุ่นที่เคยแสดงหนังของ จีทีเอช มารวมตัวกันในหนังรักของเรา ซึ่งก่อนหน้านี้ผมจะมีโอกาสได้เห็นน้อง ๆ ในงานสังสรรค์ต่าง ๆ ของบริษัท ไม่ว่าจะเป็น ซันนี่ เอ๋ โอปอล์ เปอร์ ต่าย นาถ แน็ก โฟกัส แจ็ค ว่าน พลุ ลุง โบ๊ท หรือ น้องอีกหลาย ๆ คน เวลาที่พวกเขาอยู่รวมกันมันดูมีชีวิตชีวามาก อาจจะดูเป็นเหตุผลที่ไร้สาระ แต่ผมอยากเห็นภาพน้องนักแสดงเหล่านี้ที่ไม่เคยแสดงหนังเรื่องเดียวกันมาแสดงเรื่องเดียวกัน อยากให้พวกเขามาอยู่ในหนังผม อยากให้หนังรักของผมดูมีชีวิตชีวา

– ในที่สุดเหตุผลเหล่านี้ก็กลายเป็นโจทย์แรกในการทำหนังรักของผม พอพัฒนาบทไปเรื่อย ๆ บางคนก็ไม่ใช่ ก็ต้องตัดทอนเรื่องต่างๆออก แต่น้องคนอื่นที่ไม่มีบทที่เหมาะสม ก็จะได้มารับเชิญเป็นสีสันทุกคน หนังเรื่องนี้เริ่มจากการที่ผมเขียนเรื่องสั้นแต่ละเรื่องมาก่อน ประมาณ 10 กว่า เรื่อง ตอนนั้นยังมองไม่เห็นรูปแบบ แต่พอมาร้อยจริง ๆ 8-9 เรื่องมันเยอะมาก ถ้าเป็นหนังฝรั่งเขาจะเล่าเร็ว ดำเนินเรื่องเร็ว แต่พอเป็นหนังรักในแบบของหนังไทยมันเป็นเรื่องของอารมณ์ พอเราเล่าเป็นอารมณ์แต่ละฉากมันเลยเยอะ จำนวนเรื่องมันควรจะน้อยลง หนังของผมก็เลยเหลือแค่ 4 เรื่อง ซึ่งที่เหลือเท่านี้ไม่มีเหตุผลอื่นเลย นอกจากเป็นความรัก 4 แบบ ที่ผมชอบที่สุด แต่มันดันเป็นเรื่องที่ครอบคลุมเรื่องวัย มีทั้งความรักของ ม.ต้น ม.ปลาย มหาวิทยาลัยตอนต้น และมหาวิทยาลัยตอนปลาย

ผลงานเรื่องนี้เป็นผลงานเดี่ยวเรื่องที่ 2 มีอะไรที่ประทับใจบ้าง

– สิ่งที่ผมชอบที่สุดคือการได้ทำงานกับนักแสดงเยอะ ๆ แบบนี้ ทั้งนักแสดงหลักหรือแม้แต่นักแสดงรับเชิญพวกเขาเป็นนักแสดงที่ผมชื่นชอบ ผมเคยเห็นผลงานของเขาในหนังเรื่องอื่นแล้วรู้สึกว่าอยากเห็นเขาในหนังของเรา ไม่ว่าจะเป็นพี่รงค์ (จตุรงค์ พลบูรณ์), พี่ปุ้ย (พิมลวรรณ), พี่ปอ (อรปรียา) หรือนักแสดงรับเชิญท่านอื่น ๆ, เต๋อ, จุก ล้วนแล้วแต่เป็นน้อง ๆ ที่เคยมาช่วยงานแล้วทั้งนั้น วันหนึ่งเราก็รู้สึกว่าน้องเหล่านี้ควรจะมีตัวตนกันได้แล้ว อย่างเรื่องเด็กหอ เต๋อก็เป็นนักแสดงคนหนึ่งในฉากหนังกลางแปลง และมันเป็นเจตนาของผมตั้งแต่แรกที่อยากทำงานกับนักแสดง จีทีเอช ไม่มีใครมาบังคับ แต่ที่ผมรู้สึกโชคดีกว่านั้นคือนักแสดงเหล่านี้ตั้งใจทำงานให้ผมไม่ว่าจะเป็น เปอร์ ลุง พลุ โบ๊ท แจ็ค เอ๋ เดี่ยว แนน บอล นาถ และอีกหลาย ๆ คน ผมรู้สึกว่าบทของน้องไม่เยอะเลย แต่น้องก็ตั้งใจมาเล่นให้ พอเราเห็นความตั้งใจของนักแสดงที่จริง ๆ แล้วเขามีศักยภาพที่จะรับบทหลักได้เลยแต่ยอมมาเล่นรับเชิญให้ ผมอยากจะขอบคุณที่พวกเขามาเล่นหนังให้ แค่นี้น้อง ๆ ก็ได้ใจผมไปแล้วและทำให้ผมก็รู้สึกว่าน้องเขาให้เกียรติผมมาก

อยากให้คนดูได้เห็นมุมมองอะไรในหนัง

– ผมทำหนังแต่ละเรื่องโดยไม่ได้คิดว่าหนังเรื่องนั้นจะพูดอะไรชัดเจนเป็นประโยคหรือเป็นบรรทัดใดบรรทัดหนึ่ง ตอนที่เริ่มทำหนังเรื่องนี้คิดแค่ว่าเรามองความรักวัยรุ่นเป็นอย่างไร และตอนนั้นความรักวัยรุ่นสำหรับผมมันคือการเริ่มต้น ไม่ว่าผมจะเล่าเรื่องอะไรในหนังเรื่องนี้มันต้องจบลงที่ความรักของวัยรุ่นมันเป็นแค่การเริ่มต้น ไม่ว่าคุณจะเจอทั้งความสุขหรือความทุกข์ อกหัก จะเป็นตาย มีความสุขสุด ๆ สุดท้ายแล้วมันก็แค่การนับหนึ่งในเรื่องความรัก คุณยังต้องเจออะไรอีกมากมายในความรัก ที่อาจจะหนักหนากว่านี้ หรือไร้สาระกว่านี้ แต่ความรักของวัยรุ่นยังต้องดำเนินต่อไป ตอนจบของหนังเรื่องนี้ควรจะออกมาในแบบที่ผมมองเห็น แต่ว่าสิ่งที่ผมคาดหวังจากคนดูเวลาเราทำหนัง ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม อยากให้คนดูรู้สึกร่วมไปกับเรื่องที่เรากำลังเล่า โดยเฉพาะกับหนังรักซึ่งเป็นหนังที่เล่าเรื่องของความรู้สึกอยู่แล้ว ถ้าผมทำแล้วคนดูไม่รู้สึกร่วมไปด้วยมันคงเป็นความล้มเหลว เพราะฉะนั้นไม่ว่าผลที่ออกมาจะเป็นอย่างไร แค่คนที่ได้ดูรู้สึกร่วมไปกับความรักทั้ง 4 แบบของผมแค่นี้ผมก็ถือว่าการเล่าเรื่องความรู้สึกในหนังรักเรื่องแรกของผมก็ประสบความสำเร็จในแบบที่ผมอยากจะให้เป็นแล้วครับ

