Home » » ฝันโคตร โคตร

ฝันโคตร โคตร


หลายคน…เคยฝัน

หลายคน…เคยรัก

แล้ว “รัก” กับ “ฝัน” ไปด้วยกันได้หรือเปล่า??

แล้วถ้า “เขา” และ “เธอ” ที่มีกายและใจต่างขั้วมาพบกัน

คนหนึ่ง….ฝันที่จะรัก คนหนึ่ง….รักที่จะฝัน

เรื่องราวเลิฟเลิฟน่าหยิกของดอกฟ้ากับนายกระจอกจึงเริ่มต้นขึ้น

แล้วคุณจะเชื่อว่า “ความรัก” กับ “ความฝัน” มันไปด้วยกันได้

 เรื่องย่อ

สวัสดีครับ…ผมมีชื่อว่า ไอ้ด่าง อายุอานามไม่เท่าไหร่ก็ประมาณ 40 กว่าๆเอง ผมมีอาชีพเป็นนักแสดงข้างถนนทำให้คนสนุกสนานไปวันๆ ก็เพราะไม่รู้ว่าจะทำอะไรอย่างอื่นได้…เพราะผมมันแก่แล้ว

ส่วนเรื่องความรักไม่ต้องพูดถึง ผมไม่ศรัทธาในความรักอีกแล้วตั้งแต่เมียตาย ความรักมันก็แค่อัตราแลกเปลี่ยน…หรือใครจะเถียง

จนเหมือนฟ้าส่งผู้หญิงคนหนึ่งมาคัดค้านความคิดของผม เธอชื่อว่า เปิ้ล หน้าตาก็งั้นๆ นะ ก็แค่เป็นนักแสดงยอดนิยมของประเทศเท่านั้นเอง แต่นิสัยอย่าให้พูด ทั้งเอาแต่ใจ เจอผมยังไม่ทันไรก็ทั้งโขกทั้งสับ แถมยังเถียงคอเป็นเอ็นว่ารักแท้ รักที่ไม่ต้องการอะไรตอบแทนมันมีอยู่จริง

แล้วตั้งแต่นั้นผมกับเปิ้ลก็ต้องมาติดแหงกอยู่ด้วยกันจนเกิดอาการเลิฟเลิฟ แบบไม่น่าเป็นไปได้

ราวกับว่านี่เป็นความฝันในความรัก เอ๊ย…หรือจะเป็นความรักในความฝันกันแน่

แล้วแบบนี้ความรักครั้งนี้ของผมกับเปิ้ลจะเป็นจริงได้ไงเนี่ย…เฮ้ออออออออ

นักแสดง:
พิง ลำพระเพลิง          
ภาวิณี วิริยะชัยกิจ

ทีมงานสร้าง : โรแมนติก-คอเมดี้ (แนวภาพยนตร์) / สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล (บริษัทผู้สร้าง-จัดจำหน่าย) / บาแรมยู (บริษัทดำเนินงานสร้าง) / สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ (อำนวยการสร้างฝ่ายบริหาร) / ปรัชญา ปิ่นแก้ว, สุกัญญา วงศ์สถาปัตย์ (ควบคุมงานสร้าง) / ศิตา วอสเบียน (ดำเนินงานสร้าง) / พิง ลำพระเพลิง (ผู้กำกับภาพยนตร์) / พิง ลำพระเพลิง (เรื่อง-บทภาพยนตร์) / / ประยุกต์ ศรีทองกุล (กำกับภาพ) / ถิรนันท์ จันทคัต (กำกับศิลป์) / ธวัช ศิริพงศ์ (ลำดับภาพ) / ปัญชลี ปิ่นทอง (ออกแบบเครื่องแต่งกาย) / บริษัท สยามพัฒนาฟิล์ม (ฟิล์มแล็บ) / ห้องบันทึกเสียงรามอินทรา (บันทึกเสียง) / บริษัท ซีอาล็อต จำกัด (ดนตรีประกอบ)

 

เกร็ดภาพยนตร์

…ห่างหายจากผลงานล่าสุดไปเกือบ 3 ปี สำหรับผู้กำกับที่ทำหนังเรียกน้ำตาแห่งความซึ้งอันดับต้นๆ ของเมืองไทย “พิง ลำพระเพลิง” ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีผลงานกำกับมาแล้ว 2 เรื่องคือหนังโรแมนติกสุดซึ้งแห่งปี พ.ศ. 2549 ที่อยู่ในใจของใครหลายคนอย่าง “โคตรรักเอ็งเลย” ที่ตอกย้ำความสามารถในการเขียนบทรวมไปถึงการกำกับแสดงที่มีอยู่อย่างเต็ม เปี่ยมในตัวผู้ชายคนนี้ ก่อนจะสานต่อด้วยหนังครบรสที่เรียกรอยยิ้มและน้ำตาอย่าง “คนหิ้วหัว”

…และล่าสุดกับผลงานหนังเรื่องใหม่ที่ว่ากันว่ามาจากก้นบึ้งของหัวใจของชาย ชื่อ “พิง” โดยเป็นการสานต่อความโรแมนติกสุดซึ้งจาก “โคตรรักเอ็งเลย”

