เรื่องย่อ
ผู้กำกับ : พันธุ์ธัมม์ ทองสังข์, สมเกียรติ วิทุรานิช
ผู้แต่ง : สมเกียรติ วิทุรานิช
วันเข้าฉาย : 05/04/2007
ประเภท : Comedy
เนื้อเรื่องย่อ เล่าย่อๆ มะหมา 4 ขาครับ
1. อยู่ๆ ก็ต้องกลายเป็นหมาจรจัด …เพราะเดชไอ้เหมียว!
มะขาม มะหมาหนุ่ม สัญชาติไทยหลังอาน หน่วยก้านดี โดนฤทธิ์นางเหมียว แมวตัวโปรดของเจ้านายทำพิษ จนเป็นเหตุให้โดนเตะโด่งออกจากบ้าน ถูกตัดหางปล่อยวัด อยู่แถบย่านชานเมืองกรุงเทพ
2.อยู่ๆ ก็ต้องกลายเป็นหมาจรจัด …เพราะไฟไหม้!
เกิดเหตุไฟไหม้ย่านชุมชนธูปหอม ชุมชนในซอยแถบชานเมือง ผู้คนจึงพากันอพยพย้ายที่อยู่ หลังโดนไฟไหม้บ้านไปกันหมด ทิ้งไว้เพียง ซากบ้าน คราบดำ ความทรงจำ และหมาๆ !
บรรดามะหมาที่ถูกทิ้งให้ชอกช้ำ จำต้องหากินอย่างระกำตามมีตามเกิดประหนึ่ง กำลัง เล่นเกม survivor ไม่ว่าจะแอบเข้าไปหาอาหารในสวน จนโดนไล่ต้อนจากหมาหมู่ฝรั่ง ผู้คุมสวน, แย่งอาหารจากหมาวัดเจ้าถิ่น หรือแม้กระทั่งอาจหาญบุกเข้าหมู่บ้านคนรวยผู้มีอันจะกิน จนโดนจับไปหลายตัว ยังคงมี ลุงกาแฟ เก่ง เปี๊ยก เซ็กซี่ และพิกุลที่จะยังปลอดภัย
3.’สุนัขวดี ‘ ดินแดนในตำนาน สวรรค์ของหมาๆ ที่ไม่ต้องดิ้นรนต่อสู้เพื่ออาหารอีกต่อไป ว่ากันว่า อยู่อีกฝากฝั่งของถนน 10 เลน แต่มีจริงหรือไม่ ไม่มีใครรู้ เพราะมะหมาที่กล้าข้ามไป ยังไม่มีใครเคยกลับมายืนยันได้ซักราย
1.+2.=3.
ตัวเดียวหัวหาย หลายตัวสู้ตาย!
มะขามออกปากชวนแก๊ง survivor ที่เหลือข้ามถนนไปสู่แดนสวรรค์-สุนัขวดี แต่แล้วมะขามก็เกือบได้ไปสวรรค์จริงๆ เพราะระหว่างข้ามอย่างไม่ทันระวัง ก็เกือบโดนรถชน โชคดีของมะขามที่ลุงกาแฟช่วยไว้ได้ แต่โชคร้ายของลุงกาแฟที่โดนรถชนจนขาเจ็บ จากเหตุการณ์นี้ มะขามแทบจะโดนโหวตออกจากกลุ่ม
4.ด้วยเหตุบังเอิญ มะขาม มะหมาหนุ่มผู้รู้สึกผิดเต็มประตู ก็ได้รู้วิธีที่จะพาทุกคนข้ามไปยังสุนัขวดีได้อย่างปลอดภัย แต่เรื่องมันก็ไม่ง่ายอย่างที่คิดไว้
มะขามและเพื่อนจะอยู่รอดปลอดภัยหรือไม่?
แล้วจะข้ามไปสุนัขวดีได้อย่างไร?
…ถ้าอยากรู้ ไม่ต้องรออ่านข้อ 5. แต่รอวันที่ 5 เมษา เจอกันหน้าโรงได้เลย!
หนัง (สือ) มะหมาที่ขายดีที่สุดแห่งสยามประเทศ และ
หนัง (สือ) ที่มะหมาด้วยกันกล้าการันตี !
หนึ่งความภาคภูมิใจของมะหมาไทยทั้งประเทศ
หนัง(สือ)เรื่องเดียวที่กล้าตีแผ่ความจริงอันเหลือเชื่อของชีวิตหมา ๆ
จากแก๊งข้างถนนไม่มีคนเหลียวแล สู่ซูเปอร์สตาร์แห่งถนนสายบันเทิง
คำนำ – มะหมา “มะขาม”
นับเป็นครั้งแรกนะครับที่เราจะได้เจอและทำความรู้จักกันผ่านงานเขียนของผม “มะหมา 4 ขาครับ” และเป็นงานเขียนชิ้นแรกของผมด้วยที่ผมสุดแสนจะตั้งใจ ทำขึ้นมาเพื่อคุณเลยนะครับ โดยหวังใจไว้ลึก ๆ ว่าจะทำให้คุณรู้จักและเข้าใจ พร้อมกับเหลียวมาสนใจมะหมาอย่างพวกผมมากขึ้น โดยเฉพาะมะหมาไทยพันธุ์แท้และพันทางทั้งหลาย แล้วคุณจะรู้ว่า พวกผมมีดี มีความสามารถ และน่ารักแค่ไหน…ใครว่า ของไทยสู้ของนอกไม่ได้ ผมเถียงขาดใจเลย!!!
งานเขียนชิ้นนี้ จริง ๆ แล้วเป็นงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องแรกในชีวิตของผมครับ ที่ผมได้มีส่วนร่วมเป็นพระเอกกับเค้าด้วย คือเรื่อง “มะหมา 4 ขาครับ” ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับ หนังสือเล่มนี้ เป็นการรวบรวมเอาทุกสิ่งที่ทำให้เกิดเป็นหนังเรื่องนี้มาบอกกล่าวเล่าเรื่องให้ทราบ ตั้งแต่การเตรียมงาน การถ่ายทำ มุมการทำงาน ความตั้งใจ และเกร็ดดี ๆ ที่อยากบอกต่อ มารวบรวมไว้ในเล่มนี้ทั้งหมดครับ งานนี้ผมงัดวิชามาเขียนสุดชีวิตล่ะครับ
สำหรับหนังเรื่องแรกในชีวิต ผมยอมรับว่าผมตื่นเต้นมากครับ ผมไม่เคยคิดเลยว่า จะมีใครกล้าทำ กล้าเสี่ยงเอาเงินเป็นหลาย ๆ สิบล้านมาทุ่มกับหมาบ้าน ๆ หมาไทย ๆ อย่างพวกผมที่ไม่เคยแม้แต่จะรู้จักกันเป็นการส่วนตัวมาก่อนด้วยซ้ำ แต่กลับเป็นคนที่เปิดโอกาสและทั้งผลักทั้งดันให้พวกผมได้แสดงความสามารถให้โลกได้รับรู้ โดยเชื่อเหลือเกินว่าพวกผม สามารถทำได้! และเวลาเท่านั้นครับที่เป็นเครื่องพิสูจน์การฝึกฝนอย่างมืออาชีพ ความตั้งใจจริง และความอดทน รวมทั้งความสามัคคีทั้งคนและมะหมาอย่างพวกผม ก็ทำให้หนังสำเร็จเสร็จลงจนได้อย่างเหลือเชื่อครับ
แน่นอนครับ ผมจะเก็บไว้บอกลูกบอกหลาน กับความภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของหนังดี ๆ สร้าง สรรค์สังคม และไม่เป็นพิษเป็นภัยกับสังคมแบบนี้ ถึงวันนี้มันจะเป็นเพียง จุดเล็ก ๆ ที่ไม่สามารถช่วยอะไรได้มาก แต่มันจะเป็นจุดเริ่มต้นต่อไปในอนาคต และถ้าจะหวังไป มากกว่านั้น จุดเล็ก ๆ จุดนี้ก็อาจรวมตัวกันกลายเป็นจุดใหญ่ขึ้นมาซักวันก็ได้ โดยแอบหวัง ว่าพวกคุณ ๆ จะให้การช่วยเหลือและสนับสนุน เป็นหนึ่งใน จุดเล็ก ๆ นี้ด้วยกันนะครับ
…อยากขอบคุณเหลือเกินครับ กับ “พี่ณภัทร” และ “พี่เบียร์” ที่ใจดีและกล้าบ้าบิ่นลงทุนกับมะหมาอย่างพวกผม ขอบคุณมากมายกับ “พี่ปุ๊ก” และ “พี่สมเกียรติ” ที่ให้โอกาส และปลุกปั้นมากับมือ ที่ขาดไม่ได้ขอบคุณเหลือหลายกับ “พี่วันไชย” และบรรดาครูฝึกจาก ศูนย์ฝึกไชยภักดิ์ ที่เปรียบเสมือนป๊ะป๋าของพวกผม คอยฝึกฝน และสอนสั่งมาเป็นอย่างดี อ่อ…เกือบลืม และขอบคุณหลาย ๆ กับผองเพื่อน สุดรัก “น้ำค้าง”, “ลุงกาแฟ”, “เก่ง”, “เปี๊ยก”, “เซ็กซี่”, “พิกุล” ที่ทำให้เข้าใจและรู้ซึ้งถึงคำว่า “เพื่อนย่อมไม่ทิ้งเพื่อน และเพื่อนย่อมอภัยให้เพื่อน” ขอบคุณคร้าบ โฮ่ง…โฮ่ง…
ป.ล. ผมมาคิด ๆ ดูพวกผมมันบ้าจริง ๆ ครับที่สามารถทำได้ แต่คนสร้างสิครับที่บ้ากว่า ที่คิดจะทำมันขึ้นมา!
…ขอแสดงความนับถือ
1 ปีกับการเขียนบท
1 ปี กับการแคสติ้ง
และ 1 ปีกับการถ่ายทำ
3 ปีหฤหรรษ์ กับ ความอึดและอดทนอย่างน่าอัศจรรย์!!!
ครั้งแรกของหนังไทยที่มี “มะหมา” เป็นตัวเอก มี “คน” เป็นดารารับเชิญ!
ครั้งแรกของ หนังไทยที่มี “มะหมา” เป็นตัวดำเนินเรื่องทั้งหมดเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์! และ
ครั้งแรกของหนังไทยที่คุณจะอึ้ง ทึ่ง เสียว กับความสามารถทางการแสดงของ “มะหมา” ไทย ทั้งพันธุ์แท้และพันทางแบบเต็ม ๆ ตา!