เรื่องราวตัวละคร

เรื่องของพุ-ไม้-นานา

แน็กกับไมเคิล ผมตั้งใจไว้ว่าจะเล่าเรื่องเพื่อนสองคนที่จีบผู้หญิงคนเดียวกัน และตอนแรกวางโฟกัสไว้ในบทหญิงสาวคนนั้น แต่รู้สึกว่าจะเป็นการเจอกันระหว่างแน็กกับโฟกัสเร็วเกินไป ไม่รู้ซิมันเป็นความรู้สึกส่วนตัวของผม เพราะมีหลายคนพูดว่าอยากเห็นแน็กกับโฟกัสกลับมาเจอกัน แต่ผมรู้สึกอยากให้คนดูรอไปอีกสักนิดหนึ่ง การที่ผมมาทำหนังเรื่องนี้ อีกหน่อยก็อาจจะมีคนพูดว่าทำหนังของตาย คือมันเป็นหนังรักที่เป็นทางถนัดของ จีทีเอช หนัง Feel Good อีกแล้ว แต่ผมคิดว่าไม่เป็นไร เพราะผมรู้ว่าเราไม่ได้ทำอะไรแบบเดิม ๆ ผมเชื่อว่าการที่ผมเอานักแสดงเหล่านี้มาเล่น ทุกคนจะอยู่ในภาพลักษณ์ใหม่คือจะไม่เป็นเหมือนแน็กในแฟนฉัน หรือไมเคิลในเด็กหอ ผมเลยไม่ได้ห่วงเรื่องที่คนจะติดบทบาทเดิมของน้อง ผมว่าน้องมีการเปลี่ยนแปลงไปได้ประมาณหนึ่ง แต่ถ้าถามว่าเป็นได้อย่างบทอยากจะให้เป็นไหมก็ไม่เชิง บังเอิญผมเป็นคนที่เวลาเขียนบทจะเขียนคาแร็คเตอร์ของตัวละครค่อนข้างชัดเจน แต่ไม่ได้ตีกรอบไว้ขนาดที่ว่าคนที่มารับบทเหล่านั้นจะต้องเติบโตให้ได้เท่ากับสิ่งที่เราเขียนขึ้นมา ถ้าเขาจะเติบโตไปในแบบที่เขาจะเป็นก็ไม่เป็นไร ผมไม่ได้ยึดติด คือบทอาจจะดีในแบบของมันแต่ถ้าเขาจะพาตัวละครไปอีกแบบหนึ่งแต่ยังอยู่ในเส้นเรื่องและสิ่งที่คอนโทรลได้ผมก็จะให้เขาพาไป ส่วนเขาจะเล่นได้เท่าหรือไม่เท่ากับที่ผมคิดไว้แต่เล่นได้ในแบบที่เขาเป็น และคาแรคเตอร์ยังใช่จนสามารถนำเรื่องไปจนจบได้ ผมไม่ติดอะไรเลย

น้องแพท ที่รับบท นานา เป็นตัวละครที่ผมมั่นใจว่าเลือกไม่ผิด ถึงแม้ว่าใครที่จะดูการแสดงของเขาแล้วจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจผู้หญิงคนนี้ แต่ผมจะบอกเขาว่านี่คือนานาในแบบที่ผมอยากจะให้เป็น ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ วิธีการแสดงออก หรืออารมณ์ในหนัง ถึงแม้ว่าคนที่ได้ดูอาจจะติดว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงทำอะไรแบบนี้คือไปกับทั้งคู่ เขินกับทั้งคู่ ไม่มีความชัดเจนอะไร แต่นี่แหละคือสิ่งที่ผมอยากจะให้เป็น แล้วผมรู้สึกว่าวัยรุ่นสมัยนี้เป็นแบบนี้ คือสับสนในความรัก พอมองแบบผู้ใหญ่ก็จะรู้สึกว่าทำไมไม่ชัดเจน แต่ถ้าลองมองย้อนกลับไปเมื่อตอนที่คุณเป็นวัยรุ่นเรายังตอบตัวเองไม่ได้เลยว่าเราชอบอะไร รักอะไร อยากเรียนอะไรผมจึงอยากให้นานามีคาแรคเตอร์แบบนี้

อะไรยากที่สุด

– ความรักทั้ง 4 แบบ มีสิ่งหนึ่งที่ยากเหมือนกันคือ ผมค้นพบว่าเวลาที่ต้องกำกับฉากดราม่าต่าง ๆ มันยากแต่ไม่สาหัสมาก แต่พอมากำกับหนังรัก เมื่อนักแสดงในเรื่องต้องมาบริหารเสน่ห์ เหมือนเวลาที่เราได้ดูหนังรักสักเรื่อง เราจะรู้สึกว่าเราหลงเสน่ห์นักแสดงคนนี้จนทำให้เราติดตามเรื่องนี้ไปจนจบ นักแสดงเรื่องนี้ก็เหมือนกันพวกเขาต้องมาบริหารเสน่ห์ตัวเอง มีฉากแบบนี้เมื่อไหร่จะยากเมื่อนั้น คือชีวิตปกติไม่ใช่ทุกคนที่จะรู้ว่าต้องบริหารเสน่ห์อย่างไร และด้วยความที่นักแสดงเหล่านี้ยังเป็นวัยรุ่นตอนต้นอยู่ประสบการณ์ชีวิตจะน้อย บางทีเขาก็จะไม่เข้าใจอะไรอย่างที่ผมเข้าใจ พอเป็นฉากที่ต้องมีบทสนทนาหรือฉากที่จะต้องทำให้คนดูอมยิ้มจะยากมาก คือถ้าดราม่าไปเลยไม่ยากนะ ไอ้อารมณ์แบบอกหัก เศร้าจะเป็นจะตาย ถึงยากแต่ก็ไม่เหนือบ่ากว่าแรงของผมกับนักแสดง แต่พอเจอฉากที่ต้องมาโปรยเสน่ห์ จีบกัน พูดเยอะ ๆ เมื่อไหร่ทำไมมันยากแบบนี้ ยอมรับว่าฉากพวกนี้ยากมากแต่น้องทุกคนก็ผ่านไปได้

เรื่องของโอ๋เล็ก

โฟกัส เป็น โอ๋เล็ก ในแบบที่ผมอยากจะให้เป็นตั้งแต่ตอนที่เป็นบทได้ชัดที่สุดแล้ว เขาเป็นคนที่เล่นหนังแล้วมีชีวิตชีวาอยู่แล้ว ซึ่งตัวตนที่แท้จริงของเขาก็เป็นแบบนั้น พอมารับบทนี้ความมีเสน่ห์ทั้งหลายมันออกมาจากความมีชีวิตชีวาของเขาโดยที่ไม่ต้องพยายาม เพราะฉะนั้นโฟกัสเหมาะที่สุดที่จะมาถ่ายทอดอารมณ์ของ โอ๋เล็ก อาจจะเป็นเพราะเขามีคาแร็คเตอร์บางอย่างที่ใกล้เคียงกับโอ๋เล็ก แต่อาจจะไม่ใช่คนที่บ้าดาราเท่าโอ๋เล็ก แต่โฟกัสเป็นคนไม่มีฟอร์ม พอเป็นคนไม่มีฟอร์มก็จะสามารถถ่ายทอดอารมณ์ของโอ๋เล็กได้ค่อนข้างดี สิ่งหนึ่งที่โอ๋เล็กเป็น แต่โฟกัสไม่เป็นก็คือโอ๋เล็กเป็นสาวแล้ว แต่โฟกัสยังไม่เป็นสาว จุดนี้คือสิ่งที่ผมกับทีมงานในกองถ่ายต้องคอยตบ ๆ คาแร็คเตอร์เขาว่าอย่าง้องแง้งแบบเด็ก ๆ ไม่ว่าจะเป็นวิธีการเดิน หรือบุคคลิกต่าง ๆ เราต้องปรับเขาหมด ซึ่งจริง ๆ แล้วโอ๋เล็กคือเด็ก ม.4 โฟกัสอยู่ ม.3 แต่ยังดูเด็กมาก ผมไม่ได้ติดเรื่องวัยแต่ติดเรื่องบุคคลิกมากกว่า ถ้าบุคคลิกดูเด็กมากอาจจะไม่เหมาะกับบทโอ๋เล็ก แต่พอออกมาเป็นหนังแล้วผมพอใจกับสิ่งที่โฟกัสเป็น เรื่องทรงผมก็มีส่วนในการปรับคาแร็คเตอร์อย่างที่ผมบอกว่าถ้าผมเอานักแสดงเดิม ๆ มาเล่นผมต้องเอาเขามาปรับทั้งรูปลักษณ์และคาแร็คเตอร์