…โดยผลงานหนังเรื่องใหม่นี้มีชื่อว่า “ฝันโคตรโคตร” ที่อยู่ในไลน์อัพ “ความรัก-ความศรัทธา-ความฝัน-ความเชื่อ” ซึ่งผลงานเรื่องใหม่นี้อยู่ในธีม “ความฝัน” ซึ่งหลายคนที่ได้มีโอกาสอ่านบทเรื่องนี้ต่างฟันธงว่านี่คือ โคตรรักภาคสอง เลยทีเดียว

…รวมไปถึงการคว้าเอานักแสดงหน้าใหม่ “มิลค์-ภาวิณี วิริยะชัยกิจ” เจ้าของตำแหน่ง spy girl 2008 ที่มาพร้อมกับฝีมือที่ไม่ธรรมดาบวกกับเสน่ห์ที่พร้อมให้คุณตกหลุมรัก ซึ่งงานนี้การันตีได้ว่า “ฝันโคตรโคตร” จะทำให้หัวใจของคุณอบอวลไปกับความรักในสไตล์ของผู้ชายชื่อพิงอย่างแน่นอน

รายละเอียดงานสร้าง

…หลายคนอาจเคยมีฝัน หลายคนอาจเคยมีรัก เช่นเดียวกันกับผู้ชายมากความสามารถที่ชื่อว่า “พิง ลำพระเพลิง” ที่ตลอดระยะเวลา 40 ปีกว่านิด…นิด…ของเขาได้ผ่านการล้มลุก…คลุกคลาน…ฮึดสู้…ยืนหยัด เพื่อ “ความฝัน” กับ “ความรัก” มาอย่างโชกโชน ทั้งในพาร์ทความฝันที่เขาก้าวจากจุดเริ่มต้นมาสู่จุดมุ่งหมายที่เคยวาดหวังไว้ ทั้งในฐานะนักแสดงที่สร้างความสุขให้กับคนดู นักเขียนบทหนัง, ละคร, หนังสือ ที่เนรมิตตัวอักษรมาเป็นเรื่องราวยอดนิยม ผู้กำกับหนังที่กลั่นกรองเรื่องราวจากก้นบึ้งในหัวใจมาถ่ายทอดให้คนอินไปกับเรื่องราวได้ หรือจะเป็นพาร์ทความรักที่เขาก้าวผ่านทุกกระบวนการของมันมาแล้ว ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาจะถูกหลอมรวมมาเป็นผลงานถาพยนตร์ลำดับที่สาม “ฝันโคตรโคตร” ซึ่งนายพิงได้พูดถึงที่มาของผลงานเรื่องนี้ว่า

“สำหรับภาพยนตร์เรื่องฝันโคตรโคตร เป็นเรื่องที่สามในไลน์อัพสี่เรื่อง เรื่องแรกความรักก็ โคตรรักเอ็งเลย ทำไปแล้ว เรื่องที่สองเป็นความศรัทธา คนหิ้วหัว ทำไปแล้ว เรื่องนี้ ฝันโคตรโคตร เป็นเรื่องที่สามในไลน์อัพ คือเป็นเรื่องเกี่ยวกับความฝัน สำหรับแรงบันดาลใจเกี่ยวกับเรื่องฝันโคตรโคตร คือมาจากเรื่องโคตรรักเอ็งเลย คือในหนังเรื่องนี้เป็นเหมือนจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดในโคตรรักฯ แล้วก็มีกลิ่นอายและอะไรบางอย่างที่เชื่อมโยงกันอยู่ บวกกับประเด็นของเรื่องราวความรักความฝันที่เราหยิบจับมาจากประสบการณ์ที่เราเคยผ่านมา ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นของภาพยนตร์เรื่องใหม่นี้”

…จากมุมมองความรักที่ พิง ลำพระเพลิง ก้าวข้ามมาทุกเสต็ปจากชีวิตจริงของเขา จนกลายมาเป็นพล็อตเรื่องที่กลายเป็นเรื่องราวที่คนดูสามารถจับต้องได้ ทั้งจากตอนที่ทำ “โคตรรักเอ็งเลย” ที่เขาหยิบเรื่องราวความรักของคู่สามี-ภรรยาที่อยู่กันมา 7 ปีจนถึงจุดที่เกิดคำถามว่า “ทนอยู่ หรือ อยู่ทน” หรือจะเป็นผลงานเรื่องที่สอง “คนหิ้วหัว” ที่ว่าด้วยประเด็นแรงศรัทธาของความรักที่ความตายก็ไม่อาจขวาง จนมาถึง “ฝันโคตรโคตร” ที่พิงได้หยิบเอาเรื่องราวความรักจากก้นบึ้งในหัวใจมาถ่ายทอดอีกครั้ง