…จากแรงบันดาลใจเล็ก ๆ แต่ยิ่งใหญ่ของคนกลุ่มหนึ่งที่ได้เห็นสภาพชีวิต สภาพความเป็นอยู่ ของ “มะหมาเร่ร่อน” หรือ “หมาข้างถนน” ที่ต้องเผชิญชะตากรรมถูกทอดทิ้ง ถูกทำร้าย บ้างก็ หิวโหยจนแทบไม่มีแรง บ้างก็อยู่ในสภาพขี้เรื้อนที่ไม่มีทั้งหมาและคนอยากเข้าใกล้ จากปัญหาของหมา ก็กลายเป็นปัญหาของคนและกลายเป็นปัญหาของสังคมในที่สุด ทำให้คนกลุ่มนี้เกิดคำถามขึ้นในใจว่า เราสามารถทำอะไรเพื่อช่วยเหลือพวกมันได้บ้าง?
…และแล้วภาพยนตร์ “มะหมา 4 ขาครับ” คือคำตอบของพวกเค้า “มะหมา 4 ขาครับ” คือภาพยนตร์ไทยที่นำ “มะหมา” ข้างถนนมาเป็นประเด็นหลักสำคัญ ของเรื่องเอา “มะหมา” ข้างถนนเป็นนักแสดงหลักของเรื่อง และใช้ความสามารถที่หลากหลายของ “มะหมา” ข้างถนน ให้ปรากฏสู่ทุกสายตา มาเป็นจุดมุ่งหมายหลักของเรื่อง!
แล้วมีใครจะกล้าเสี่ยง!?
ใครจะกล้าเอาเงินมาลงทุนกับ “มะหมาจรจัด” ที่ไม่มีใครอยากรู้จัก!?
ใครจะกล้าทุ่มกับหนัง “มะหมา” ที่ไม่มีอะไรเป็นหลักประกันได้ว่า มันจะเล่นได้จริงหรือไม่!?
ใครจะกล้าทำหนังที่ไม่รู้ว่าชะตากรรมจะจบลงอย่างไร!?
2 ผู้กำกับฯ คนกล้า “ปุ๊ก-พันธุ์ธัมม์ ทองสังข์” และ “เกียรติ-สมเกียรติ วิทุรานิช” กับ 1 ผู้ลงทุนบ้าบิ่น “ณภัทร ภวภูตานนท์ ณ มหาสารคาม” เป็นเหล่า 3 ทหารเสือ ผู้กล้าปลุกปั้นและฟูมฟัก ทำสิ่งที่เหลือเชื่อนี้ให้เป็นจริงขึ้นมา! เพื่อต้องการให้เกิดประโยชน์ขึ้นบ้างกับสังคม อาจจะไม่มาก แต่ก็ไม่น้อย เพียงต้องการมีส่วนช่วยเหลือสังคมได้บ้าง ให้ทุกคนได้เข้าใจและเห็นว่า “มะหมาจรจัด” ก็มีประโยชน์และมีคุณค่าในตัวของมัน ตามแนวพระราชดำริของพระเจ้าอยู่หัวที่อยากให้คนไทยหันมาสนใจ ดูแล และรักหมาไทย เฉกเช่นคุณทองแดง และอย่างน้อยก็เป็นสิ่งที่ตั้งใจทำ เป็นอีกหนึ่งความดีที่ทำได้มอบให้ในหลวงเนื่องในปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา ในปีนี้ด้วย…
“มะหมา 4 ขาครับผม” 5 เมษายน ทุกโรงภาพยนตร์
ทีมงานสร้าง : คอเมดี้-ครอบครัว (แนวภาพยนตร์) / NGR (บริษัทผู้สร้างและจัดจำหน่าย) / ณภัทร ภวภูตานนท์ ณ มหาสารคาม พันธุ์ธัมม์ ทองสังข์ ธนธัช ภวภูตานนท์ ณ มหาสารคาม (อำนวยการสร้างฝ่ยบริหาร) / พันธุ์ธัมม์ ทองสังข์ (อำนวยการสร้าง) / นฤมล สุทัศนะจินดา / กรัณย์ คุ้มอนุวงศ์ /ศรีสุภลักษณ์ เวชวิรุฬห์ (ดำเนินงานสร้าง) / พันธุ์ธัมม์ ทองสังข์, สมเกียรติ วิทุรานิช (ผู้กำกับภาพยนตร์) / สมเกียรติ วิทุรานิช (บทภาพยนตร์) / ภาณุพล พลวรรณภา (เค้าโครงเรื่อง) / วันไชย เจียมภักดี, ศูนย์ฝึกไชยภักดิ์ (ผู้ฝึกสอนสุนัข) / วรรธนะ วันชูเพลา (กำกับภาพ) / มาเจนตา, ชุมพล พ่อค้า, กรัณย์ คุ้มอนุวงศ์ (ลำดับภาพ) / การัณยภาส คำสิน (ออกแบบงานสร้าง) / ชวนชม บุญมีเกิดทรัพย์ (ออกแบบเครื่องแต่งกาย) / อุดมรัตน์ กลับเมือง (แต่งหน้า) / Wild At Heart (ประพันธ์ดนตรี) / Vanilla Sky (ผู้ออกแบบเสียง) / ห้องบันทึกเสียงรามอินทรา, ปรีเทพ บุญเดช (บันทึกเสียง) / ชัย ราชวัตร, โอม รัชเวทย์, สละ นาคบำรุง (เขียนการ์ตูน) / สราญภัทร หอมสุวรรณ และ Polyplus จัดให้ (ทำประชาสัมพันธ์)
พากย์เสียงโดย : กอล์ฟ พิชญะ นิธิไพศาลกุล (มะขาม), มิว เดอะสตาร์ (น้ำค้าง), เทพ โพธิ์งาม (ลุงกาแฟ), กิ๊ก เกียรติ กิจเจริญ (เก่ง), ติ๊ก กลิ่นสี (เปี๊ยก), อ๋อม สกาวใจ (เซ็กซี่), คริสโตเฟอร์ ไรท์ (ทอมมี่) เอ๋ เพื่อนสนิท-มณีรัตน์ คำอ้วน (พิกุล)
Casting
CASTING มะหมา
…1 ปี! 1 ปี!!! เชียวนะครับ สำหรับการตามล่าหาเจ้า 4 ขาอย่างพวกผมทั้งหมดนี่ได้ครบ เห็นมั้ยครับว่าการเลือกมะหมาอย่างพวกผมมาเล่นหนังครั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลยนะครับ ไปหามาหมดแล้วล่ะครับ ที่ไหนที่คาดว่าจะมีมะหมาไทยทั้งพันธุ์แท้และพันทาง ไม่ว่าจะเป็นสถานรับเลี้ยงมะหมาตามที่ต่าง ๆ บ้านป้าสำรวย บ้านมะหมาของท่านจำลอง เกาะสุนัขที่พุทธมณฑล ศูนย์สัตว์พิการบ้านปากเกร็ด หรือแม้แต่ตามวัดวาต่าง ๆ ไม่เว้นกระทั่ง ตามตรอกซอกซอย ทั้งข้างถนน ริมถนนทุกหัวระแหง ตระเวนกันมาหมด ทั้งในเมือง นอกเมือง ปริมณฑล ตามหัวเมืองต่าง ๆ เรียกว่าทั่วกรุงแล้ว เอาใบปลิวแจกตามที่ต่าง ๆ ประกาศตามเว็บไซต์ ตามงานด๊อกแฟร์ต่าง ๆ ก็ทำ ทำทุกอย่างเพียงเพื่อได้เจอเจ้าหมา อย่างพวกผมให้มากที่สุด เพื่อจะได้คัดเลือกให้ตรงใจท่านเจ้านายใหญ่ (ผู้กำกับเรื่องนี้) ของผมนั่นแหละครับ
…งง งง งง ล่ะซิครับ ก็แค่ตามหามะหมาอย่างพวกผม ก็ไม่น่าจะนานขนาดนั้น ก็เห็นกันอยู่ดาษดื่น ทั้งหน้าบ้าน ในซอย ปากซอย ก้นซอย เรียกว่าวันวันนึงคุณจะพบปะ สังสรรค์ meeting กับมะหมาอย่างพวกผมซะหลายต่อหลายครั้ง ทั้งหลากหลายสายพันธุ์ต่าง ๆ จนแทบจะจำกันไม่ไหวอยู่แล้ว แต่ความยากมันอยู่ตรงนี้ละครับ ผมจะเล่าให้ฟังครับ คือถึงแม้ว่าจะหามะหมามาได้ตรงใจและถูกใจแล้วก็ตาม ซึ่งกว่าจะหากันมาได้ในขั้นนี้ ทั้งลักษณะ รูปร่างและคาแร็คเตอร์ก็ยากโขอยู่แล้ว และนั่นก็ยังไปไม่ถึงครึ่งทางเลยครับ เพราะพอได้มาแล้ว ไอ้พวกผมนี่สิครับ พวกผมต้องมาฝึกวิชา มาร่ำเรียนตำรับตำราหมา ๆ กันใหม่เป็นเวลา 2 เดือน เพื่อดูแววกันในเบื้องต้นก่อน แต่เพราะไม่มีพื้นฐานกันมาเลย คำส่งคำสั่งอะไร พูดมาหูมันก็ไม่กระดิกหรอกครับ เข้าหูซ้าย ก็ออกมันหูขวานั่นแหละ ดังนั้นกว่าจะหาผู้รอดตาย เอ้ย รอดผ่านหลักสูตรมาได้มันก็แทบ…ความเป็นไปได้ น้อยมากครับ
…เห็นมั้ยล่ะครับ ถึงแม้จะคัดเลือกหน้าตา รูปร่าง เผ่าพันธุ์มาได้แล้วก็ตาม แต่ก็อาจจะไม่ผ่านหลักสูตรการฝึก เหมือนมา audition แล้วไม่ผ่านยังไงยังงั้นครับ แถมบางตัว โดยเฉพาะมะหมาที่มาจากศูนย์รับเลี้ยงสัตว์ ฝึกได้แต่กลัวคนมาก เห็นคนเยอะ เป็นไม่ได้ นี่ก็ต้องคัดออกครับ เพราะในกองถ่าย มันต้องพบปะผู้คนมากมาย ขืนเลือกไป เห็นทีจะไม่รอด ผมละสงสารเพื่อนผมจริง ๆ บางตัว ก็เดินคอตกกันออกไป บ้างก็ซึม ๆ บ้างก็งง ๆ กลับบ้านกลับถิ่นกันไป บ่นอุบกันว่าอดเป็นดาราซะงั้น! ซึ่งมันก็เป็นแบบนี้หลายต่อหลายครั้งล่ะครับ แล้วจะทำยังไงน่ะเหรอครับ พวกนาย ๆ ทั้งหลายก็ต้องมานั่งหาตัวใหม่ๆ กันมานะสิขอรับ นั่นแหละครับเหตุผลของ 1 ปี!!!