– อีกอย่างหนึ่งหนังเรื่องนี้เป็นหนังรักวัยรุ่นในยุคปัจจุบัน โดยส่วนตัวผมคิดว่าเราต้องใส่แฟชั่นลงไปในหนังด้วย ซึ่งไม่ได้หมายถึงแฟชั่นหวือหวาเหมือนเดินออกมาจากแคทวอล์คแต่หมายถึงเซ้นส์ของแฟชั่น มันเป็นเรื่องของรสนิยมด้วย หลายคนมาดูหนังผมอาจจะคิดว่าไหนคือแฟชั่น การที่โอ๋เล็กจะใส่เสื้อลายลูกท้อเพื่อให้เข้ากับคาแรคเตอร์สำหรับผมนี่คือแฟชั่น หรือการที่โอ๋เล็กเป็นลูกคนจีนแล้วใส่หยก ผมว่ามันก็คือแฟชั่น แฟชั่นไม่ได้แปลว่าอะไรที่ต้องหวือหวาตามเทรนด์ สำหรับผมคำว่าแฟชั่นคือการเป็นตัวของตัวเอง

เมื่อโฟกัสต้องแสดงคนเดียว

– ส่วนมากเขาต้องแสดงกับกระดาษ ซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้ผมรู้สึกว่าโฟกัสทำได้ดีมาก เพราะไม่มีใครส่งอารมณ์ให้เขา แม้กระทั่งตอนที่ต้องเขินตี่ตี๋ที่เป็นรูปตัวไดคัท มันเป็นความสามารถของโฟกัสเลย น้องสามารถเล่นขึ้นมาได้ดีกว่าบทมาก โอ๋เล็กเป็นตัวละครที่มีมิติคือต้องเป็นเด็กเรียนที่ดูเนิร์ด ๆ แล้วก็รักดาราไต้หวันในเรื่องมาก ในแบบที่ฉันจะรักแล้วก็ไม่แคร์ใคร Self ในแบบของเขา แต่พอวันหนึ่งที่ต้องเจออะไรกระทบจิตใจโอ๋เล็กก็พร้อมที่จะเปราะบาง แค่ได้ดูในหนังอาจจะไม่ค่อยเห็นหรือรู้สึกอะไรมาก แต่ถ้าได้เห็นตอนที่ต้องบรีพกันก่อนจะแสดงจะเห็นว่าน้องต้องคิดและใช้สมาธิเยอะกว่าที่คนดูจะเห็นมาก

ทำไมถึงเลือกนักแสดงไต้หวันคนนี้

– ที่เลือก เหว่ยลู เพราะผมตั้งใจไว้แต่แรกแล้วว่านักแสดงไต้หวันในบทนี้ไม่ควรเป็นนักร้องหรือนักแสดงที่หัวทอง ไม่ใช่ดงบังชิงกิ ผมมองไว้ว่าตี่ตี๋ควรเป็นแบบ F4 เป็นผู้ใหญ่ประมาณหนึ่ง หน้าตาต้องดูอบอุ่น ถ้าเป็นวัยรุ่นแบบหัวทองคงกรี๊ดแบบที่วัยรุ่นชื่นชอบ แต่มันจะดูไม่อบอุ่น คือผมต้องการตี่ตี๋ในคาแรคเตอร์ที่นำพามาสู่ตอนท้ายของเรื่อง เพราะตัวละครตัวนี้ต้องทำให้โอ๋เล็กรู้สึกอบอุ่น ผมมองไม่เห็นว่านักร้องวัยรุ่นหัวทองที่คนกรี๊ดทั้งเอเชียจะอบอุ่นได้ยังไง ตัวละครตัวนี้ต้องดูเป็นผู้ใหญ่นิดหนึ่ง

เหว่ยลูแสดงเป็นอย่างไร

– เขาเล่นดีเลยนะ โดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่าการทำงานกับนักแสดงต่างประเทศจะค่อนข้างยาก ด้วยเรื่องของภาษาและการสื่อสารแต่ด้วยความที่เขามีประสบการณ์ทางด้านการแสดงอยู่แล้ว ทั้งเล่นละครและเล่นเอ็มวีที่ไต้หวัน พอมาทำงานด้วยกันเขาก็มืออาชีพคือฟังและทำตามทุกอย่างที่เราอยากจะให้เป็น ไม่มีปัญหาเรื่องการกำกับเลย อาจจะมีปัญหาเรื่องการสื่อสารบ้าง แต่เขานิสัยดีและไม่มีความเรื่องมากอะไรเลย

เรื่องของ เหิร-นวล

– ตามธรรมเนียมของหนังผมคือไม่ว่าจะเก่าหรือใหม่ก็ต้องทำเวิร์คช็อป ดังนั้นทุกคนที่เข้ามาเล่นหนังเรื่องนี้ต้องผ่านการเวิร์คช็อป ซึ่งจุก ที่รับบทนวล เขาผ่านการเวิร์คช็อปมาเยอะและเป็นน้องที่ผมคุ้นเคย ถามว่าคู่นี้หนักใจไหม ไม่เลยเพราะผมเห็นน้อง 2 คนนี้มานานแล้ว ตอนที่มาเวิร์คช็อป 2 คนนี้ก็ ทำให้ผมมั่นใจว่าพวกเขาจะสามารถรับบทนวลกับเหิรได้อย่างไม่ยาก คือจุกเป็นนวลได้ 100% เลย แต่เต๋ออาจจะเป็นเหิรที่ไม่ตรงกับบทมากนัก แต่ผมรู้สึกว่าเต๋อเป็นเหิรที่มีเสน่ห์ในแบบที่เขาเป็น ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไปบีบให้เขามาเป็นเหิรให้เหมือนในบท ผมเปิดกว้างได้ถ้าเขาจะไม่พาตัวละครตัวนั้นออกไปผิดรูปผิดแบบที่ผมตั้งใจ มีช่วงหนึ่งที่ผมพยายามจะบิดเขาให้เป็นเหิรเหมือนในบท แต่เต๋อเป็นคนดีมาก ในขณะที่เหิรต้องกะล่อน เต๋ออาจจะกะล่อนได้ไม่เท่าเหิร แต่ความมีเสน่ห์และความมีชีวิตชีวาในแบบของเต๋อก็จะดูกะล่อนในแบบของเขา พอผมปล่อยให้เขาเป็นเหิรในแบบที่เขาเป็น เขาก็จะมีชีวิตชีวาของเขา ผมเลยตัดสินใจไม่บิดเขาดีกว่าแล้วเขาก็พาตัวละครตัวนี้ไปในแบบของเขาได้

เรื่องของ โจ้-ซี

– ด้วยความที่หนังเรื่องนี้แต่ละตอนสั้นมากใช้เวลาถ่ายทำประมาณ 7 วัน ไม่เหมือนตอนที่ถ่ายทำเรื่องเด็กหอ 50 คิว พอถ่ายไปได้ 7 คิว ผมกับนักแสดงกำลังจะจูนกันได้ก็ต้องเลิกรากันไป ซึ่งต่อให้เป็นนักแสดงที่เราทำงานมาด้วยมาก ๆ ก็ตาม กว่าจะจูนกันได้ก็ต้องใช้เวลา ผมค้นพบว่าหนังเรื่องนี้ยากกับนักแสดงตรงที่วันแรก ๆ ที่ทุกคนมาจะเกร็งกันหมด เพราะฉะนั้นน้อง ๆ จะไม่มีเวลาปรับตัว โดยเฉพาะคนที่เล่นหนังกับผมเป็นเรื่องแรก อย่าง ว่าน กับ ต่าย ที่มารับบท โจ้-ซี กว่าจะจูนกันเจอยากมาก พอเจอแล้วก็จบพอดี อาจจะมีบางคนที่เป็นตัว Main ที่จะเกร็งมากหน่อย เพราะเขาต้องรับบทหนักกว่าคนอื่นและถูกผมเรียกร้องมากกว่าคนอื่น แต่สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผมก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากที่ไม่ว่าจะทำหนังมากี่เรื่องเราจะได้นักแสดงที่ตั้งใจ ถึงจะมีบางฉากที่น้องรู้สึกเกร็งและเล่นไม่ได้บ้าง หรือบางทีน้องเล่นได้ดีมากแต่มันยังไม่ใช่จนผมต้องแก้ต้องเทค แต่น้องไม่เคยหมดความตั้งใจเลย ผมเป็นคนแพ้ความตั้งใจด้วย ถ้าน้องตั้งใจผมจะรู้สึกทันทีว่าน้องทำได้แล้ว