“ประเด็นที่จับมาเล่นในฝันโคตรฯเนี่ย ถึงแม้ว่าเราจะเล่าเรื่องความฝันของคนคนหนึ่ง แต่ที่ครอบคลุมทั้งเรื่องเนี่ยก็คือความรักอยู่ดี ผมรู้สึกว่านิยามความรักของมนุษย์แต่ละคนแตกต่างกันไปนะครับ ถ้าเราจับเอาคนสองคนที่มีนิยามความรักแต่งต่างกันอย่างสุดขั้วเนี่ยมาอยู่ด้วยกันมันน่าจะน่าสนใจ คือไอ้ด่างมันมีความเชื่อว่าความรักคืออัตราแลกเปลี่ยนอีกสกุลนึงเท่านั้นเอง คิดว่าความรักไม่มีจริงหรอก ไม่มีมนุษย์คนไหนจะรักคนที่เห็นแก่ตัวได้ตลอดไปไม่มีมนุษย์คนไหนจะให้ๆๆๆ ได้ตลอดไป ไอ้ด่างเนี่ยไม่เชื่อว่าความรักคือการให้ ในขณะเดียวกันในเปิ้ล เป็นผู้หญิงที่ศรัทธาในความรักมากแล้วก็เชื่อว่าความรักคือการให้ เชื่อว่าความรักมีอยู่จริงนะครับ เพราะฉะนั้นเมื่อคนนึงไม่เชื่อในความรัก กับอีกคนนึงเชื่อในความรักมาเจอกัน ผมว่ามันเป็นปมความรักที่น่าสนใจ เพราะในโลกใบนี้มีทั้งคนที่คิดแบบไอ้ด่างและเปิ้ลอยู่”

 

…อย่างที่ทราบกันดีว่า พิง ลำพระเพลิง ถือเป็นมือเขียนบทฝีมือฉกาจคนหนึ่งในวงการหนังไทย ถ้าไม่นับผลงานกำกับของตัวเอง เขาก็ได้เข้าไปมีบทบาทในการเขียนบทให้คนอื่นมากมายหลายต่อหลายเรื่อง ซึ่งผลงานเรื่องฝันโคตรโคตรเขาก็ยังรับหน้าที่เขียนบทหนังเรื่องนี้เองกับมือ นอกจากเครดิตในส่วนของผู้กำกับและนักแสดงนำ ไม่ใช่ว่าไม่ไว้ใจใคร แต่มันเป็นเพราะคงไม่มีใครถ่ายทอดเรื่องราวความรักความฝันในครั้งนี้ ได้ดีไปกว่าเขาอีกแล้ว

“ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อใจให้คนอื่นมาเขียนนะ แต่อย่างที่ผมบอกตลอดคือ ผมทำหนังจากปมด้อยของตัวเอง เราใส่มุมมองความคิด มุมมองความรักมาจากตัวเรา เรื่องของเวลาในการทำบทเรื่องนี้ก็ไม่ต่างจากสองเรื่องแรก คือเรื่องของเวลาแค่ห้าวัน แต่ถ้าการรวมแรงบันดาลใจทั้งหมดเรื่องนี้คงนานที่สุดแล้วในชีวิต จะบอกผมใช้เวลาเขียนบทหนังเรื่องนี้ประมาณสี่สิบปีก็ได้นะ จากประสบการณ์ในชีวิตที่ผมผ่านมาทั้งหมด อย่างเรื่องอื่นเขียนเร็วมากเลยนะ อย่างโคตรรักฯ ผมเขียนห้าวันใช่ไหม แต่เรื่องนี้ผมใช้เวลาสะสมประสบการณ์มาสี่สิบปีนะ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้มันจบในหัวแล้วไง จบในหัวแล้ว พอเปิดไฟล์คอมพิวเตอร์เริ่มเขียนก็คือซัดตู้มๆๆๆ เลย ไม่ทำอย่างอื่นเลยเขียนบทอย่างเดียวเลยอ่ะ คือเขียนบทแค่ห้าวันแต่กลั่นมาจากวัยสี่สิบนิดๆ ของผมครับ”

…ถ้าถามถึงอารมณ์และบรรยากาศของหนัง ที่นอกจากจะขายความเป็นโรแมนติก-คอเมดี้ ในสไตล์ของ พิง ลำพระเพลิง แล้วนั้น หลายคนคงอยากรู้ว่าผลงานเรื่องใหม่นี้จะให้ความรู้สึกถึงความซาบซึ้งกินใจ หรือจะเป็นการได้อมยิ้มทั้งน้ำตา เหมือนเดิมอีกหรือเปล่า หรือว่าจะมีลูกเล่นอะไรแปลกใหม่ซ่อนอยู่ให้คนดูได้เซอร์ไพร้ซ์เหมือนที่เคยมีมาหรือเปล่า

“หนังเรื่องนี้ยังเป็นหนังสไตล์พิง ลำพระเพลิงเหมือนเดิมเลย คือมันยังคงเป็นหนังที่กำหนดยีนส์ ไม่ได้ว่ามันจะเป็นหนังรัก มันจะเป็นหนังชีวิต มันจะเป็นหนังดราม่า หนังตลก สรุปตอบก็คือว่าหนังเรื่องนี้จะเป็นหนังครบรสเหมือนเดิมเป็นหนังที่กำหนดยีนส์ไม่ได้ ที่ต่างคือวิธีการเล่าเรื่อง และการเล่นกับความรู้สึกคนดู คือเรื่องนี้เราจะไม่ไปบีบหรือเค้นอารมณ์คนเท่าไหร่ เหมือนกับว่าเราทำหนังด้วยความเข้าใจมากขึ้น อย่างโคตรรักหรือคนหิ้วหัวเนี่ย เหมือนเราไปเขย่าคอคนดูให้ร้องไห้ แต่หนังเรื่องนี้เรารู้สึกว่าเราปล่อยให้คนดูค่อยๆ รู้จักตัวละครไปเรื่อยๆ แล้วพอคนดูเขาอยากร้องก็ให้เขาร้องออกมา แต่ผมเชื่อว่าถ้าเขาเข้าใจนางเอก เขาใจตัวพระเอก เขาจะเศร้าไปกับชีวิตของสองคนนี้เอง”