…อ่อ ช้าก่อนครับ แต่ขั้นตอนก่อนที่จะออกไปหาพวกผมได้นั้น พวกนาย ๆ ทั้งหลาย ก็ต้องเขียนคาแร็กเตอร์ของพวกผมออกมาก่อนครับ ทั้งพระเอก นางเอก ตัวโกง ผู้ร้าย ตัวตลก ต่าง ๆ นานา ว่าแต่ละตัวจะมีลักษณะอย่างไร จากนั้น พี่ “เบียร์ ธนธัช” หนึ่งในผู้อำนวยการสร้าง ค่อยออกไปหากันตามใบสั่ง และเนื่องจากต้องการใช้มะหมาไทย พันทางให้มากที่สุด เลยต้องเลือกลุคมะหมามากำหนด ให้แต่ละตัวแตกต่างกันครับ มาครับผมจะบอกให้ ว่าแต่ละตัวเป็นอย่างไรกันบ้าง ตามมานะครับเอาเป็นว่าเริ่มต้นจากพระเอกก่อนละกัน ใครนะเหรอครับ ก็จะใครซะอีก ก็ต้องเป็นผมน่ะสิครับ
…สำหรับผม “มะขาม” ก็เป็นพระเอกครับ เลยต้องขอหล่อและเท่ห์ไว้ก่อน เลยถูก กำหนดให้ต้องเป็นหมาไทยพันธุ์แท้ไม่ใช่พันทาง เพราะในเรื่องเป็นหมาที่มีเจ้าของมาก่อน ก็เลือกกันระหว่างพันธุ์บางแก้วกับหลังอาน เพราะสองพันธุ์นี้ดูเป็นสัญลักษณ์ของ หมาพันธุ์ไทยแท้ ๆ แถมยังดูหล่อและเท่ห์ไม่แพ้กันอีกด้วย แต่สุดท้ายก็เลือกพันธุ์หลังอานครับ เพราะว่าบางแก้วดูเทอะทะไป ดูไม่หล่อเท่ห์ ไม่วัยรุ่นเท่า แต่แล้วผมก็เกือบจะพลาด บทพระเอกนี้แล้วล่ะครับ เพราะนายกลับต้องการหลังอานสีดำ แต่แล้วโชคก็เข้าข้างผมครับ เหตุเพราะสีดำมันดูดุเกินไปที่จะเป็นพระเอก เลยได้น้ำตาลสีมะขามอย่างผมนี่ละครับ ดูเท่ห์กว่าเป็นไหน ๆ อันที่จริงกะให้ลุคออกมาเป็น พี่หนุ่ย อำพล ตอนเป็นน้ำพุ ขวัญใจวัยรุ่น ประมาณนั้น เลยไม่อยากได้แบบล่ำบึ้ก ไปหาตามเวทีประกวดต่าง ๆ ก็จะมีแต่หล่อล่ำ กล้ามเป็นมัด ๆ ชายงามกันทั้งนั้น แต่จนแล้วจนรอด ก็มาเจอผมจนได้ จริง ๆ ผมก็กำลังจะขึ้นเวทีประกวดกับเค้าแล้ว แต่เผอิญท่านนายใหญ่ไปเจอผมซะก่อน บอกว่าโป๊ะเชะ เข้าตาจังเบอเร่อ นายใหญ่บอกว่า นายเห็นความหล่อแบบวัยรุ่นในตัวผม อุ๊ย เขินจัง! แถมผมยังเป็นวัยรุ่นที่มีความซนและดื้อ ตรงคาแร็คเตอร์เป๊ะ ผมก็เลยได้รับเลือกมาเล่นบทพระเอก เนี่ยล่ะขอรับ
…มาถึง “น้ำค้าง” นางเอกในฝันของผม น้ำค้างถูกวางไว้ว่าต้องเป็นมะหมาพันธุ์ฝรั่ง เพราะเจ้าของเป็นคนที่มีอันจะกิน เลยต้องเลือกพันธุ์ที่ดูแล้วไฮโซ ดูมีสกุล มีชั้นวรรณะ ทำให้มีพันธุ์ดัลเมเชียน, โกลเด้นรีทีฟเวอร์ และคอลลี่เข้ารอบสุดท้าย แต่ด้วยความที่ต้องเลือก ตัวไม่ใหญ่ไปกว่าผม ต้องดูสวยสง่ามีขนที่ดูสลวยสมเป็นหญิงในฝัน เลยมาลงตัวที่ “น้องเฟิร์น” มะหมาพันธุ์คอลลี่ ที่เรารู้จักกันดีในชื่อแลสซี่ ที่มีราศีนางเอกจับเป็นประกายโดดเด้งออกมา ก็กลายเป็นผู้เข้ารอบสุดท้ายและได้มงกุฎไปในที่สุด ซึ่งเป็นมะหมาสุดหวงสุดเลิฟ เป็นมะหมา ส่วนตัวของครูฝึกพี่วันไชยที่ยังไม่เคยฝึกมาเลย เรียกว่าเปิดซิง ใหม่แกะกล่องจริง ๆ คร้าบ
…“ทอมมี่” เรียกว่าเป็นศัตรูหัวใจตัวฉกาจของผมเลย สำหรับทอมมี่ ถูกวางไว้ว่า ต้องเป็นพันธุ์เดียวกับหวานใจผม “น้ำค้าง” เพราะต้องคอยจู๋จี๋กับหวานใจผมตามคำสั่งเจ้านาย ที่อิมพอร์ตหมอนี่เข้ามาเพื่อมาเป็นพ่อพันธุ์ให้กับน้ำค้างโดยเฉพาะ ซึ่งหาไปหามา มองซ้าย มองขวา ก็ได้เจ้า “เชสเตอร์” เป็นมะหมามาจากครูฝึกพี่วันไชยเหมือนกัน เพราะพี่เค้ามีคอลลี่ อยู่หลายตัว และด้วยทอมมี่ต้องรับบทเป็นพ่อพันธุ์ “เชสเตอร์” เลยยิ่งเข้าตากรรมการ เข้าไปใหญ่ เพราะความไม่หล่อแต่หน้าออกไปในทางลามก ๆ ดูกาม ๆ จิต ๆ หน่อย ๆ ดูแล้ว ไม่เป็นมิตร เพื่อให้สมกับบทที่เป็นตัวโกงนั่นเองครับ
…“ลุงกาแฟ” จ่าฝูงในกลุ่มมะหมา ใช้เวลาหานานที่สุดในบรรดามะหมาทั้งหมด เพราะความที่ต้องการหมาเก๋า หมาหัวหน้าแก็ง ทำให้บางตัวที่หามาได้ก็จะดุเกินไป ฝึกไม่ได้บ้าง เรียกว่าพลิกแผ่นดินตามหาซะทั่วไปหมด แต่สุดท้ายเหมือนฟ้าบันดาล กลับมา เจออยู่ข้างถนนแถวบ้านครูฝึกของพี่วันไชยเรานี่เอง ซึ่งกำลังโชว์เก๋าทำหน้าที่เป็นหัวหน้าแก็ง เป็นหัวหน้าถิ่นอยู่แถวนั้นพอดี พอได้เห็นปุ๊บ…ใช่แล้ว! นี่เลยที่จะมารับบทลุงกาแฟ ได้อย่าง สมจริง เพราะลุคที่ดูแก่ หงอย แต่มีร่องรอยการต่อสู้ในชีวิตอยู่เต็มตัว แสดงความเป็นอดีตนักสู้ให้เห็นเต็ม ๆ ดูผ่านสมรภูมิมาเยอะ และที่สำคัญเป็นพันทางของแท้ ซึ่งทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นความต้องการที่อยากได้ในตัวลุงกาแฟทั้งสิ้น
…“เก่ง” ถูกวางไว้ว่าต้องเป็นพวกดูหน้ากวน ๆ แบบว่าเห็นแล้วคิดได้เลยว่าไอ้นี่ต้องกวน มาตั้งแต่เกิดเป็นแน่ แล้วก็ต้องไม่หล่อ (ขอโทษที่ต้องพูดแบบนี้นะเพื่อน… แหะๆ ) และต้องดู ซกมก ๆ นิด ๆ ซึ่งพอนึกถึงหน้ากวน ๆ ก็ต้องนึกถึงพวกหน้าขน ๆ เรียกว่าดั้นด้นเสาะแสวงหา เจ้าเก่งไปซะเกือบทั่วประเทศ จนมาได้ที่ศูนย์สัตว์พิการบ้านปากเกร็ด และก็สมดั่งใจหวังสุด ๆ เพราะเจ้าตัวนี้เกิดมาเพื่อเป็นนักแสดงจริง ๆ พรสวรรค์ทางการแสดงสูงมาก ฝึกไม่นานก็สามารถทำได้เท่ากับเพื่อนๆ ที่ถูกฝึกมาเป็นปีหรือสองปีทีเดียว จนถูกตั้งฉายาว่า “เก่ง ณ ปากเกร็ด” เพราะด้วยความที่แกเก่งสมชื่อจริง ๆ (สงสัยต้องชิงตุ๊กตาทองกับผมหน่อยซะแล้น อิอิ)
…มาพูดถึงลูกสมุนของ “เฮียเก่ง” เค้าซะหน่อย เค้าคือเจ้า “เปี๊ยก” เป็นเหมือนคู่หู คู่ฮา คู่เฮ คู่กวน ของเฮียเก่ง เลยต้องการมะหมาที่ตัวเล็ก จะได้ดูเป็นลูกน้อง สามารถถูกใช้ หรือสั่งอะไรตามใจเฮียได้หน่อย ที่สำคัญต้องดูกวน เรียกว่าลูกพี่ดูกวนยังไง ลูกน้องก็ต้องกวน ไม่แพ้กัน หากันซะเหนื่อยอีกล่ะครับ แล้วก็มาได้เจ้า
…“ริชาร์ด” นี่แหละครับ ชื่ออาจจะดูขัดกับ หน้าตาและลุคที่เห็นซักหน่อยนะครับ ก็ทำไงได้เพื่อนผมอยากโกอิน เตอร์ เป็นมะหมาที่พี่วันไชย ครูฝึกของพวกเราเก็บมาเลี้ยงเอาไว้ครับ ความสามารถทางการแสดงไม่ต้องพูดถึง เรียกว่าชั้นเซียน เข้าขั้นแอ็ดวานซ์ไปแล้ว
…“เซ็กซี่” เพื่อนสาวผมรายนี้ เซ็กซี่สมชื่อ เปรี้ยว แจ๋น จนผมเข็ดฟันเลยล่ะครับ ก็เลือกเฟ้นมะหมาไทยทั้งพันธุ์แท้พันทางกันอยู่นานล่ะครับ และแล้วพันธุ์ฝรั่งอย่างพุดเดิ้ล ก็ได้คะแนนนำโด่ง ชนะขาดลอยไป เพราะไม่มีมะหมาพันธุ์ไทยหรือพันทางไหน ๆ จะดูเซ็กซี่ และตอแหล ทำสวย เริ่ด ได้เท่าพุดเดิ้ลเป็นไม่มีแล้วล่ะครับ และอีกอย่างมะหมาพันธุ์นี้ก็จัดว่า เป็นหมาฝรั่งที่คนไทยเลี้ยงมากที่สุดและก็ถูกทิ้งขว้างมากที่สุดเช่นกัน (โถ…น่าสงสาร) เลยไม่น่าแปลกที่จะเอาพุดเดิ้ลมารับบทน้องหมาข้างถนนครับ “กิ๊ก” ครับ เธอชื่อ “กิ๊ก” เป็นหนึ่งในมะหมาโชว์ของคุณพี่วันไชยเค้าละครับ เป็นผู้รับบทนี้ได้อย่างแนบเนียนที่สุด โดยเฉพาะเรื่องความเซ็กซี่ ยิ่งวันไหนได้เห็นเธอใส่บิกินี่ตัวโปรดด้วยแล้ว…อย่าให้ผมเหลาเลยครับ เดี๋ยวแหลม!