นักแสดง

แน๊ก – ชาลี ไตรรัตน์ (แฟนฉัน) รับบท พุ

“ว้าวุ่นทุกทีเพราะปิดเทอมทีไรก็เหมือนไม่ได้ปิดเลย ยังต้องทำงานและก็ต้องไปโรงเรียนอยู่ดี เพื่อไปเรียนชดเชยวันที่เราลาหยุดไปเลยไม่ค่อยได้หยุดเหมือนเพื่อน ๆ เขาเท่าไหร่”

จากเจี๊ยบ แฟนฉัน มาถึงชาตรี เด็กหอ จนมาหล่อกระชากใจในบทพุ

– พุจะเป็นเด็กชอบพูดคำผวน เป็นเด็กซนๆหน่อย มีเพื่อนสนิทชื่อไม้ที่รับบทโดยไมเคิล จะไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด ถ้าเจอผู้หญิงน่ารักๆจะแท็คทีมกันจีบ ในเรื่องผมกับไมเคิลจะสนิทกันมาก เรียนห้องเดียวกัน บ้านตรงข้ามกัน แต่มาวันหนึ่งทั้งคู่ได้เจอผู้หญิงที่ชื่อนานา ความน่ารักของเธอกลายเป็นจุดเปลี่ยนความสัมพันธ์ระหว่างพุกับไม้ ทำให้หลัง ๆ เริ่มทะเลาะกัน จนเริ่มไม่ไปไหนมาไหนด้วยกันเพราะคิดว่าคนนี้เราจะจีบจริง ๆ เลยต้องแย่งชิงกันหน่อย กับไมเคิลก็สนิทกันมาตั้งแต่เล่นเรื่องเด็กหอแล้ว พอมาเจอกันเรื่องนี้เลยทำให้ยิ่งสนิทกันมากขึ้น พวกเราจะช่วยกันเวลาใครเล่นไม่ได้ เหมือนพี่น้องช่วยกัน เรื่องราวทั้งหมดจะเกิดขึ้นที่เชียงใหม่ พวกเราต้องยกกองไปถ่ายที่เชียงใหม่ อากาศดีมาก ที่สำคัญได้ไปถ่ายทำที่สวนสัตว์ด้วย บทของพุแตกต่างจากตัวผมไม่มากเวลาจีบผู้หญิงก็จะขำ ๆ นิดหนึ่งแต่คงไม่ถึงขนาดในหนัง เวลาไปไหนมาไหนกับไมเคิลก็จะชอบพูดคำผวนกันอยู่แล้ว ผมจะพูดคำผวนแล้วไมเคิลจะเป็นคนแก้คำผวน พี่ย้ง คงเห็นว่ามันตลกดีก็เลยเอามาใช้ในหนังด้วย จะได้ดูธรรมชาติเหมือนตัวเรา 2 คน

ฉากที่รู้สึกว่ายากที่สุด

– เป็นฉากที่พุชวนนานาไปดูหนัง แล้วพุเห็นปลาสเตอร์ยาปิดแผลที่นิ้วของนานาอยู่ พอหันไปถามนานาเขาก็บอกว่าแม่ติดให้ แต่ในใจพุรู้อยู่แล้วว่าเป็นของไม้ เรารู้ว่าอารมณ์ตอนนั้นต้องเป็นยังไง แต่พอถ่ายจริงก็ทำหน้าไม่ถูก กินฟิล์มไปเยอะเหมือนกัน เรื่องบทผมจะไม่ค่อยเครียดนะ แต่เรื่องที่เครียดจะเป็นเรื่องบุคคลิกมากกว่าที่ไม่รู้ว่าจะต้องยืนท่าไหน ทำท่าทางยังไง มันไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ ผมเป็นคนพูดไม่ค่อยอ้าปาก ขาแขนไม่ค่อยอยู่นิ่ง มีหลายอย่างที่ต้องแก้ไขเลยทำให้รู้สึกเครียดนิดหน่อยครับ

ฝากหนัง เรื่อง ปิดเทอมใหญ่หัวใจว้าวุ่น

– ก็หวังว่าคนที่เข้าไปดูหนังเรื่องนี้จะได้ความสนุกสนานและได้เห็นความน่ารักของความรักหลาย ๆ แบบถือว่าเป็นบทบาทใหม่ที่ผมและทุกคนก็ตั้งใจเล่นกันมากครับ

ไมเคิล – ศิรชัช เจียรถาวร (เด็กหอ) รับบท ไม้

“เกือบจะทุกปิดเทอมที่บ่อยครั้งจะรู้สึกว้าวุ่น เพราะไม่ได้เจอหน้าเพื่อน ๆ เลย ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ติดต่อหรือพูดคุยทางโทรศัพท์ด้วยอยู่แล้ว จะเจอกันทีก็ที่โรงเรียนอย่างเดียว พอถึงช่วงปิดเทอมก็เลยว้าวุ่นพยายามทำกิจกรรมอะไรที่ทำคนเดียวจนไม่มีอะไรจะทำแล้ว ใจก็ยังว้าวุ่นอยู่ดีสุดท้ายเลยลงเอยด้วยการโทรนัดเพื่อน ๆ มาเที่ยวด้วยกันซะเลย”

เมื่อวิเชียร เด็กหอ ขอมาหล่อแบบ ไม้ ในปิดเทอมใหญ่ฯ

– ตอนที่เล่นเรื่องเด็กหอส่วนมากจะเป็นฉากอารมณ์และจะถ่ายตอนกลางคืนมากกว่า แต่เรื่องนี้จะเป็นเรื่องความรักแบบหวานๆ ทำให้เคิลได้ความรู้สึกไปอีกแบบหนึ่ง ถ้าพูดถึงเรื่องการทำงาน เรื่องนี้ยากกว่า เพราะเวลาถ่ายทำน้อยมากทำให้บางครั้งรู้สึกเครียดเหมือนกัน บทของไม้จะเป็นคนชอบจีบสาว แต่ชีวิตจริงเคิลไม่ใช่เรื่องอื่นอาจจะใช่บ้างแต่ตัวจริงจะเงียบ ๆ มากกว่าคือถ้าไม่สนิทก็จะเงียบหน่อยเพราะไม่รู้จะคุยอะไรดีครับ

มีฉากไหนที่ทำให้รู้สึกตื่นเต้นที่สุด

– คงเป็นฉากที่ต้องเต้นในงานอำลาอาลัยพี่ม.6 ของโรงเรียน เคิลก็พยายามทำเหมือนว่าเราไม่ได้ถ่ายทำอยู่ ต้องคิดว่าเราทำอะไรขำ ๆ รั่ว ๆ อยู่มันจะง่ายขึ้น ซ้อมเต้นก่อนถ่ายทำอยู่ไม่นาน แต่ก็ยากนะเพราะมันจำท่าเต้นไม่ได้ครับ