…หลายคนคงสงสัยว่าจุดที่เชื่อมโยงระหว่าง “ฝันโคตรโคตร” กับ “โคตรรักเอ็งเลย” ผลงานเรื่องแรกและเรื่องล่าสุดของเขานั่นคืออะไรกัน ซึ่งเจ้าตัวยืนยันเลยว่านี่ไม่ใช่หนังภาคต่อ แต่สิ่งที่สอดคล้องคือการพูดถึงมุมมองความรักของคนสองคนที่ต่างกัน รวมไปถึงเรื่องราวความรักในความทรงจำจากหัวใจพิง ลำพระเพลิง ที่ถูกหยิบมาเล่าผ่านตัวละครในหนังอีกครั้ง ในหนังเรื่องนี้

“จริงๆ ยังไม่อยากบอกเลยว่าอะไรที่เป็นสิ่งเชื่อมโยงกัน แต่ที่แน่ๆ ถ่าใครได้ดูเรื่องนี้จะมีกลิ่นอะไรบางอย่างปลิวเข้าไปในจมูกและหัวใจของคุณเหมือนกับความรู้สึกที่เกิดขึ้นตอนดูโคตรรักฯ คือพาร์ทความรักของทั้งสองเรื่องมาจากประสบการณ์ความรักที่ผมเคยสัมผัส อย่างคนหิ้วหัวอาจจะดูเป็นความรักที่ดูจินตนาการ ดูเหลือเชื่อ แต่ความเป็นเลิฟสตอรี่ในฝันโคตรโคตรมันมาจากประสบการณ์ของหัวใจผม แล้วนอกจากพาร์ทเรื่องความรักความฝันที่สวนทางกันระหว่างไอ้ด่างกับเปิ้ลแล้วเนี่ย หนังเรื่องนี้อาจผลักดันให้ทุกคนทำตามฝัน อาจมีใครบางคนเดินมาหาเรา แล้วบอกว่าพี่พิงที่ผมเป็นอย่างทุกวันนี้เพราะว่าหนังเรื่องนี้นะพี่ หนังจะบอกว่าคุณจะทำฝันอะไรคุณทำไปเลยนะ จะได้หรือไม่ได้คุณทำไปเลย คุณจะได้ไม่เสียใจว่าทำไมเราถึงไม่ทำตามฝัน เหมือนครั้งหนึ่งเราดูหนังของพี่อังเคิลเรื่องฉลุย แล้วได้แรงบันดาลใจ เหมือนกับว่ามันสามารถไปกระทบใจคนได้ อยากให้คนที่ได้ดูเรื่องฝันโคตรโคตร แล้วเอาไปเป็นแรงผลักดันที่จะทำตามความฝัน”

 

คาแร็คเตอร์

พิง ลำพระเพลิง (รับบทเป็น ไอ้ด่าง) – นักแสดงข้างถนนธรรมดาที่เต็มไปด้วยความฝัน ไอ้ด่างเชื่อมั่นเหลือเกินว่า ในโลกนี้ไม่มีผู้หญิงที่พร้อมจะรักผู้ชายคนหนึ่งอย่างหมดใจ เพราะสำหรับเขาแล้วความรักไม่ต่างอะไรกับอัตราแลกเปลี่ยน ที่ต่างมีสิ่งตอบแทนในกันและกัน จนวันหนึ่งที่เขาได้เจอกับเปิ้ล ผู้หญิงที่นำเอาความฝันและความรักมาเติมเต็มให้กับเขา

 

มิลค์-ภาวิณี วิริยะชัยกิจ (รับบทเป็น เปิ้ล) – นักแสดงสาวชื่อดังผู้มีทุกอย่างที่ผู้ชายบนโลกนี้ต้องการ แต่เธอกับกำลังโหยหาความรักจากใครบางคนที่อาจไม่มีตัวตน เปิ้ลทั้งเชื่อและศรัทธาในความรักมาก และมองว่าความรักคือสิ่งสวยงาม ความรักคือการให้ และพร้อมจะให้โดยไม่ต้องการสิ่งตอบแทน โดยที่ไม่รู้ว่าผู้ชายสักคนที่รอคอยความรักจากเธอมีตัวตนอยู่จริงหรือเปล่า

คนหนึ่งฝันที่จะรัก…อีกคนรักที่จะฝัน

“ความรักมันไม่มีจริงหรอก ผมจะบอกคุณให้…ไอ้สิ่งที่เราเรียกกันว่าความรักน่ะ อันที่จริงมันก็เป็นแค่ อัตราแลกเปลี่ยนอีกสกุลนึงเท่านั้นเอง ความรักคือการให้งั้นเหรอ คุณคิดว่ามีใครจะยอมรักคนที่เห็นแก่ตัวได้ตลอดชีวิตงั้นเหรอ คุณจะให้ได้ตลอดไปงั้นเหรอ ถ้าไม่ได้อะไรกลับคืนมาเลย…ไม่มีทาง สุดท้ายความรักคุณก็จะลดลง อย่างงี้ถ้าคุณไม่เรียกมันว่าการแลกเปลี่ยนแล้วจะเรียกว่าอะไร….รักน่ะ มันไม่มีตัวตนหรอก”