…มีนางเอกที่สวยสง่าสมบูรณ์พร้อมทุกอย่างแล้ว มีเพื่อนนางเอกที่เปรี้ยวถึงใจจน มะนาวเรียกพี่ โคโยตี้ยังอายก็แล้ว จะขาดก็แต่…ใช่แล้วครับ มาถึงเพื่อนรายสุดท้ายของผม ดีกว่าครับ เป็นอีกสาวที่ผมกล้าท้าและรับประกัน (เอาความหล่อผมเป็นประกัน) เลยว่า ไม่มีมะหมาสาวตัวไหนจะเรียบร้อยได้เท่าเธอ ไม่มีแล้วครับ เรียกว่าแคสมาได้ตรงกับบทมาก จริง ๆ ก็ได้มาหลายตัวจากหลาย ๆ ที่ แต่พอมาฝึกมันก็สู้ไม่ได้ แพ้ตัวนี้อยู่ดี เธอชื่อ “เก็บตก” ครับ เป็นมะหมาพันทางของพี่วันไชย ที่ไปเก็บมาจากข้างถนนจริง ๆ อีกตัวครับ เลยได้ชื่อว่า “เก็บตก” เพื่อนผมคนนี้เธอสุดยอดครับ คนละขั้วกับคุณนาย “เซ็กซี่” เค้าเลย กิริยามารยาท อย่าให้พูด กว่าจะเดินแต่ละก้าว มันช่างนิ่ง และนุ่มนิ่ม สมกุลสตรีจริง ๆ ครับ ถ้าไม่เชื่อ ไว้คุณ ๆ ก็จะได้เห็นกันแล้วล่ะครับ
…พูดร่ายมาซะยาว ตอนนี้คุณคงอยากเห็นหน้าค่าตาเพื่อน ๆ ผม แบบเต็ม ๆ แล้วใช่มั้ยครับ มา…ผมจะพาไปรู้จัก เชิญตามผมมาเลยครับ!!!
มะขาม
สัญชาติ : ไทยแท้ 100 เปอร์เซ็นต์
เผ่าพันธุ์ : พันธุ์ไทยหลังอานสีน้ำตาลเข้ม
เพศ : ลูกผู้ชายตัวจริง
อายุ : วัยหนุ่ม รุ่น ๆ
สถานะ : เมื่อก่อนเคย “โสด” แต่เดี๋ยวนี้เจอเนื้อคู่เข้าล่ะ เรียกว่า “รักแท้” รักแรกพบซะด้วย
ส่วนสัด : ล่ำสัน กำยำ กำลังดี สมวัย
ลักษณะ : หล่อ เท่ห์ เข้ม คม สมชาย สมเลือดไทยแท้ ๆ
อุปนิสัย : รักพวกพ้อง ฉลาด ซน ขี้เล่น จิตใจดี โอบอ้อมอารี กตัญญูรู้คุณ เพราะได้รับการ สอนสั่งจากแม่มาอย่างดี (สมแล้วที่เป็นพระเอก)
ความสามารถพิเศษ : ใช้วิชาตัวเบา งัดท่าไม้ตายกระโดดถีบ 2 ขา จัดการคู่ต่อสู้ได้
งานอดิเรก : ชอบช่วยเหลือผู้อื่นเสมอ ประมาณว่า เรื่องคนอื่น เสมือนเรื่องตัวเอง (แมนจริง ๆ)
ผลงานที่ผ่านมา : ช่วยเหลือหญิงสาว(ที่ตนหลงรัก)ให้รอดพ้นจากการถูกทำมิดีมิร้ายได้อย่างหวุดหวิด
ความใฝ่ฝันสูงสุด : พาแก็งผองเพื่อนข้ามไปยัง “สุนัขวดี” ให้จงได้ และใช้ชีวิตที่เหลือกับหญิงอันเป็นที่รัก…”น้ำค้าง”
อดีตอันชอกช้ำ : ถูกเจ้านายหลอกเอาตัวมาปล่อยวัด โทษฐานทำเหมียวของนายเข้าเฝือกทั้งตัว
ปัจจุบัน : อาศัยอยู่กับแก๊งเพื่อนที่ชุมชนร้างแห่งหนึ่ง
น้ำค้าง
สัญชาติ : อเมริกัน
เผ่าพันธุ์ : คอลลี่สีน้ำตาล-ขาว
เพศ : หญิง
อายุ : อยู่ในวัยกระเตาะ แรกแย้ม แถมเวอร์จิ้นอีกด้วย
สถานะ : หวิดจะไม่โสด เพราะถูกจับคลุมถุงชนอยู่บ่อยครั้ง แต่ขัดขืนมาตลอด เพราะสี่ห้อง หัวใจมีแต่ “มะขาม” เท่านั้น
ส่วนสัด : สูงยาวเข่าดี หุ่นเช้งเข้าขั้น มาตรฐาน “มิสทีนอเมริกา” ยังไงยังงั้น
ลักษณะ : สวยใสปิ๊ง บุคลิกดี มีชาติตระกูล ถูกอบรมมาอย่างดี
อุปนิสัย : ฉลาด ว่องไว ติดนิสัยฝรั่ง แต่ก็หัวโบราณ ยึดถือพรมจรรย์เป็นที่ตั้ง มั่นคงในรัก
ความสามารถพิเศษ : กระโดดข้ามชิงช้า และเล่นไม้ลื่นได้อย่างคล่องแคล่ว
งานอดิเรก : ออกกำลังกาย อัพ แอนด์ ดาวน์ และวิ่งเล่นกับเจ้านาย
ผลงานที่ผ่านมา : หลบหลีก หลอกล่อ วิ่งหนีเอาตัวรอดจากการเสียสาวได้ทุกครั้ง
ความใฝ่ฝันสูงสุด : ได้อยู่กับชายที่รัก โดยที่ไม่ต้องถูกจับคลุมถุงชนซักที
อดีตอันชอกช้ำ : พอสบโอกาสจะถูกลวนลาม แทะโลม มาตลอดจากชายผู้ไม่ได้รัก
ปัจจุบัน : มีเจ้านายที่รักและถนอมเธอสุดหัวใจ
สัญชาติ : อเมริกัน (ของนอกอิมพอร์ตมาโดยตรง เพื่อทำภารกิจเฉพาะ!)