ฉากที่รู้สึกว่ายากที่สุด

– น่าจะเป็นซีนอารมณ์ตรงสระว่ายน้ำ เป็นฉากที่ไม้เห็นพุกับนานาว่ายน้ำด้วยกัน ถ้าเป็นเพื่อนกันเฉย ๆ คงไม่ได้ไปว่ายน้ำด้วยกัน เหมือนเคิลไม่ได้พูดอะไรเลยแต่ต้องสื่ออารมณ์ออกมาด้วยสายตา ต้องคิดและรู้สึกออกมาจริงๆว่าถ้าเราต้องอยู่ตรงนั้นในสถานการณ์แบบนั้นจะต้องรู้สึกยังไงยากมากครับ

พุกับไม้แตกต่างกันยังไงบ้าง

– พุจะเป็นคนสนุกสนานกว่าไม้ ไม้จะดูนิ่ง ๆ มุขที่พุใช้จีบหญิงก็จะออกแนวขำ ๆ เลี่ยน ๆ แบบพวกคำผวน ส่วนของไม้จะนิ่งๆ เก็กๆ มากกว่า ถ้ามุขที่เคิลจะใช้จีบหญิงในชีวิตจริงคงจะเป็นแบบไม้ที่เคิลรับบทมากกว่า เพราะเคิลคิดมุขแบบพุไม่ได้แน่ ๆ

แพท – อังศุมาลิน สิรภัทรศักดิ์เมธา รับบท นานา

“ปิดเทอมที่ว้าวุ่นใจมากที่สุดคงเป็นช่วงปิดเทอมตอน ม.3 เพราะต้องว้าวุ่นเรื่องหาที่เรียนต่อ ต้องอ่านหนังสือ รวมทั้งอีกใจก็อยากเที่ยว เลยต้องแบ่งเวลาเรียน เวลาอ่านหนังสือ และเวลาเที่ยวอย่างดีเพราะจะเที่ยวมากก็ไม่ได้”

แพท นางเอกใหม่ใสกิ๊ก

– นานาจะเป็นเด็กวัยรุ่นที่มีความสดใสร่าเริง ช่วงปิดเทอมมีโอกาสได้กลับมาอยู่เชียงใหม่ได้เจอเพื่อนเก่า ๆ คือพุกับไม้และทั้งสองคนก็มาจีบโดยที่ไม่รู้ว่าครูประจำชั้นของพวกเขาเป็นแม่ของนานาค่ะ

มีฉากไหนที่รู้สึกยากบ้าง

– ส่วนใหญ่ในบทจะเป็นฉากที่เน้นความสดใสร่าเริงมากกว่า ก็ไม่ค่อยยาก แต่ช่วงเวลาที่ถ่ายทำค่อนข้างจำกัด สมาธิก็จะไม่ค่อยอยู่กับตัวมากเท่าไหร่ ส่วนฉากอารมณ์ก็มีบ้างอย่างฉากที่นัดกันไปเที่ยว แล้วพุกับไม้ไม่มา เราต้องแสดงออกมาว่าไม่เข้าใจว่าเราทำผิดอะไร เป็นฉากที่ต้องใช้อารมณ์นิดหน่อย แรกๆก็กลัวว่าจะทำไม่ได้ พอได้มาแสดงจริง ๆ ก็ชอบค่ะ

พูดถึงแน็ก

– แน็กเขาจะซน ๆ สนุกสนาน ถ้าอารมณ์หนูดร๊อปลงเขาจะเป็นคนช่วยทำหน้าทะเล้น ๆ ให้หนูขำขึ้นมาได้ ส่วนในเรื่องแน็คจะชอบปล่อยมุขคำผวน เราก็จะงง ๆ ถ้ามุขไหนไม่เข้าใจไมเคิลก็จะแปลให้อีกทีตลกดีค่ะ

พูดถึงไมเคิล

– ไมเคิลจะออกแนวเงียบ ๆ หน่อย นิสัยดี ในเรื่องเขาจะคาแร็คเตอร์นิ่ง ๆ เหมือนกัน ชอบทำอะไรที่แปลก ๆ แต่ก็น่ารักดี

ความรักของนานา

– นานาเป็นเด็กที่ค่อนข้างสับสน วุ่นวายใจว่าจะทำยังไงดีถ้าต้องเลือกคนหนึ่งแล้วอีกคนหนึ่งจะต้องเสียใจ เป็นช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตวัยรุ่นที่สับสนและไม่รู้จะทำยังไง ออกแนวน่ารักใส ๆ ค่ะ

ฝากเนื้อฝากตัว

– เรื่องราวของ พุ-ไม้-นานา จะเล่าถึงเพื่อนซี้สองคน ที่แย่งกันจีบผู้หญิง โดยแต่ละคนก็ต่างใช้วิธีจีบต่างกัน ต้องลองมาลุ้นกันว่าใครจะได้ใจนานาไป ถ้าปิดเทอมนี้ยังไม่มีอะไรทำก็อยากให้ไปดูหนังเรื่องปิดเทอมใหญ่หัวใจว้าวุ่นกันค่ะ

โฟกัส จีระกุล (แฟนฉัน) รับบท โอ๋เล็ก

“ช่วงปิดเทอม ม3 ขึ้น ม.4 รู้สึกว่าต้องว้าวุ่นมาก ๆ แน่ เพราะเพื่อน ๆ ที่เคยอยู่ เคยเรียนด้วยกัน ที่สนิทๆกัน ต้องแยกย้ายกันไปเรียนต่อที่อื่น เลยคิดว่าอาจต้องเหงาและว้าวุ่นคิดถึงเพื่อนแน่ ๆ เลย”

น้อยหน่า จ๋า หลีกทางให้ โอ๋เล็กหน่อย

– หนูรับบทโอ๋เล็ก เป็นเด็กที่คลั่งไคล้นักร้องต่างประเทศที่ชื่อตี่ตี๋มาก และพยายามทำทุกอย่างเพื่อจะได้ไปดูคอนเสิร์ตของเขา หลังจากซื้อบัตรมาแล้ว คอนเสิร์ตยกเลิกกระทันหัน ทำให้โอ๋เล็กรู้สึกเสียใจมาก เพราะเป็นคนที่เวลาปลื้มใครจะทุ่มเทมาก ก่อนหน้านี้โอ๋เล็กเตรียมตัวไปดูคอนเสิร์ต ด้วยการไปเรียนภาษาจีนมาเพื่อจะร้องเพลงของตี่ตี๋ให้ได้พอเกิดเหตุการณ์แบบนี้ก็เลยรู้สึกผิดหวังและเสียใจมาก

โฟกัสกับโอ๋เล็กเหมือนกันไหม

– ปกติ โฟกัส จะต๊อง ๆ คล้าย ๆ โอ๋เล็ก แต่ไม่บ้ามากขนาดนั้น จะมีจุดแตกต่างกันคือ โอ๋เล็กจะโตกว่าหนูนิดหน่อย ตัวหนูเองก็เป็นคนปลื้มดาราเหมือนกัน แต่หนูจะเปลี่ยนความปลื้มไปเรื่อย ๆ ตามสถานการณ์ค่ะ

ฉากไหนยากที่สุด

– ซีนที่ต้องร้องไห้หน้ากล้อง VDO ยากมาก เพราะหนูไม่เคยร้องไห้หนักขนาดนี้ แถมยังต้องร้องเพลงไปด้วย ปกติหนูจะไม่ใช่คนเศร้าเลย ส่วนวิธีที่ทำให้หนูร้องไห้คือจะพยายามคิดเรื่องเศร้า ๆ ซึ่งมันยากมากเพราะวันนั้นเนื้อเพลงก็ไม่ได้เข้ากับอารมณ์ที่ต้องเศร้าเลย กว่าจะผ่านฉากนี้ไปได้ ตาบวมไปเลยค่ะ