…ใน “ฝันโคตรโคตร” ยังเป็นอีกครั้งที่ พิง ลำพระเพลิง ขอนั่งแท่น ผู้กำกับ คนเขียนบท และแสดงนำ หลายคนอาจตั้งคำถามอย่างไม่กลัวเสียใจ ว่าทำไมนายพิงถึงกล้าที่จะลุกขึ้นมาถ่ายทอดตัวละครจากตัวหนังสือที่เขาใช้หัวใจเขียนออกมาอีกครั้ง นั่นคือบทของ ไอ้ด่าง หนุ่มช่างฝันที่เป็นนักแสดงข้างถนนที่ไม่เชื่อในรักแท้ และไม่สามารถรักใครได้อีกตั้งแต่เมียตาย ซึ่งสำหรับทุกคำถามและคำทัดทาน นายพิงก็ขอตอบกลับอย่างหนักแน่นไปว่า “ผมตั้งใจเขียนตัวละครนี้เพื่อให้ตัวเองเล่นครับ”

“คือตอนเขียนบทเนี่ยตั้งใจอยู่แล้วว่าจะเขียนบทให้ตัวเองเล่น ไม่ใช่ว่าตัวเองมีคาแร็คเตอร์ตรงกับบทนะ แต่เป็นเพราะเราเขียนบทให้ตรงกับคาแรกเตอร์เรา เพราะตอนบอกกับเสี่ยเจียงก็บอกกับเสี่ยเจียงว่าเสี่ยครับผมอยากทำหนังที่ผมเล่นเป็นพระเอกเอง เสี่ยเจียงก็บอกว่ามึงไอ้พิงมึงอย่าพึ่งได้ไหมว่ะเสี่ยเจียงบอกยังงี้จริงๆนะ เสี่ยเจียงบอกว่าไอ้พิงมึงเรื่องนี้มึงให้คนอื่นเล่นไปก่อนได้เปล่าเดี๋ยว เรื่องสี่มึงค่อยเป็นพระเอก ผมก็บอกเสี่ยเจียงว่าเสี่ยครับผมแก่แล้วผมไม่รู้ว่าผมจะได้ทำหนังอีกรึเปล่า คือยังไงก็ตั้งใจไว้แล้วว่าเรื่องนี้ยังไงก็ขอทำแหละต้องเป็นพระเอกครับไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม”

 

…ก็คงอย่างที่ พิง ลำพระเพลิง ว่าเอาไว้ เพราะดูยังไงบทบาทนี้คงไม่มีใครถ่ายทอดและส่งพลังของความรู้สึกของตัวละครตัวนี้ได้ดีกว่าเขาอีกแล้ว ทั้งเรื่องราวของพาร์ทความรักที่ต้องพบกับความสูญเสีย การพลัดพราก หรือแม้แต่การเรียนรู้จักความรักในมุมมองใหม่ๆ รวมไปถึงพาร์ทความฝันที่เขาฝ่าฟันมาแล้วทุกกระบวนท่า ซึ่งจะเป็นสีสันที่จับต้องได้ของตัวละครสำคัญตัวนี้

“ไอ้ด่างเป็นนักแสดงข้างถนนธรรมดาที่เต็มไปด้วยความฝัน แล้วก็เชื่อมั่นเหลือเกินว่า ในโลกนี้ไม่มีผู้หญิงที่พร้อมจะรักผู้ชายคนหนึ่งอย่างหมดใจ เพราะสำหรับเขาแล้วความรักไม่ต่างอะไรกับอัตราแลกเปลี่ยน ที่ต่างมีสิ่งตอบแทนในกันและกัน จนวันหนึ่งที่เขาได้เจอกับเปิ้ล ผู้หญิงที่นำเอาความฝันและความรักมาเติมเต็มให้กับเขา ก็เลยทำให้เขาต้องเรียนรู้อะไรบางอย่างใหม่ ก็อยากให้เป็นตัวแทนของชายไทยหนุ่มเกินกว่าที่จะแก่ขณะเดียวกันก็แก่เกินกว่าจะหนุ่ม ชีวิตอยู่ระหว่างแนวตะเข็บพรหมแดนความจริงกับความฝันครับคล้ายๆแบบว่ามันจะยังไงดีวะ จะไปข้างหน้าก็ยังไม่อยากไปจะถอยกลับไปเป็นเด็กก็เป็นไม่ได้แล้วผมว่าคนที่อายุ 40 คงจะเข้าใจนะครับ”

 

“ไม่น่าเชื่อเลยนะ ว่าคนเราจะสามารถรักคนนิสัยไม่ดีคนหนึ่งได้อย่างหมดหัวใจ ไม่เชื่อใช่มั้ย ว่าความรักคือการให้ ความรักที่ไม่ต้องการอะไรตอบแทนน่ะ มันมีจริงนะ มันมีตัวตนอยู่จริงๆ ที่เขาว่ากันว่าในฝันคนเราไม่เจ็บน่ะ…มันไม่จริงหรอกนะ”