เผ่าพันธุ์ : คอลลี่สีดำ-ขาว
เพศ : ชาย (ทั้งแท่ง)
อายุ : ช่วงวัยคึก วัยกลัดมันเชียวล่ะ
สถานะ : เดี๋ยวโสด เดี๋ยวไม่โสด ขึ้นอยู่กับฝ่ายหญิงยอมความหรือไม่
ส่วนสัด : ฟิต แอนด์ เฟิร์ม กำลังเหลือล้น ทนเหลือหลาย
ลักษณะ : ไม่หล่อ ไม่เท่ห์ หน้าเจ้าเล่ห์และลามก
อุปนิสัย : เจ้าชู้ ทะลึ่งตึงตัง ไม่เป็นมิตรกับเพศเดียวกัน
ความสามารถพิเศษ : สามารถ “เล่นพ่อแม่” ได้ทันท่วงที ทุกที่ ทุกสถานการณ์ (สมเป็นพ่อพันธุ์จริง ๆ)
งานอดิเรก : หลอก-หลี-ปรี่-มั่ว-นัวหญิงทั้งที่รู้จัก และไม่รู้จัก (เจ้าหมาหัวงู)
ผลงานที่ผ่านมา : ทำหน้าที่พ่อพันธุ์ชั้นเลิศ ทั้งที่เจ้านายสั่งและไม่ได้สั่ง
ความใฝ่ฝันสูงสุด : สักวันหนึ่ง “น้ำค้าง” ต้องเป็นของเรา
อดีตอันชอกช้ำ : ว่าที่เจ้าสาว “น้ำค้าง” ปันใจหนีไปกับชายอื่น
ปัจจุบัน : เรื่องสาวที่ฝัน ยังคง “แห้ว” รับประทานตามเดิม
ลุงกาแฟ
สัญชาติ : ไทย
เผ่าพันธุ์ : น้ำตาลพันทางของแท้
เพศ : ชาย
อายุ : เข้าข่ายวัยทอง ใกล้เกษียณเต็มที
สถานะ : โสด แต่ไม่ สด
ส่วนสัด : ร่วงโรย เหี่ยว และ ย้อยตามสังขาร
ลักษณะ : ดูหงอย ๆ เซื่อง ๆ แต่มีร่องรอยการต่อสู้มาอย่างโชกโชน
อุปนิสัย : ทั้งเก๋า ทั้งป๋า อดีตหมานักสู้ที่ไม่เคยล่าถอย มีน้ำใจ และเสียสละ
ความสามารถพิเศษ : เก๋าไม่คิดชีวิต ลุยเดี่ยวกับหมาอื่นที่เข้ามาแหยมในชุมชน (ที่ข้าใครอย่าแตะ)
งานอดิเรก : ให้คำปรึกษา ชี้แนะแนวทางแก้ปัญหาให้ ตามประสาเคยอาบน้ำร้อนมาก่อน
ผลงานที่ผ่านมา : ยกพวกลุยกับกลุ่มหมาฝรั่งเฝ้าสวนเพื่อช่วยชีวิตเพื่อนรัก (พ่อของเจ้า “เก่ง”)
ความใฝ่ฝันสูงสุด : อยากพบคำตอบว่า “สุนัขวดี” อยู่ที่ไหนเป็นอย่างไร และมีจริงหรือไม่
อดีตอันชอกช้ำ : ถูกระเห็จออกนอกสวน เพราะเจ้าของสวน พาหมาฝรั่งเข้ายึดอำนาจเฝ้าสวนแทน
ปัจจุบัน : เป็นจ่าฝูงที่รุ่นน้อง รุ่นลูก และรุ่นหลานให้ความเคารพนับถือ
เก่ง
สัญชาติ : ไทย (ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์)
เผ่าพันธุ์ : พันทางเทอร์เรีย หน้าขนลูกผสมกับทางไหนอีกก็ไม่รู้
เพศ : ชาย
อายุ : วัยหนุ่ม
สถานะ : ตอนนี้โสด อนาคตไม่แน่ เพราะแอบรักหญิง ประมาณดอกฟ้ากับหมาวัด
ส่วนสัด : ผอมบางชนิดไม่เคยคิดพึ่งฟิตเนส
ลักษณะ : หน้าขน กวนโมโห หัวโต จะหล่อก็ว่าไม่ จะขี้เหร่ก็ไม่เชิง
อุปนิสัย : ขี้โอ่ ขี้คุย ชอบสร้างปัญหา แต่บางครั้งก็เก่งสมชื่อ แถมกตัญญูรู้คุณเอามาก ๆ ซะด้วย
ความสามารถพิเศษ : ไม่มีทั้งยศและตำแหน่ง แต่ดันมีลูกน้องติดตาม เพราะศรัทธาในความเก่งของลูกพี่
งานอดิเรก : หาเรื่องทำตัวพ่อแง่ แม่งอนกับ “เซ็กซี่” ตามประสารักหลอกจึงหยอกเล่น
ผลงานที่ผ่านมา : ความสามารถหลากหลาย ทำตามสั่งได้มากมาย ถึงขั้นถูกลงมติให้ชื่อ “เก่ง”
ความใฝ่ฝันสูงสุด : หวังไว้ซักวันว่าจะได้เป็นหัวหน้าฝูง และที่สำคัญวันนั้น “เซ็กซี่” คงจะรับรักเค้าได้ซักที
อดีตอันชอกช้ำ : “สุนัขวดี” ทำให้พ่อต้องจากไปอย่างไม่มีวันกลับ
ปัจจุบัน : “เก่ง” ยังคงมี “เปี๊ยก” เป็นคู่หู คู่ฮา คู่กวนกันต่อไป
เปี๊ยก
สัญชาติ : ไทย
เผ่าพันธุ์ : ลายแต้มพันทาง
เพศ : ชาย
อายุ : รุ่นจูเนียร์
สถานะ : โสดสนิท ไม่คิดมีใคร
ส่วนสัด : ร่างเล็ก กะทัดรัด ฉบับกระเป๋า
ลักษณะ : ปราดเปรียว ว่องไว เป็นผู้ตามอย่างดี (แต่หวิดซวยเพราะลูกพี่ก็หลายครั้ง)
อุปนิสัย : ชอบซ่าส์ แต่ไม่กล้าจริง ลูกพี่เฮไหน ข้าเฮนั่น
ความสามารถพิเศษ: สามารถยืน 2 ขาได้ทุกกรณี
งานอดิเรก : ใช้เวลาเพียรเปิดฝาปลากระป๋อง ตามอย่าง “เฮียเก่ง” ผู้ฝึกสอน
ผลงานที่ผ่านมา : หลบการตามล่าและโดนรุมสกรัมจากหมาวัดได้อย่างหวุดหวิด เพราะความ ปราดเปรื่องของ “เฮียเก่ง”
ความใฝ่ฝันสูงสุด : ซักวันหนึ่งจะเปิดฝาปลากระป๋อง (อาหารจานเด็ด) เองให้จงได้
อดีตอันชอกช้ำ : เป็นเด็กอาภัพตั้งแต่เกิด ไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อแม่ที่แม้จริง
ปัจจุบัน : ยังคงศรัทธาในความเก่งของลูกพี่…“เฮียเก่ง” U ARE MY HERO!
เซ็กซี่
สัญชาติ : ชาวต่างชาติ ไม่ระบุสัญชาติ
เผ่าพันธุ์ : พุดเดิ้ลขาวล้วน
เพศ : หญิงแจ๋นเต็มพิกัด
อายุ : สาววัยใส วัยละอ่อน
สถานะ : โสดแบบไม่ได้ตั้งใจ
ส่วนสัด : อวบอั๋น เซ็กซี่ โคโยตี้ชิดซ้าย
ลักษณะ : แหล แจ๋น เริ่ด เชิด หยิ่ง
อุปนิสัย : รักสบาย รักสวยรักงาม ชอบให้เอาใจ คิดว่าตัวเองสูงส่ง และมีชาติตระกูลกว่าคนอื่น
ความสามารถพิเศษ : สามารถทำให้เพศตรงข้ามทั้งคน ทั้งหมาหลงรักได้ในเวลาเดียวกัน
งานอดิเรก : ชอบใส่บิกินี่ เดินอวดโฉมโชว์เรียวขา ยั่วให้หนุ่มๆน้ำลายสอเล่นทั้งวัน
ผลงานที่ผ่านมา : ชอบพูดจาประชดประชันหลอกให้ “เฮียเก่ง” คิดน้อยอกน้อยใจอยู่หลายครั้ง โดยไม่รู้ซะเลยว่า ผู้หญิงว่าแปลว่าผู้หญิงรัก
ความใฝ่ฝันสูงสุด : เฝ้ารอให้ “เก่ง” เก่งจนเป็นที่ยอมรับ และวันนั้นเธอจะรับรัก “เก่ง” (วันนี้ที่รอคอย)
อดีตอันชอกช้ำ : ไฟไหม้ชุมชน เป็นเหตุให้ต้องพรากจากเจ้านายอันเป็นที่รัก
ปัจจุบัน : ยังคงใส่บิกินี่ตัวโปรดให้ทั้งคนและมะหมายลโฉมกันต่อไป
พิกุล
สัญชาติ : ไทย
เผ่าพันธุ์ : ไทยพันทางแท้ ๆ
เพศ : หญิง
อายุ : วัยสาวสะพรั่ง
สถานะ : จำต้องโสด ไม่มีใครกล้าจีบ เพราะคำฮิตติดปากเดิม ๆ ว่า “ดีเกินไป”
ส่วนสัด : ไม่อวบ ไม่อั๋น แต่ก็ยังสเลนเดอร์
ลักษณะ : สวย นิ่ง สมเป็นกุลสตรี
อุปนิสัย : เรียบร้อยยิ่งกว่าผ้า (ผืนใหม่) พับไว้ซะอีก ชอบช่วยเหลือสังคม และรักความถูกต้อง
ความสามารถพิเศษ : ไม่เคยเห่า ไม่เคยหอน ไม่โหวกเหวก และโวยวาย เพราะกลัวดอกพิกุลจะร่วง
งานอดิเรก : ชอบช่วยเหลือเพื่อน ๆ ยามมีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจ
ผลงานที่ผ่านมา : ได้รางวัลมารยาทดีเด่นของชุมชน เพราะอดีตได้ครูเป็นผู้ชุบเลี้ยงสั่งสอนมารยาและ คุณสมบัติผู้ดี
ความใฝ่ฝันสูงสุด : อยากช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ เอ้ย เพื่อนมะหมาต่อไปเรื่อย ๆ (มะหมา 4 ขาส่งเข้า ประกวด!)
อดีตอันชอกช้ำ : เจ้านายเกิดบาดเจ็บตอนไฟไหม้ชุมชน เลยไม่สามารถนำเธอไปเลี้ยงได้
ปัจจุบัน : ยังคงงามงดในด้านกิริยา ไม่มีใครเทียบเทียม
คำนิยม
คำนิยม – พันธุ์ธัมม์ ทองสังข์ (ผู้กำกับภาพยนตร์ “มะหมา 4 ขาครับ”)
…การทำหนังเรื่องนี้ มันเหมือนเรากำลังทำในสิ่งที่คนอื่นเค้าคิดว่า “บ้า” เพราะเป็น สิ่งที่ไม่เคยมีใครทำและไม่มีใครอยากทำ! แค่ทำกับ “คน” ก็ยุ่งมากแล้ว แต่นี้ต้องทำเกี่ยวกับ มะหมาเกือบทั้งเรื่อง กว่า 3 ปีที่ทุ่มเท ที่ทั้งเครียด ลุ้นและบางครั้งคิดว่าจะทำไม่ได้แล้ว แต่พอได้เห็นพลังอันยิ่งใหญ่ทั้งจากทีมงาน และมะหมา ที่พร้อมใจช่วยเหลือกัน เหมือนเป็น พลังสามัคคี เลยคิดว่า “เอาวะ” เราต้องทำให้ได้ ต้องทำให้สำเร็จ พร้อมงัดวิชา “รวมกันเราอยู่ หมาหมู่เรารอด” ออกมาใช้ประลองยุทธ์สู้ศึกครั้งนี้
…จริง ๆ แล้วแกนหลักของเรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากพ็อกเก็ตบุ๊คที่ชื่อ “แก็งข้างถนน” ของคุณอ้อ ภาณุพล พลวรรณภา เป็นหนังสือภาพที่ถ่ายจากชีวิตของ หมาข้างถนน ที่กำลังจะข้ามถนน ซึ่งดูแปลกและน่าสนใจ ในครั้งแรกเลยคิดจะทำเป็นแอนิเมชั่น เพราะคิดว่าถ้าเอาหมามาแสดงจริง ๆ คงไม่รอด แต่พอได้ทำเรื่อง “ไอ้ฟัก” ในฉากที่ต้องตีหมาให้ตาย ช่วงหนังออกฉาย ผมโดนชาวบ้านร้านตลาดด่าทั่วเมือง แทบเดินตลาดไม่ได้ หลงคิดไปว่าผมเป็นนางอิจฉาในตัวละครตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะเจ้าหมาดำในเรื่องมันเล่นได้น่าสงสาร เล่นเหมือนโดนตี โดนทำร้ายจริง ๆ ที่สำคัญมันเล่นได้ทุรนทุรายเหมือนตายจริงซะด้วย จนใครต่อใคร คิดว่าผมฆ่าหมาจริง!!!