ชอบฉากไหนมากที่สุด

– ฉากที่ต้องไปกรี๊ดที่สยาม รู้สึกว่าบ้าสุด ๆ แล้ว ไม่เคยทำอะไรที่บ้ามากขนาดนี้มาก่อน ฉากนั้นจะเป็นตอนที่โอ๋เล็กเดินไปเจอรูปตี่ตี๋ ตั้งอยู่หน้าร้านขายซีดี เลยกรี๊ดลั่นสยาม คนที่เดินผ่านไปมาทุกคนก็จะหันมามองว่าคนนี้เป็นอะไร บ้ารึเปล่า ฉากนี้เจอไปหลายเทคเลยเพราะกล้องต้องมารับทุกด้านจำไม่ได้ว่ากี่เทคแต่รู้ว่าเจ็บคอมากค่ะ

ต้องเล่นคู่กับนักแสดงไต้หวันด้วย

– เหว่ยลู เป็นนักแสดงไต้หวัน รับบทเป็นตี่ตี๋ เป็นคนน่ารักมาก พูดภาษาไทยได้นิดดียวคือ สวยกับหล่อ คือถ้าเห็นคนไทยเดินมาเขาจะชมตลอดว่าคนนั้นสวยคนนี้หล่อ ตอนแรกเขาก็ชมหนูนะคะ ก็แอบปลื้มอยู่เหมือนกัน แต่มารู้ทีหลังว่าเขาก็ชมคนอื่นๆ แบบนี้ตลอดเลยจ๋อยเลย

ต้องเรียนภาษาจีนด้วยยากไหม

– ฉากที่โรงเรียนภาษาจีน ส่วนมากจะฟังอาจารย์มากกว่า ซึ่งโอ๋เล็กจะตั้งใจเรียนมาก ๆ และเป็นคนที่สามารถตอบได้ทุกคำถาม ก่อนหน้านี้หนูก็พอรู้ภาษาจีนบ้างนิดหน่อย เพราะที่โรงเรียนบังคับให้เรียนทุกคน แต่ก็ได้เกรดดีนะคะ พอมาถ่ายทำเรื่องนี้ก็เหมือนได้มานั่งเรียนจริงๆอีกครั้ง เพราะครูที่เข้าฉากก็เป็นครูคนจีนจริง ๆ

ต้องเล่นกับตัวตี่ตี๋ที่เป็นรูปไดคัท

– เรื่องมันเริ่มจาก โอ๋เล็ก ไปเห็นไดคัทรูปตี่ตี๋ หน้าร้านขายซีดีที่สยามเลยไปขอเจ้าของร้านมา เพื่อจะเอามาไว้ที่บ้าน ความลำบากคือโอ๋เล็กต้องแบกรูปไดคัทนั้นกลับบ้าน ต้องหอบขึ้นลงรถเมล์ แล้วตัวหนูก็เตี้ยอยู่แค่ประมาณไหล่ของตี่ตี๋เอง ต้องหอบหิ้วไดคัทนี้อยู่เป็นวัน ๆ ที่ยากกว่าก็ตรงที่ต้องเล่นต้องพูดคนเดียวแต่ต้องทำเหมือนคุยกับตี่ตี๋ตัวจริงเหมือนคนเสียสติ เวลาที่ต้องแสดงฉากอารมณ์ต่าง ๆ จะต้องใช้สามาธิสูงมากเพราะไม่มีใครส่งอารมณ์ให้ต้องคิดเองยากที่สุดแล้วค่ะ

มีฉากร้องเพลงภาษาจีนด้วย

– เป็นเพลงที่ต้องฟังหลายรอบมาก และต้องร้องให้ได้เวลาที่ถ่ายทำฉากดูคอนเสิร์ตตี่ตี๋ แถมจะต้องร้องแบบอินจัดด้วย เพลงเพราะดีค่ะ ตอนแรกที่ได้ฟังคิดว่าเป็นเพลงที่มีอยู่แล้ว หนูเพิ่งรู้ว่าเป็นเพลงที่แต่งขึ้นมาใหม่ ร้องยากเหมือนกันใช้เวลาซ้อมนานหน่อยแต่สุดท้ายก็ร้องได้ค่ะ

คิดอย่างไรกับความรักของโอ๋เล็ก

– คิดว่าความรักและพยายามทำทุกอย่างที่โอ๋เล็กมีให้ตี่ตี๋ โดยที่เขาไม่รู้นั้นเป็นความรักที่บริสุทธิ์มากค่ะ

ว่าน – รัชชุ สุระจรัส (Seasons Change) รับบท โจ้

“ช่วงปิดเทอม ม.4 ขึ้น ม.5 เป็นช่วงที่ว้าวุ่นใจ และเสียใจมากที่สุดในโลก เพราะคุณน้าที่สนิทมากที่สุดและเป็นคนที่สอนว่านทุกอย่างเกี่ยวกันดนตรีรวมถึงเป็นโปรดิวเซอร์วง ‘หล่อฮั้งก้วย’ วงดนตรีที่ว่านกับน้าช่วยกันสร้างมากว่า 3 ปี ได้เสียชีวิตลง ทำให้ตอนนั้นรู้สึกไม่อยากจับกีต้าร์อีกเลย จับทีไรก็ร้องไห้ตลอด และคิดว่าจะเลิกเล่นไปเลย จนมาคิดได้ว่า ถ้าเราเลิกเล่นน้าคงเสียใจจึงตัดสินใจเล่นเรื่อยมาจนถึงวันนี้”

จากเพื่อนพระเอกมาดกวนใน Seasons Change มาถึง โจ้ หนุ่มแสนดี ในปิดเทอมใหญ่ฯ

– ผมรับบทเป็นโจ้ และเล่นคู่กับซีที่รับบทโดยต่าย-ชุติมา เราสองคนรู้จักกันมาก่อนอยู่แล้ว พอได้มาแสดงหนังคู่กันก็มีเขินนิดหน่อยครับ หนังเรื่องนี้ผมต้องรับผิดชอบมากขึ้น เพราะโจ้มีซีนที่ต้องแสดงอารมณ์เยอะ ผมต้องรู้ว่าโจ้ต้องการอะไรในแต่ละการกระทำของเขาเพื่อที่จะสื่อออกมาให้คนดูรู้สึกไปกับเขาให้ได้ จะว่าไปแล้วก็ต่างจากเรื่อง Seasons Change มากเหมือนกันครับ เพราะเรื่องนั้นเหมือนเราแสดงจากความเป็นตัวเอง ทำให้ไม่เขินที่จะแสดงออกมา แต่เรื่องนี้ถึงแนวคิดของโจ้จะคล้ายกับว่านบ้าง แต่การแสดงออกจะไม่เหมือนกัน โจ้จะมีวิธีของโจ้ที่บางอย่างว่านคงไม่ทำในชีวิตจริงแน่ ทำให้รู้สึกเขินเวลาที่ต้องแสดงออกมา แต่ก็พยายามคิดว่าตอนนี้เราเป็นโจ้อยู่จะทำให้การทำงานง่ายขึ้นครับ

ฉากโหดที่ไม่อาจลืม

– เป็นฉากที่ต้องร้องไห้ในห้องน้ำ เพราะเจอเรื่องราวที่ไม่สามารถทำอะไรได้แล้วจนต้องร้องไห้ออกมา มันยากเพราะต้องคิดว่าอารมณ์เสียใจที่ออกมาจากข้างในมันเป็นยังไง ใช้เวลาถ่ายทำอยู่ 6 ชั่วโมง หนักมาก แต่ในฉากนี้จะมีการเปิดเพลงเพื่อช่วยบิ๊วอารมณ์ด้วย เป็นเพลงของพี่หมูซึ่งเป็นคนเขียนบทเรื่องเพื่อนสนิทแต่งขึ้น ชื่อเพลง “ว่าแล้ว” โดนใจมาก ที่สำคัญว่านกับเพื่อน ๆ ในวงมีโอกาสได้อะเรนจ์เพลงนี้ขึ้นมาเพื่อใช้ในหนังด้วยต้องรอฟังกันครับว่าจะซึ้งโดนใจขนาดไหน