…ไม่น่าเชื่อว่านอกจากจะเป็นทั้งผู้กำกับ นักแสดง คนเขียนบท ที่ฝีมือไม่ธรรมดาแล้ว “พิง ลำพระเพลิง” ยังเป็นแมวมองที่มีสายตาอันเฉียบแหลมอีกด้วย อย่างตอนที่ทำหนังรักสุดซึ้ง “โคตรรักเอ็งเลย” ก็ส่ง “ไหม-วิสา สารสาส” ดังระเบิดระเบ้อมาแล้ว มาในคราวนี้พิงก็ไปคว้าเอาสาวน้อยวัย 21 ปี ที่มีดีกรีเป็นถึง “SPY Ambassador 2008” มาประเดิมมีผลงานหนังเป็นเรื่องแรก กับบท “เปิ้ล” นักแสดงสาวพราวเสน่ห์ผู้ซึ่งศรัทธาในความรัก และเกิดมาเพื่อรักผู้ชายเพียงคนเดียวเท่านั้น ซึ่งพิง ลำพระเพลิง ถึงกับหนักใจในการหาคนที่จะมารับสำคัญนี้ จนวันที่ฟ้าประทาน “มิลค์-ภาวิณี วิริยะชัยกิจ” ให้ได้มาเจอกับเขาจนได้

“คือน้องมิลค์ตอนแรกที่เจอครั้งแรกไม่เอาเลยนะ คือนางเอกเราที่เขียนบทมา ไม่ใช่หน้าโลฮียาแบบนี้ (หัวเราะ) แต่มีคนเตือนผมบอกว่านางเอกคนนี้แหละสวย คนนี้แหละใช่ โปรดิวเซอร์ (สุกัญญา วงศ์สถาปัตย์) เขาบอกว่าอย่าเพิ่งไม่เอา ลองดูน้องเขาแสดงก่อน ตอนนั้นก็ยังไม่เอาอยู่นะ ก็เลยโทไปถามแอ็คติ้งโค้ชที่เคยร่วมงานกับมิลค์ ครูเงาะก็บอกว่าเฮ้ยมิลค์มันใช้ได้นะ เขาเป็นคนอ่อนไหวและหัวใจที่ดีนะ ก็เลยเริ่มอ่อนไหว จนกระทั่งมีโอกาสได้ดูแอ๊คติ้งของเขา แล้วรู้สึกว่าอยากได้ๆ ทันที คือการแสดงเขาดูละมุนละไมมาก

คือผมจะมีไดอะล็อคอันหนึ่งที่เขียนในบท แล้วจะให้ทุกคนที่มาแคสพูดประโยคนี้คือ ไม่เชื่อใช่มั้ยว่าว่าความรักที่มีแต่ให้มันมีอยู่จริง แล้วตอนที่มิลค์พูดประโยคนี้ เรารู้สึกว่าเขาพูดมาจากข้างใน พอเจอตัวก็เลยสารภาพว่าตอนแรกเราจะไม่เอามิลค์นะ แต่ปิ๊งเพราะประโยคนี้เลย ก็มีแอบให้ตบกระบาลด้วย ก็รู้สึกว่าตบแล้วเต็มมือดี คือหลังจากที่หัวใจของผมเทให้นางเอกไปแล้ว เราก็เลยรู้สึกว่าอะไรก็ใช่หมด”

 

…ถ้าพูดถึงความน่าสนใจของตัวละคร เปิ้ล หญิงสาวผู้ซึ่งศรัทธาในความรัก ซึ่ง พิง ลำพระเพลิง ได้สร้างตัวละครตัวนี้เป็นตัวแทนของผู้หญิงทุกคนที่ยังมีความเชื่อในรักแท้ ซึ่งสวนทางกับตัวไอ้ด่าง หรืออาจจะรวมไปถึงผู้คนในปัจจุบันที่อาจหลงลืมความหมายของรักแท้ไปแล้ว

“เปิ้ลเป็นเหมือนตัวแทนของผู้หญิงซึ่งศรัทธาในความรัก ตรงข้ามกับไอ้ด่างเลย เปิ้ลเป็นนักแสดงสาวชื่อดังผู้มีทุกอย่างที่ผู้ชายบนโลกนี้ต้องการ แต่เธอกับกำลังโหยหาความรักจากใครบางคนที่อาจไม่มีตัวตน เปิ้ลทั้งเชื่อและศรัทธาในความรักมาก และมองว่าความรักคือสิ่งสวยงาม ความรักคือการให้ และพร้อมจะให้โดยไม่ต้องการสิ่งตอบแทน พอมาเจอไอ้ด่างมันก็เหมือนเข้ามาเติมเต็มซึ่งกันและกัน”

 

…ทางด้านสาว “มิลค์-ภาวิณี” ก็พูดถึงการได้ทำตามความฝัน กับการได้มาประเดิมแสดงหนังเรื่องแรก กับบทบาทที่ พิง ลำพระเพลิง หมายมั่นว่าคนดูจะต้องร่วมอินไปกับเธอ และจะไม่แปลกอะไรเลยถ้าคุณจะตกหลุมรักเธอเข้าอย่างจังเมื่อได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้จบ