…จากครั้งนั้นเองทำให้ผมกลับลำ ปิ๊งไอเดีย คิดเอาหมาจริงแสดงมันซะเลย ไม่ทำละ แอนิเมชั่น การ์ตงการ์ตูนอะไร เลยให้พี่ “สมเกียรติ วิทุรานิช” เขียนบทให้ทันที ที่ต้องเป็นพี่เกียรติ เพราะเคยร่วมงานกันในไอ้ฟักมาแล้ว เรียกว่ารู้ทางกัน ปรับจูนกันง่าย และที่สำคัญ คนเขียนบทดี ๆ มีน้อย และพี่เค้าเป็นส่วนหนึ่งในความน้อยนั้น พี่เค้าทำงานแบบค้นคว้า หาข้อมูล ลงรายละเอียดเยอะ และมีไวยากรณ์ทางภาพยนตร์สูง ทั้งหมดนี้ถ้าผมไม่เลือกพี่เกียรติ ก็ไม่รู้จะเลือกใครแล้ว!
…มาถึงการถ่ายทำ ทำไมต้องกำกับ 2 คนนะเหรอครับ ในตอนแรกผมตั้งใจ จะไม่กำกับนะ เพราะจากเรื่องไอ้ฟัก ตอนนั้น ผมแทบไม่สามารถทำอย่างอื่นได้เลย เลยคิดไว้ว่าจะให้ พี่สมเกียรติกำกับ แต่ยังไม่บอกพี่เค้า เพราะอยากให้พี่เค้าอินกับบท คือกะให้บทที่เค้าเขียน มันถูกดูดซึมไปทั่วร่างกายเค้าซะก่อน เผื่อจะพูดตกลงกันได้ง่ายขึ้น และแล้ว ก็เป็นดังคาดครับ แต่ด้วยความที่เป็นหนังมะหมา ต้องมีด้านการจัดการขั้นตอนต่าง ๆ เยอะแยะมากมายมากกว่าหนังทั่วไป ผมจึงต้องลงมาช่วยด้วยครับ เพราะถ้ากำกับคนเดียว คนนั้นต้องตายแน่ ๆ หรือไม่คนคนนั้นก็ต้องเป็นซูเปอร์ฮีโร่ ที่มีพลังมหาศาล เสร็จสรรพ เลยกลายเป็นพี่สมเกียรติมีหน้าที่คิดไอเดีย บรรเจิดออกมาให้เต็มที่ ส่วนผมก็มีหน้าที่จัดการ ให้ไอเดียเหล่านั้นเป็นจริงขึ้นมาให้ได้ สุดท้ายก็เลยกำกับ 2 คนดีกว่า
…ขั้นตอนการถ่ายก็สุด ๆ ละครับ กว่าจะถ่ายจริงได้ต้องทำงานกัน 3-4 รอบ เริ่มตั้งแต่ พอได้บทมา ก็มาให้คนเขียนสตอรี่บอร์ดให้เพื่อหามุมกล้อง จากนั้นต้องเอาไปปรึกษากับครูฝึกสุนัขว่าสามารถทำได้ตามนี้มั้ย
ถ้าได้ก็ต้องเอากล้องดีวีลองไปถ่ายน้องมะหมาในสถานที่จำลอง ให้ได้เหมือนทุกคัตทุกมุมตามที่เขียนในสตอรี่บอร์ด แล้วก็ต้องเอามาตัดต่อดูกันก่อนว่า ดูรู้เรื่องหรือไม่ ยัง…ยังไม่จบนะครับ จากนั้นก็ถึงคราวไปสถานที่จริง แต่ก็ยังไม่ได้ถ่ายจริง นะครับ ต้องลองไปซักซ้อมกันดูก่อนอีกที ถึงจะได้เริ่มถ่ายทำกันจริง ๆ แค่คิดก็ไมเกรนขึ้นแล้วครับ! ขืนไม่ทำแบบนี้หากไปถ่ายทำกันเลยจริง ๆ แล้วมุมกล้องไม่ได้ ต้องเปลี่ยนให้มะหมายืนสลับที่กัน และต้องเปลี่ยนจากยกขาซ้าย เป็นยกขาขวา นั่นก็ต้องกลับไปฝึกอีก 7 วันละครับ เพราะว่า ก่อนหน้านั้นมันถูกฝึกมาให้ยกขาซ้ายมาโดยตลอด คือถ้าถ่ายคนเรื่องแบบนี้คงไม่มีปัญหาแน่ แต่นี้เป็นหมาครับ มันถูกฝึกมาให้ทำเป็นทีละอย่าง เป็นไงครับ พระเจ้าจอร์จ มันยอดมาก ใช่มั้ยละครับ!?
…เรียกว่าถ่าย 100 คิว ก็ทำกันแบบนี้อยู่เกือบครึ่งละครับ หลังจากนั้นพอรู้มุมกล้อง รู้ทางกัน เริ่มชำนาญแล้วก็สามารถตัดขั้นตอนลงมาได้ เหลือเพียงแค่ฝึกซ้อมมะหมาให้ได้ ตามที่ต้องการเท่านั้นครับ แต่ก็ใช่ว่าจะง่ายนะครับ ไม่ใช่ว่าสามารถจะฝึกได้ทีเดียว แล้วก็มาถ่ายทำกันยาวได้เลย มันต้องฝึกแล้วมาถ่าย แล้วก็ต้องหยุดเพื่อให้ฝึกของใหม่ และค่อยมาถ่าย คือต้องมีการพักกองเป็นระยะ ๆ เรียกว่าถ่าย 7 วัน ฝึก 2 อาทิตย์ แล้วกลับมาถ่าย 5 วัน กลับมาฝึกอีก 2 อาทิตย์ เป็นอย่างนี้ตลอดการถ่ายทำล่ะครับ เพราะมะหมามันจำอะไรไม่ได้เยอะเท่าคนนะครับ อย่าลืม นั่นละครับที่มาของการถ่ายทำ ยาวนานถึง 1 ปีเต็ม ๆ !
…จะว่าเข็ดมั้ยกับการทำหนังสัตว์ เข็ดหรือเปล่าไม่รู้ แต่ที่รู้คือรู้สึกว่า “พอแล้ว” ครับ เพราะทุกวินาทีที่อยู่กับหนังเรื่องนี้หัวใจจะวายครับ ทรมานหัวใจทุกครั้ง เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าสิ่งที่เราต้องการนั้นเมื่อไหร่จะเกิดขึ้น มันจะลุ้นตลอด รู้สึกว่าหัวใจไม่แข็งแรงพอครับ
…แต่บอกตามตรงนะครับว่าตอนนี้เชื่อแล้วว่า มะหมาสามารถทำได้ทุกอย่าง เรื่องนี้ เป็นความสามารถทางการแสดงของมันล้วน ๆ ครับ เรียกว่าเราไม่ใช้สเปเชียลเอฟเฟ็กต์กับการแสดงของหมาเลย จนบางครั้งผมลืมความเป็นหมาของมัน หลงคิดว่ามันเป็นคนด้วยซ้ำ เราสามารถฝึกมันได้จริง ๆ ครับ ไม่เฉพาะแต่หมานอกเท่านั้นที่ทำได้ มะหมาไทย ๆ ของเรา หรือแม้แต่มะหมาข้างถนน มันก็สามารถทำได้จริง ๆ เผลอ ๆ อาจฉลาดกว่าและเก่งกว่าด้วยซ้ำ!
…อยากบอกจริง ๆ มะหมาทั้งหลาย ว่าขอบใจมาก ๆ แต๊งกิ้วหลาย ๆ ขอบคุณจริง ๆ เพราะพวกมันไม่รู้หรอกว่ากำลังทำอะไรอยู่ หรือถึงจะเหนื่อยแต่พวกมันก็ทำให้จนสำเร็จ ซึ้งใจมากเพื่อน…และด้วยความเป็นมะหมานี้ ก็ทำให้ได้รับความช่วยเหลือมากมาย อย่างคาดไม่ถึงจากคนรักหมา ทั้งจากนักแสดงเองอย่าง พี่ “ปุ๊ อัญชลี” ที่รับเล่นเรื่องนี้ทันที อย่างไม่ลังเล ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยรับเล่นหนังมานานมาก และ “หนูแหวน” ดารารับเชิญอีกคนที่มา รับเล่น โดยนำเงินค่าตัวที่ได้แบ่งไปบริจาคมูลนิธิเพื่อช่วยเหลือมะหมา
…ขอบคุณในความเป็น มะหมาของเธอจริง ๆ
คำนิยม-สมเกียรติ วิทุรานิช (ผู้เขียนบทและกำกับภาพยนตร์)
…ใครจะเชื่อครับว่ามันทำได้! ใครจะไปคิดล่ะครับ! นั่นเป็นคำที่ผมร้องลั่น (อย่างสุภาพ) ทุกครั้งที่ผมเห็นมะหมาเหล่านั้นในหนัง “มะหมา 4 ขาครับ” ตอนผมเขียนบทเอง ผมยังไม่คิดว่า มันจะทำได้เลย แต่ผมอยากเห็นมันทำอย่างนั้นอย่างนี้ได้ เลยเขียน ๆ ไปยิ่งเขียน ยิ่งสนุก ให้มัน ทำอะไรมากมาย หลายต่อหลายอย่าง เริ่มจะผิดหมาไปทุกทีกว่าจะเสร็จก็ปาเข้าไปปีนึงครับ เพราะต้องหาข้อมูล พูดคุยสอบถามจากคนเลี้ยงหมาทั้งจรจัดและไม่จรจัด และอาศัยประสบการณ์ ตอนเด็ก ๆ ที่ได้คลุกคลีกับหมาข้างบ้าน แต่ดันมาอยู่บ้านเราจนเหมือนเป็นหมาของเราไปแล้ว เรียกว่าเขียนอย่างเมามัน และก็มันมือล่ะครับ แต่พอมาได้รู้ว่าผมต้องกำกับเรื่องนี้ด้วย ลมแทบใส่ครับ