ความรักของโจ้กับซี

– เป็นความรักของเพื่อนที่แอบรักเพื่อนในกลุ่มเดียวกัน แต่เป็นการแอบรักข้างเดียว พยายามทำทุกอย่างให้อีกฝ่ายชอบ แต่อีกฝ่ายกลับรู้สึกว่ามันไม่เวิร์คก็เป็นความรักอีกมุมมองที่อาจทำให้หลายคนจี๊ดได้เหมือนกันนะ

เพลงประกอบในหนัง

– ตอนนี้ว่านมีวงชื่อ “เลดี้ คิลเลอร์” ทำอยู่กับพี่พลุและเพื่อนอีก 2 คน พวกเรามีโอกาสได้ทำเพลง ประกอบหนังเรื่องนี้ 2 เพลง คือ “เพลงลอยนวล” กับ “เพลงว่าแล้ว” ตอนแรกพี่ย้งไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับเพลงว่าแล้ว เพราะมันถูกแต่งมาประมาณ 10 ปีแล้ว เก่ามาก วงว่านก็เลยได้การบ้านมาทำ พวกเราได้พี่แด๊คที่แต่ง “เพลงถ้าในโลกนี้ไม่มี” และ “เพลงอย่าเสียเวลาดีกว่า” ของอัลบั้ม D.I.Y. มาช่วย

– เพลงลอยนวล เนื้อเพลงจะพูดถึงเรื่องราวความรักของพุ-ไม้และนานา เนื้อเพลงประมาณว่า เธอทำให้หัวใจฉันร้องดังชูบีดูวับบับ เมื่อได้เจอกันทุกครั้งก็มีความสุข ฉันจะปล่อยเธอทิ้งไปได้ยังไง ถ้าไม่ทำอะไรก็คงไม่ได้แล้ว อะไรประมาณนี้น่ารักดีครับต้องลองไปฟังในหนัง

– ส่วนเพลงว่าแล้ว เป็นเพลงที่เข้ากับความรักของโจ้และซี เพลงจะมีเนื้อหาประมาณว่า ในวันนั้นไม่ควรพูดความในใจที่เธอยังไม่อยากรู้ เพลงนี้จะซึ้ง ๆ หน่อยแต่ได้อารมณ์สุด ๆ ครับ

อยากให้คนที่ได้ดูรู้สึกอย่างไรกับหนัง

– อย่างน้อยคนที่ได้ดูก็น่าจะโดนใจซักเรื่องกับ 4 รูปแบบความรัก และน่าจะออกจากโรงหนังมาด้วยความยิ้มแย้มและเต็มอิ่มกับสิ่งที่พวกเราตั้งใจทำ เรื่องราวที่ทุกคนน่าจะเคยผ่านมาในช่วงปิดเทอม หรือความรักรูปแบบใหม่ที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยเจอแต่เชื่อเถอะครับว่าทุกคนจะมีความสุขเมื่อได้ดูหนังเรื่องนี้

ต่าย – ชุติมา ทีปะนาถ (Seasons Change) รับบท ซี

“ช่วงจบ ม.6 เป็นช่วงที่ว้าวุ่นเรื่องการสอบเข้ามหาวิทยาลัยมากที่สุด เพราะต้องสมัครสอบ ทำพอร์ทผลงานตัวเอง ต้องเตรียมตัวซ้อมการแสดง เพื่อไปสอบกับทางมหา’ลัย ต้องเตรียมเอกสารทุกอย่าง ช่วงนั้นก็พยายามจัดเวลา ทั้งอ่านหนังสือ ทั้งซ้อมแอ็คติ้ง ทำสมาธิเตรียมตอบคำถามให้ดีที่สุดเพื่อให้ทุกอย่างสำเร็จและสมบูรณ์ที่สุด”

อ้อม สาวห้าวผู้รักดนตรี ปิดเทอมนี้ ขอเป็นซี สาวซ่าประจำมหาวิทยาลัย

– ซี เป็นคนที่ดูห้าว ๆ สามารถเล่นตบหัวกับเพื่อนผู้ชายได้แบบไม่เคอะเขิน เป็นคนตรง ๆ ขี้เล่นสดใสร่าเริงสมวัย ซีกับโจ้เป็นเพื่อนที่เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน และเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน ในเรื่องโจ้จะแอบชอบซีและพยายามทำทุกอย่างที่จะแสดงความรักออกมา แต่โจ้จะต่างจากเพื่อน ๆ ตรงที่จะเป็นเด็กเรียน แว่นหนา และมักจะมีวิธีบอกรักแบบแปลก ๆ คือพอไปเจอแรงบันดาลใจอะไรก็จะพยายามเอามาใช้กับตัวเอง เช่นดูหนังแล้วเจอวิธีการบอกรักก็จะเอามาใช้ พอไปต่างจังหวัดเจอร้านขายข้ามหลาม ป้ายหน้าร้านเขียนไว้ว่า ซื้อฝากคนที่คุณรัก โจ้ก็จะซื้อข้าวหลามกลับมาฝากซี ซึ่งเป็นวิธีที่คนทั่วไปไม่ทำกันแต่โจ้จะถนัดมุมนี้มาก

ฉากประทับใจ

– คือฉากปาร์ตี้หลังสอบเสร็จกับฉากปาร์ตี้วันเกิด สนุกดีเพราะเหมือนเป็นวันเกิดเราจริง ๆ ได้เต้นกับเพื่อน ๆ สนุกมากเหมือนได้พักผ่อนไปในตัว

ความรักในแบบของโจ้-ซี

– จะพูดถึงมุมมองของคนที่ไปแอบรักใครข้างเดียว ถ้าเป็นรักแบบคลั่งไคล้ดารา หรือรักรุ่นพี่ มันก็ยังง่ายกว่า แต่ความรักแบบเพื่อนรักเพื่อน ที่เป็นเพื่อนกันมานานแล้ว เพิ่งมารู้สึกรักจะทำยังไงดี มันลำบากใจมากกว่า เพราะไม่รู้ว่าเขาจะคิดยังไง ถ้าเราบอกรักเขาไปแล้วเขาจะเลิกคบเราเป็นเพื่อนหรือเปล่า มันว้าวุ่นใจเหมือนกันนะ ปิดเทอมใหญ่หัวใจว้าวุ่น น่าจะถูกใจใครหลาย ๆ คนที่เคยมีความรัก ซึ่งเรื่องนี้รวมความรักไว้หลายแบบ เราอาจจะเคยมีความรักแบบนั้นหรือเคยเจอปัญหาเดียวกันกับความรักในเรื่อง ก็อาจจะเอาวิธีน่ารัก ๆ ในเรื่องมาใช้ได้ค่ะ

เต๋อ – ฉันทวิชช์ ธนะเสวี รับบท เหิร

“รู้สึกว้าวุ่นตอนปิดเทอมปี 4 มาก เพราะรู้สึกว่าตัวเองเคว้งคว้างไม่รู้จะทำอะไรต่อไปดี มันเหมือนหมดช่วงชีวิตในการเรียนแล้ว ต้องมาถึงวัยทำงานซักที ว้าวุ่นมากว่าเราจะสามารถใช้สิ่งที่เรียนมา มาใช้ในการทำงานได้หรือเปล่า หรือว่าจะมีงานอะไรให้เราทำได้บ้างเป็นช่วงเวลาที่ว้าวุ่นมากที่สุด”