“รู้สึกโชคดี คือมิลค์มีความฝันที่อยากเป็นนักแสดง มาตั้งแต่เด็กจนถึงวันหนึ่งที่พี่พิงบอกว่า เออมิลค์พี่เลือกมิลค์นะ ก็รู้สึกว่าพี่เขาเป็นคนที่ทำให้เราได้เดินมาถึงความฝันที่เราเคยฝันไว้ ส่วนตอนแรกเห็นบท ก็รู้สึกหนักใจเลย เพราะต้องเล่นโตกว่าอายุจริงของมิลค์ แต่บุคลิคหรือท่าทางจะคล้ายกันเลย พอเราเปิดใจรับว่าเปิ้ลนะมาอยู่ในตัวเรา เอาตัวเราบวกกับตัวเปิ้ล เพราะมันก็มีอะไรที่คล้ายคลึงกันอยู่ เราก็จะเริ่มอิน มีความรู้สึกร่วมไปกับตัวละคร ดีที่พี่พิงเขามีวิธีการอธิบายเทคนิคการแสดงในแบบที่ทำให้เราเข้าใจได้ง่ายขึ้น ก็เลยทำให้มิลค์ไม่เกร็งค่ะ เชื่อว่าคนดูจะหลงรักเปิ้ล ตกหลุมรักเพราะด้วยความจริงในตัวของเปิ้ล เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่จะรักผู้ชายที่ที่ไม่มีอะไรเลย แล้วก็ศรัทธาในความรักมากๆ เชื่อว่าคนดูจะอินไปความรักของไอ้ด่างกับเปิ้ลค่ะ”

 

ประวัติย่อน้องมิลค์

ชื่อ-นามสกุล ภาวิณี วิริยะชัยกิจ ชื่อเล่น มิลค์ (Milk)

วันเดือนปีเกิด 17 กุมภาพันธ์ 2531

น้ำหนัก 48 กก. ส่วนสูง 165 ซม.

การศึกษา มหาวิทยาลัยขอนแก่น คณะวิทยาการ สาขาการบัญชี ชั้นปี 2

สีโปรด สีขาว

กีฬาที่ชอบ บาสเก็ตบอล

งานอดิเรก เล่น internet

อาหารจานโปรด อาหารอีสาน

ผลไม้ที่ชอบ มะม่วง

สไตล์การแต่งตัว สบายๆ ตามกาลเทศะ

ประเทศที่อยากไปเที่ยว ญี่ปุ่น, เกาหลี

ดาราที่ชื่นชอบ พลอย เฌอมาลย์

นักร้องที่ชอบ บอย โกสิยพงษ์

เพลงที่ชอบ ภาวนา ของ โก้ Mr.Saxman

ภาพยนตร์ที่ชอบ MUSIC FOR LYLICS

ผลงานที่ผ่านมา แบรนด์แอมบาสเดอร์ Spy Girl 2008, พิธีกรรายการอินส์ไพร์เรชั่นทิบ, MV เกลียดเพลงรัก ของ PANCAKE, เข้ารอบสุดท้าย MISSTEEN THAILAND 2006, ถ่ายแฟชั่นของ IN แมคกาซีนคู่กับ พลอย เฌอมาลย์ และล่าสุดผลงานภาพยนตร์เรื่อง “ฝันโคตรโคตร” รับบทเป็น “เปิ้ล” นางเอกของเรื่อง

คติประจำตัว เวลาไม่เคยเดินถอยหลัง เพราะฉะนั้นจงทำวันนี้ให้ดีที่สุด

“เวลาตาย” แทงใจคนเห็นแก่ตัวไร้ซึ่งความรักในหัวใจ พร้อมด้วยเดี่ยวเปียโนเพลงพระราชนิพนธ์ “ชะตาชีวิต” เพิ่มความซาบซึ้งกินใจในแบบฉบับหนังรัก “พิง ลำพระเพลิง”

…ใครหลายคนคงเคยแอบเสียน้ำตาให้กับความซาบซึ้งของเพลง “เขียนถึงคนบนฝากฟ้า” ในเรื่อง “โคตรรักเอ็งเลย” มาแล้ว หรือจะเป็นเพลง “ความรักทำให้คนหัวขาด” ในเรื่อง “คนหิ้วหัว” ซึ่งถือเป็นอาวุธลับของ “พิง ลำพระเพลิง” ที่ช่วยทำให้ความโรแมนติกและความซาบซึ้งซึ่งอยู่ในเรื่องราวของหนังที่เขาถ่ายทอดไหลเวียนเข้าสู่กระแสเลือดเข้าสู่หัวใจได้เร็วกว่าปกติ และในผลงานล่าสุดนี้เขาก็ภูมิใจเสนอเพลงที่มีชื่อว่า “เวลาตาย” ซึ่งรับรองว่าใครที่ได้ฟังเพลงนี้อาจทำให้ใครหลายคนโหยหาความรักขึ้นมาโดยที่ไม่รู้ตัว