…แต่ก็ต้องตอบตกลงเพราะโดนบังคับ! ไม่ใช่นะครับ…ล้อเล่น แต่เป็นเพราะ รู้ศักยภาพของปุ๊กว่าถ้าเค้าอยากทำอะไรเค้าทำได้จริง ๆ แล้วทำได้ดีด้วย เลยคิดว่างานนี้ น่าจะออกมาดี และเป็นการกำกับร่วมกัน 2 คนด้วย ถ้าคนเดียวคงไม่รับแน่ๆ แล้วข้อดีของ การกำกับ 2 คนก็คือ จะเป็นผู้กำกับที่ไม่โดดเดี่ยว เพราะเมื่อเกิดปัญหาทุกคนทั้งกอง จะหันมาหาคำตอบจากผู้กำกับ ถ้ากำกับคนเดียวก็ต้องคิดคนเดียว หัวเดียว แต่ถ้ามี 2 เหมือนมันมีคู่คิด คู่หูติดตัวตลอด สามารถแบ่งงานกันทำตามที่ถนัดได้ และความลงตัว อีกอย่างคือ สิ่งที่ต้อง การสื่อสารในเรื่องนี้คือความสามัคคี มันเป็นสากล เป็นเรื่องที่ทุกคน เข้าใจตรงกัน ดังนั้นจึงไม่เป็นปัญหาในการกำกับกัน 2 คนครับ
…พอได้มีโอกาสมากำกับก็เหลือเชื่อจริง ๆ ครับ เหลือเชื่อในความสามารถของมัน คุณเคยเห็นอาการเหล่านี้มั้ยครับ ยิ้ม เศร้า เหงา อินเลิฟ กอด พลอดรัก ไม่ใช่ของคนนะครับ แต่เป็นของหมา! ถ้าไม่เคย คุณคิดภาพหมาทำสิ่งเหล่านี้ออกมั้ย ในหนังเรื่องนี้มีให้คุณเห็นเพียบ จนคุณต้องทึ่งเลยครับ พวกมันถูกฝึกมาอย่างดีกับครูฝึกมืออาชีพ เพราะฉะนั้นช่วงถ่ายทำ จึงต้องมีครูฝึกอยู่ในฉากด้วยทุกครั้งเพื่อคอยสื่อสารกับมัน และนี่ก็เป็นปัญหาให้แก้กันบ่อยครับ เพราะเรื่องนี้ถ่ายมุมกว้างเยอะ เพราะฉะนั้นนอกจากจะจัดการกับมะหมาให้อยู่ในที่ของมันแล้ว ยังต้องคิดหาที่หาทางให้กับครูฝึกด้วย บางครั้งตามต้นไม้สูง ตามชานบ้านก็เป็นที่ ที่ครูฝึกต้องอยู่
…การถ่ายทำแต่ละวันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนะครับ ไม่ใช่ว่า จะถ่ายกันได้ทั้งวัน ทั้งคืนเหมือนคน หมามันต้องการเวลาพักครับ ถ้ามันเหนื่อย มันต้องได้พักไม่อย่างนั้นมันถ่ายต่อไม่ได้ หรือถ้าร้อน ก็ต้องหยุดครับ ต้องพักให้หายร้อน อย่างถ่ายกันตอนเช้า 7-8 โมง พอถึง 10 โมงก็ต้องพักครับ เพราะมันจะเหนื่อยแล้ว ถ่ายได้อีกที บ่าย 2 เพราะช่วงเที่ยง ๆ มันจะร้อนมากครับ เพราะถ้าขืนฝืน ให้มันเล่นไป แล้วมันเกิดอารมณ์เสีย หรือเหนื่อยจนไม่มีแรง ก็จะพานเอาไม่เล่นไปเลยทั้งวัน มันจะแย่กว่าครับ ไงล่ะครับ ยิ่งกว่านักแสดงซูเปอร์สตาร์ซะอีกนะครับ
…แต่ช่วงหลัง ๆ เราต้องถ่ายสปีดกว่าปกติหลายเท่า จากวันนึงถ่ายได้ประมาณ 10 คัต แต่ช่วงหลัง ๆ ต้องถ่ายให้ได้ถึง 20 คัต และเป็นคัตที่ยาก ๆ ทั้งนั้นด้วย จนแทบจะหมดหวัง ไปตาม ๆ กัน แต่แล้วเหมือนมีพลังมหัศจรรย์อะไรบางอย่างเกิดขึ้น ซีนยาก ๆ ที่คิดว่า ต้องถ่ายกันเป็นครึ่งคืน แต่กลับถ่ายได้ภายในครึ่งชั่วโมง ขนาดครูฝึกยังบอกว่าไม่คิดว่า จะทำได้ขนาดนี้ คือรู้สึกว่าเหมือนเค้าจะรู้ว่าเรารีบ เค้าเลยช่วยเหลือเรา มหัศจรรย์จริง ๆ ครับ
…ถึงตอนนี้ไม่อยากบอกว่าขอบคุณแล้ว แต่อยากจะบอกว่าขอโทษจากใจจริง เพราะความต้องการที่เยอะเหลือเกินของเรา ที่ทำให้เค้าต้องฝึก ถ้าเค้าไม่ถูกเราเลือก เค้าคงจะได้นั่ง ๆ นอน ๆ เดินคุมซอย หากินอยู่ที่ของเค้าก็ได้ แต่นี่เค้าต้องมาฝึกในงานของเรา ต้องเหนื่อย บางครั้งต้องร้อน แต่พวกเค้าก็ยังทำงานให้เรา…ขอโทษจริงๆ
…อยากให้มาดูในความสามารถของมะหมาจริง ๆ ว่ามันทำได้ เป็นหนังที่ดูสนุก ดูได้ทั้งครอบครัวโดยเฉพาะเด็ก ๆ เพราะประเด็นของเรื่องเกี่ยวกับความรักและ ความสามัคคี ซึ่งน่าจะเข้ากับสถานการณ์ในปัจจุบัน แต่ไม่ใช่ว่าเราจะเอาหมามาสอนคน แต่อยากทำออกมา ให้เด็ก ๆ ได้ดู ได้เห็นว่า “เพื่อนจะไม่ทิ้งเพื่อน เพื่อนต้องรักเพื่อน และเพื่อนต้องอภัยให้เพื่อน” นี่คือสาระสำคัญของเรื่องที่เราอยากจะสอดแทรกลงไป และถ้าเป็นไปได้อยากให้หนังเรื่องนี้ปลุกกระแส “MIDROAD MANIA” ขึ้น อยากให้คนไทยหันมาคลั่งและรักในมะหมาข้างถนน หมาไทยของเรา มากกว่าจะไปหลงใหลในหมาฝรั่ง หมานอกให้เสียดุลการค้าเล่น จริงมั้ยครับ
คำนิยม-ณภัทร ภวภูตานนท์ ณ มหาสารคาม (ผู้อำนวยการสร้าง, ผู้อยากให้มะหมาหัดเอาใจ แอ็คติ้ง และสตรอเบอรี่กับเจ้านาย)
…“นับแต่นี้ห้ามเรียก ‘หมา’ ว่า ‘หมา’ เพราะมันไม่ใช่ ‘หมา‘ ! มันเป็นมนุษย์อีกเผ่าพันธุ์หนึ่ง ที่เข้าใจสิ่งที่เราพูดทั้งหมดจึงต้องเรียก ‘หมา’ ว่า ‘มะหมา’ เพราะมันมีสกุลกว่า ไม่ใช่สัตว์ดาษดื่นทั่วไป” คำพูดจากอดีตคนเคยกลัวมะหมาสุดชีวิต สู่การเป็นคนรักและเข้าใจมะหมาอย่างไม่น่าเชื่อ
…จากประสบการณ์การโดนมะหมากัดครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิตสมัยช่วงมหา’ลัย จะเรียกว่า “ซวย” หรือ “โชคดี” ก็ไม่ทราบ เพราะโดนมะหมาของเพื่อนที่ไม่เคยกัดใครมาตลอดชีวิตของมัน แยกเขี้ยวกระโจนกัดเข้าให้ เรียกว่าเปิดซิงกันทั้งคู่ ถึงแม้ร่องรอย การถูกทำร้ายจะมีปรากฏไม่มาก จะมีก็เป็นแผล และรอยฟกช้ำให้เห็นเป็นหลักฐาน แต่ ความตกใจมันเกินกว่าแผลที่ได้รับมากกว่าหลายเท่านัก และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็สัญญา กับตนเองว่า “ชั้นกับหมาต้องไม่อยู่ร่วมกัน ทางใครทางมัน”!
…แต่แล้วชีวิตก็ต้องมาพัวพัน เกี่ยวข้องกันอีกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะลูก ๆ ดันเป็น คนรักมะหมามาก เลยต้องยอมให้เลี้ยงไว้ในบ้านถึง 5 ตัว (พระเจ้า! 5 ตัว แค่ตัวเดียวก็แทบตายแล้ว) เป็นการอยู่กับมะหมาแบบไม่ยุ่งเกี่ยวกันทางพฤตินัย ต่างคนต่างอยู่ เคยแม้กระทั่ง แช่งชักหักกระดูก ภาวนาให้มันอย่ามายุ่งกับเรา และเชื่อว่ามันเองก็คงภาวนาอย่างเดียวกัน แต่แล้ววันนึง ใครจะคิดว่าจะมีคนเอาโปรเจ็กต์หนังหมา หนังที่เกี่ยวกับมะหมาทั้งเรื่องมาเสนอ!