พระเอกเอ็มวี เจ้าพ่อโฆษณา ปิดเทอมนี้ ผมขอเป็นพระเอกหนังซักที

– เหิรจะเป็นคนร่าเริงสนุกสนาน มีเพื่อนเยอะ ชอบอยู่กับเพื่อน แต่เป็นคนที่ไม่ค่อยแสดงออกเรื่องความรักและความโรแมนติก จะทำเนียนๆกลบเกลื่อนไป เหิรเป็นแฟนกับนวล พอนวลไปฝึกงานต่างจังหวัด เหิรก็คิดจะนั่งรถไฟไปเซอร์ไพรส์ ระหว่างทางที่นั่งไปก็เจอผู้หญิงญี่ปุ่นคนหนึ่งบนรถไฟ ซึ่งเหิรดันเป็นพวกคลั่งไคล้ผู้หญิงญี่ปุ่นเป็นทุนอยู่แล้ว ก็เลยตกลงไปในห้วงแห่งความโนเนะของเจ้าหล่อน เมื่อเธอเอ่ยปากชวนให้ไปเที่ยวงาน Full Moon ด้วยกัน เหิรตกลงปลงใจแบบไม่ต้องคิด ไอ้ที่คิดมากก็เรื่องที่ต้องปิดนวลนี่แหละครับเรื่องราวต่าง ๆ ก็เกิดขึ้นมากมาย

เล่นหนังครั้งแรกเป็นอย่างไรบ้าง

– ก่อนหน้านี้ผมเคยเล่น MV. และ งานโฆษณามาก่อนอยู่แล้ว พอได้มาเล่นหนังรู้สึกว่ามันยากมาก เพราะหนังต้องมีการพัฒนาการตั้งแต่ต้นมาเรื่อย ๆ รู้สึกเครียดเหมือนกัน ตอนแรกก่อนที่จะได้เล่นหนังเรื่องนี้ ผมรู้สึกว่าผมกับเหิรคล้ายกันมาก เป็นคนตลก สนุกสนาน เป็นตัวโจ๊กของกลุ่ม แต่พอได้ลองอ่านบทและคุยบทไปเรื่อย ๆ เริ่มรู้สึกว่ามันไม่ค่อยจะเหมือน ยิ่งเรื่องความรักก็จะต่างกันมาก การแสดงออกไม่เหมือนกันเลยแม้แต่นิดเดียว พอเล่นไปซักพักก็จะเริ่มเข้าใจตัวละครมากขึ้น เริ่มปรับได้ ผมเป็นคนถ้ารักใครชอบใครจะแสดงออกมาให้เห็นเลย ถ้ามีแฟนก็จะจับมือกันเวลาไปไหนมาไหน ส่วนตัวเหิรจะไม่พูด ชอบทำเนียน ๆ ตลก ๆ ไปเก็บความรู้สึกไว้

ฉากที่สนุกที่สุด

– คงเป็นฉากที่ไปถ่ายที่เกาะพะงัน เป็นฉากที่ผมกับนักแสดงญี่ปุ่นอยู่ในงาน Full Moon ที่สนุกมากเพราะวันนั้นเป็นงาน Full Moon จริง ๆ บรรยากาศก็พาไป มีคนเยอะแยะ พอถ่ายเสร็จก็ยิ่งสนุกเพราะทุกคนจะมาเต้น มาเล่นด้วยกันหมด

ฉากที่ยากที่สุด

– เรื่องของเหิรจะเกี่ยวกับการเดินทางบนรถไฟซะส่วนใหญ่ ตอนแรกที่ถ่ายก็รู้สึกยากเพราะมันแคบ และเสียงดังมาก ต้องมีการอัดเสียงเพิ่ม วันนั้นเป็นวันที่ผมถ่ายช่วงแรก ๆ เลย ยังไม่เคยเล่นหนังที่เป็นบทจริงจังมาก่อน มันต้องใช้สมาธิเยอะ เพราะเราไม่สามารถถ่ายทำหลายเทคบนรถไฟได้ มันต้องมีเวลาออกของรถไฟ ระบบการทำงานก็จะเป็นแบบเวลาที่รถไฟวิ่งก็จะถ่ายผมนั่งคุยในฉาก เวลารถไฟหยุดทีมงานก็จะดูวิวข้าง ๆ ถ่ายเก็บบรรยากาศไป เป็นการทำงานที่รีบมากไม่ได้พักเลย ตั้งแต่ 6 โมงถึง 2 ทุ่มเรียกว่าตะลุยถ่ายกันทรหดมากครับ

ความรักของนวลกับเหิร

– มีฉากหนึ่งที่นวลต้องเดินทางไปฝึกงานแล้วเราก็คิดถึงเขามาก แต่เพราะเป็นคนไม่แสดงออกอยู่แล้ว สิ่งที่เหิรทำคือโทรหานวลและเล่นกีตาร์ให้ฟัง เพลงที่เลือกมาเล่นเป็นเพลงรักโลกาภิวัฒน์ ที่เคยเป็นเพลงประกอบหนังเรื่องโอเนกกาทีฟ ซึ่งเป็นหนังเรื่องแรกที่เหิรกับนวลไปดูด้วยกัน ก็เป็นอารมณ์โรแมนติกของชายหนุ่มที่ไม่ค่อยแสดงออกเรื่องความรักที่ผมว่าน่ารักไปอีกแบบ

จุก – ธนิยา อำมฤตโชติ รับบท นวล

“ตอนปิดเทอมปี 1 ขึ้น ปี 2 ว้าวุ่นใจมากเรื่องการแต่งชุดนักศึกษา เพราะตอนอยู่ปี 1 นักศึกษาทุกคนจะแต่งตัวเหมือนกันหมดคือกระโปรงสุ่มยาวและรองเท้าคัชชูสีขาว แต่พอขึ้นปี 2 สามารถแต่งอะไรก็ได้ เลยอยากแต่งตัวมากขึ้น จนเกิดอาการว้าวุ่นใจว่าจะแต่งตัวอย่างไรดี เลยต้องหาซื้อทั้งกระโปรง รองเท้าและกระเป๋ามาใหม่ยกใหญ่”

นวล ดีเจสาวหน้าหวาน ผู้มั่นคงในรัก

– จุก-ธนิยา อำมฤตโชติ รับบทเป็นนวล ค่ะ นวลเป็นคนที่ค่อนข้างมั่นคงในความรัก ดูเผิน ๆ จะเรียบร้อย หวาน ๆ แต่จริง ๆ แล้วก็เข็มแข็งและอ่อนไหวง่ายในขณะเดียวกัน นวลเป็นนิสิตคณะนิเทศศาสตร์ และมีแฟนที่คบมานาน 3 -4 ปี ชื่อเหิร ในเรื่องนวลต้องไปฝึกงานที่สถานีวิทยุแห่งหนึ่งในจังหวัดตรัง หลังจากนั้นเหิรก็อยากทำเซอร์ไพรส์ด้วยการแอบมาหาก่อนถึงวันครบรอบที่คบกันมา 3 ปี แต่ระหว่างการเดินทางของเหิร เกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ ขึ้นมากมาย

แสดงเรื่องแรกเป็นอย่างไรบ้าง

– ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีมากค่ะ บทที่ได้รับก็ถือว่าไม่ไกลตัวมากนัก เหมือนกับตัวเองเกือบหมด นวลจะเรีบยร้อยกว่าจุก แต่จุกจะอารมณ์ร้อนกว่านิดหนึ่ง ถ้าไม่พอใจอะไรก็จะโวยบ้าง นวลจะค่อนข้างเชื่อมั่นในตัวแฟนมาก แต่จุกไม่ขนาดนั้น

รูปแบบความรักของนวลกับเหิร

– เป็นความรักที่อยู่ระหว่างความรักแบบเด็กเชื่อมไปถึงความรักแบบผู้ใหญ่ คือพอโตแล้วความรักจะค่อนข้างมีมุมของความรับผิดชอบมากขึ้น ต้องการความมั่นคงมากขึ้น ค่อนข้างไว้ใจกัน และคบกันเพื่ออนาคตเลย คนที่ได้ดูหนังเรื่องนี้นอกจากความสนุกแล้วจะได้มุมมองของความรักในมุมอื่น ๆ บ้าง เพราะแต่ละคนก็คงเคยผ่านมุมมองความรักมาไม่เหมือนกันหรือมุมมองความรักที่ไม่เคยเจอมาก่อนด้วย

 

  

Share this article :

แสดงความคิดเห็น