“เพลงของหนังเรื่องนี้คือเพลงเวลาตาย…(ร้องโชว์ซะเลย) ในกระจกมัวๆ มีคนเห็นแก่ตัวคนหนึ่ง คนที่พึ่งลึกซึ้งถึงความเดียวดาย เนี่ยท่อนนี้เรารู้สึกชอบเพราะฟังแล้วดูตัวละครมันเห็นแก่ตัวดี แล้วเป็นคนขี้อวดไง รอคนอื่นจ้างมาร้องคงยาก ก็เลยร้องในหนังตัวเองซะเลย คือถ้าใครชอบเพลงเขียนถึงคนบนฟ้าน่าจะชอบ ซึ่งได้เพื่อนผมคุณบั๋ง (สุทธิพงษ์ สมบัติจินดา) มาแต่งให้ คือเขาเป็นเพื่อนสนิทกับผมมากอยู่ด้วยกันมาเป็นสิบๆปีแล้ว มันก็จะรู้ว่าชีวิตเราเป็นอะไรมา เหมือนนั่งไปอยู่ในหัวใจแล้วเขียน เพราะฉะนั้นบั๋งคือคนที่แต่งเพลงที่เข้ากับความรู้สึกของผมที่สุด

ชอบที่สุดคือท่อนนี้ (ร้องโชว์อีกรอบ) เชื่อว่าที่ตรงนั้น เธอพร้อมจะรอฉันอยู่ จนในที่สุดก็รู้ว่าเธอรอไม่ไหว เจอเพียงแค่รอยน้ำตา บนนาฬิกาที่ตาย เนี่ยๆ ท่อนเนี่ย เหมือนเรารักใครสักคน แล้วอยากไปเจอเขามาก คือเชื่อว่าไปยังไงก็เจอเขาแต่พอไปถึงกลับไม่เจอ โหโดนมาก ไปหาโหลดฟังซะ คือเพลงนี้ไม่ใช่เพลงประกอบหนังนะ ผมทำหนังเพื่อประกอบเพลงเขานะ คือตอนที่ร้องเพลงนี้ในห้องอัดนะ คือร้องหลายรอบมาก ร้องไปก็ร้องไห้ไป คือเราจะใช้เพลงนี้เปิดบิ้วท์ในกองตลอด ไว้กล่อมอารมณ์ทีมงาน เรารู้สึกว่าเพลงนี้มันใช่ คือมันเข้ากับตัวละครมากๆ”

…นอกจากนี้ใน “ฝันโคตรโคตร” พิง ลำพระเพลิง ก็ยังเลือกเอาบทเพลงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่มีชื่อว่า “ชะตาชีวิต” มาช่วยขับกล่อมตลอดเรื่องราวของหนัง เพื่อช่วยเติมเต็มในส่วนของพาร์ทความฝันของตัวละคร ซึ่งงานนี้เจ้าตัวถึงกับไปหัดเรียนเปียโนเพื่อเล่นเพลงนี้โดยเฉพาะ

“คือผมรู้สึกซาบซึ้งและชอบเนื้อหาของเพลงพระราชนิพนธ์เพลงนี้มาก ก็เลยตั้งใจว่าจะนำเอาเมโลดี้มาช่วยเพิ่มอารมณ์ของเรื่องราวในหนัง เพลงนี้ในหลวงฯ ประพันธ์ไว้เพราะมาก ความหมายมันคือมนุษย์เราไม่มีใครรู้ชะตาตัวเอง ทุกคนล้วนโดดเดี่ยว ทุกคนล้วนเหงา ทุกคนล้วนไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ข้างหน้า ซึ่งตรงกับการต่อสู้เพื่อความฝันของตัวไอ้ด่าง ผมก็เลยไปหัดเล่นอยู่หลายเดือน เพราะมีอยู่ฉากหนึ่งที่ไอ้ด่างต้องเล่นเปียโนเพลงนี้ ใครที่กำลังท้ออยู่ฟังเพลงนี้อาจฮึดขึ้นมาอีกครับ”

 

Director’s Profile

“พิง ลำพระเพลิง” กับการคัมแบ็คครั้งสำคัญในชีวิตกับหนังรักสุดซึ้งเพื่อหัวใจทุกดวงที่มีฝันใน “ฝันโคตรโคตร” หายจากผลงานกำกับเรื่องล่าสุดไปสองปีเต็ม สำหรับผู้ชายมากความสามารถที่ชื่อว่า “พิง ลำพระเพลิง” โดยคราวนี้เขากลับมาอีกครั้งพร้อมกับผลงานกำกับเรื่องที่ 3 ที่มีชื่อว่า “ฝันโคตรโคตร” ที่ยังคงความเป็นหนังโรแมนติดสุดซึ้งในสไตล์ของเขาเช่นเดิม ซึ่งเป็นการสานต่อไลน์อัพที่ 3 ต่อจากพาร์ทความรักใน “โคตรรักเอ็งเลย” หรือจะเป็นพาร์ทความศรัทธาใน “คนหิ้วหัว” และล่าสุดกับหนังเรื่องนี้กับพาร์ท “ความฝัน” โดยพูดถึงเรื่องราวของผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่คิดจะรักใครได้อีก ต้องโคจรมาเจอกับผู้หญิงที่เกิดมาเพื่อรักผู้ชายคนเดียว จนเป็นที่มาของเรื่องราวความรักที่จะทำให้คุณอมยิ้มเต็มอิ่มทั้งหัวใจ แล้วคุณจะเชื่อคำพูดของเขาที่ว่า…ความฝันไม่มีตีนกาหรอก

 
Share this article :

แสดงความคิดเห็น