…แต่เหมือนชีวิตจะหนี 4 ขาไปไม่พ้น เพราะคติที่ยึดถือในการทำงานมาตลอดคือ จะทำอะไรต้อง “สร้างสรรค์สังคม” จึงจำเป็นต้องแยกเรื่องส่วนตัว อคติ และเรื่องงาน ออกจากกัน ผลก็คือตัดสินใจใส่เกียร์เดินหน้าลุย ลงทุนทำหนังเรื่องนี้ทันทีภายใต้บริษัท NGR บริษัทที่เปิดขึ้นเพื่อทำหนังโดยเฉพาะ และแน่นอนต้องยึดหลัก ให้ข้อคิดกับสังคมและสร้างสรรค์สังคมเช่นเคย เป็นบริษัทพี่บริษัทน้องกับทูแฮนด์ บริษัทที่ผลิตละครคุณภาพสร้างสรรค์สังคม และละครเฉลิมพระเกียรติมานับไม่ถ้วนอย่าง สี่แผ่นดิน, ในฝัน, อยู่กับก๋ง, คาวน้ำค้าง, ทะเลฤาอิ่ม, หน้าต่างบานแรก และถึงแม้จะเป็นการเสี่ยงมากในการลงทุนครั้งนี้ เพราะ “มะหมา 4 ขาครับ” ไม่ได้เป็นหนังที่แมสหรือไม่ได้เป็นหนังตลาด แต่ก็มีความเชื่อว่า “คนดี คิดดี ต้องโชคดี” เพราะ “มะหมา 4 ขาครับ” เป็นหนังที่ไม่เป็นพิษเป็นภัยและให้แง่คิดกับ สังคมในหลากหลายด้าน จึงน่าจะเป็นประโยชน์กับสังคมได้บ้างไม่มากก็น้อย และที่สำคัญ เป็นหนังที่สนุก ดูได้ทุกเพศทุกวัย จนคุณต้องเผลอยิ้ม ขำ และฮาในความน่ารัก น่าเอ็นดู ของมะหมาตลอดทั้งเรื่อง
…แต่กว่าจะออกมาเป็นรูปเป็นร่างได้ ก็ผ่านการช่วยกันคิด ช่วยกันทำ ช่วยกันตัดสินใจมาตลอด ไม่ใช่แค่ลงทุนเท่านั้น แต่ต้องร่วมกันคิดและตกลงกันก่อนเพราะหนังที่ออกมา มันจะเป็น “หนังของเรา” ไม่ใช่ หนังของชั้นหรือของคุณ! ทุกคนต้องช่วยกันจริง ๆ โดยเฉพาะน้องมะหมาทั้งหลาย เรียกว่าฝีมือสุดยอด ความสามารถสูงอย่างเหลือเชื่อ ทั้งต้องยอมฝึกยอมเล่นให้เรา โดยที่มันอยากเล่น อยากเป็นดาราหรือเปล่า เราก็ไม่รู้! มะหมาเหล่านี้จึงเป็น ส่วนสำคัญมาก ๆ ที่ช่วยให้หนังออกมาอย่างสมบูรณ์ขนาดนี้ ดังนั้นการดูแลเทคแคร์มะหมา จึงต้องสมบูรณ์แบบ เพราะเค้าไม่สามารถพูดกับเราได้ว่าต้องการอะไร ตอนนี้รู้สึกอย่างไร ร้อนมั้ย หิวข้าวและน้ำหรือเปล่า ดังนั้นจึงต้องดูแลกันเกินร้อย เรียกว่าดูแลกันอย่าง “ซูเปอร์สตาร์” เลยทีเดียว
…จะว่าไป ตั้งแต่ได้ตัดสินใจทำหนังเรื่องนี้มา ก็ได้มีโอกาสใกล้ชิด ได้มีเวลาและ ใช้เวลาอยู่กับมะหมามากขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ระยะเวลากว่า 2 ปีที่ผ่านมาทำให้รู้จัก กับมะหมามากขึ้น เข้าใจและรับรู้ความรู้สึกของมันได้ หรือจะเรียกว่าเข้าขั้น “รัก” แล้วก็ไม่ผิด กลายเป็นว่าสายตาตอนนี้ที่มองมัน เต็มไปด้วยแววตาที่อ่อนโยนและปรานี อะไรที่เคยไม่เข้าใจ พวกคนรักมะหมา พวกที่ชอบทรีตมะหมาเหมือนลูกตัวเอง ตอนนี้เราดำเนินรอยตามเป็นแบบนั้นทุกอย่าง หรือบางทีอาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ มะหมาเป็นสัตว์ที่มีเสน่ห์มาก ยิ่งเข้าใกล้มันมากเท่าไหร่ คุณจะรักมันมากขึ้นเท่านั้น!
…หลังจากร่วมหัวจมท้ายกันมานานพอดู ไม่อยากจะเชียร์มาก เอาเป็นว่า ลองคิดดูแล้วกันว่า จะมีหนังซักกี่เรื่อง หรือจะมีซักกี่ครั้งที่คุณจะพาปู่ ย่า ตา ยาย พาครอบครัว ลูก หลานไปดูด้วยกันได้ อยากให้ภูมิใจที่หนังเรื่องนี้เป็นของคนไทย! ทำโดยทีมงานไทย! และเล่นโดยมะหมาไทย! อย่างน้อยก็ปรบมือให้กำลังใจมะหมา มันซักนิดก็ยังดี
…ลองมาดูกันว่าความสามารถของมะหมาไทย จะดังใน HOLLYWOOD ได้หรือไม่?!
…หนังเกาหลียังทำให้คนไทย “บ้า” ได้ ทำไมมะหมาไทยของเราจะทำไม่ได้!
…บางทีในไม่ช้า อาจมีมะหมารุ่นน้องชักแถวเดินหน้าเข้าสู่ถนนสายนี้ก็เป็นได้!
เกร็ดหลังกอง
เกร็ดหลังกอง
คอย…ดีมาก – กลายเป็นคำพูดติดปากของคนในกองไปซะแล้วครับ จริงๆ แล้ว “คอย…ดีมาก” เป็นคำสั่งและเป็นคำพูดของครูฝึกที่จะคอยพูดกับมะหมา สี่ขาอย่างพวกผม แต่ตอนนี้ ประโยคนี้กลับฮิตในหมู่คน 2 ขา ไปเรียบร้อยแล้วครับ คือไม่ว่าใครจะพูดหรือทำอะไร อีกฝ่ายก็จะบอกกลับมาเสมอว่า “คอย…ดีมาก” ซี่งก็กลายเป็นเรื่องโจ๊กให้อำกันทั้งกอง อยู่นาน
พิษรักโปรโมต – ต้องเล่นเป็นคู่รักอินเลิฟกันในจอคงยังไม่พอ สงสัยทั้งคู่จะอินจัด แอบหลงรักชอบพอกัน เป็นจริงขึ้นมา เกิดเป็นความรักกันนอกจอขึ้นด้วย ระหว่างผม “มะขาม” พระเอกหนุ่ม มาดเท่ห์ กับดอกฟ้าอย่าง “น้ำค้าง” นางเอกสาวสวยแสนสง่า ที่หมาหนุ่มหลายตัว หมายปองอยากเป็นเจ้าของเธอ และจะว่าไป “ลุงกาแฟ” ก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วยกับเขา เหมือนกันครับ
น้อยใจหมา – ด้วยความที่ต้องเข้าฉากเล่นกับมะหมาอยู่บ่อยครั้ง เลยอดน้อยใจผู้กำกับฯไม่ได้ทุกที ทั้งๆ ที่ พี่ “แจ็ค” ก็เล่นได้เป๊ะทั้งบทและอารมณ์ แต่พอผู้กำกับสั่ง “คัต” ปุ๊บ เท่านั้นแหละ ผู้กำกับฯ ก็รีบเดินปรี่เข้ามาชมมะหมาอย่างผมว่า “ดีมากลูก เก่งมาก” ลูบไล้ทั้งหัวและตัว แล้วก็เดิน จากไป ปล่อยพี่ “แจ็ค” ไว้ให้หน้าเอ๋อ น้อยใจในความเป็นคนอยู่อย่างนั้น จนผมอดสงสารไม่ได้
เต้โดนหยาม – มีฉากต้องปะทะและโดนมะหมาทำร้ายอยู่บ่อยครั้ง และมีอยู่ฉากหนึ่งที่พี่ “เต้” ต้องโดนผมกระโดดเหยียบ เข้าที่ยอดอกอยู่หลายครั้ง มันคงเหมือนมีคนเอามือมา ผลักอกหาเรื่องอยู่บ่อย ๆ
ประมาณว่าเหมือนโดนหยาม ล่ะครับ และต้องโดนให้ผมเหยียบอยู่อย่างนั้นหลายที มาก เพราะผู้กำกับฯ ต้องการให้เห็นมุมและภาพที่แสดงถึงความสามารถของหมาอย่างผมจริง ๆ “พี่เต้” บอกว่า เห็นเป็นน้อง “มะขาม” นะเนี่ยถึงได้ยอม
ใครว่าไม่เงียบ – ใครว่ากองถ่ายที่มีมะหมาใช้ชีวิตอยู่เกือบสิบชีวิตจะส่งเสียงดัง เห่า หอน เอะอะโวยวายบ้างครับ? คุณคิดผิดถนัด เพราะมะหมาที่นี่ถูกฝึกมาดี มีระเบียบวินัย พอพักกองทีก็จะแยกย้ายกันหลับ ที่ใครที่มัน เลยเงียบซะยิ่งกว่าเงียบอีก บอกได้เลยว่าเงียบสงบกว่ากองถ่ายที่มี คนล้วน ๆ ซะอีกนะครับ
งอน – ถึงคราวที่ “มะขาม” คือผมจะอดรนทนไม่ไหวเข้าให้แล้ว กับฉากที่ผม กับ “เก่ง” ต้องช่วยกันดึงช่วยกันลากรถ ซึ่งต้องถ่ายฉากนี้กันอยู่นาน เพราะ เจ้า “เก่ง” อู้งาน ไม่ยอมออกแรงดึง ปล่อยให้ผมดึงอยู่ตัวเดียว จนในที่สุดความอดทนถึงขีดจำกัด ผมทนไม่ไหวครับ หันไปเห่าต่อว่าเจ้า “เก่ง” และหันไปเหล่ครูฝึกเหมือนจะฟ้อง แล้วก็วิ่งไปที่เต๊นท์สวัสดิการ เพื่อให้ครูฝึกมาง้อถึงกลับไป
เล่นเคี้ยวจริง – มีฉากที่พระเอกอย่างพี่ “แจ็ค” ต้องโชว์ความใจดี ให้อาหาร “มะขาม” อยู่บ่อย ๆ หนึ่งในนั้นต้องมีป้อนน่องไก่ให้ แต่ในฉากนั้นผมต้องยังไม่กิน ต้องคาบไว้ก่อน แต่ด้วยความหิว หรือรสน่องไก่ถูกปากยังไงผมเองก็จำไม่ได้แล้ว ส่งน่องไก่ให้ทีไร เป็นต้องเคี้ยว กินทุกครั้ง จนปาเข้าไปเกือบครึ่งวันแล้วก็ยังถ่ายไม่เสร็จ แถมน่องไก่เจ้ากรรมก็มาหมด เดือดร้อนทีมงานต้องพาน่องไก่ไปเข้าโรงซ่อม เอากระดูกมาต่อกันและติดสก็อตเทป เอาไปเข้าฉากแทน
รักต่างวัย – แม้ว่าในเรื่องจะมีคู่รักระหว่าง “ผม” กับ “น้ำค้าง” ให้อิจฉากันเล่นแล้ว แต่นอกกองยังมี อีกคู่ให้ได้ลุ้นกันอีก จะเป็นใครนะเหรอ ให้เวลาลองเดากันเล่น ๆ ละกันครับ…เฉลยกันเลยดีกว่า เพราะคิดว่ายังไงก็คงเดาไม่ถูก นั่นก็คือคู่ระหว่าง “ลุงกาแฟ” ที่แม้อายุอานามร่วงโรยไปไกลแล้วก็ตาม แต่สงสัยความนิ่ง ความเก๋าจะเข้าตา เป็นที่ ถูกตาต้องใจสาวเข้าจังเบอเร่อ นั่นก็คือ สาวสวยรวยมารยาทอย่าง “พิกุล” นั่นเอง เรียกว่า “ลุงกาแฟ” เดินหรือทำอะไร เธอเป็นต้องเฝ้าดูและมองตามทุกครั้งไป ทำให้พี่ ๆ ทีมงานเห็นแล้วอมยิ้ม ไปตาม ๆ กัน
ไข่ฟาดหน้า – ไม่พ้นฉากที่ต้องคลุกคลีตีโมงกับมะหมาอย่างเคย เป็นฉากแรกของพี่ “เต้” และก็เป็นฉาก เปิดตัวพี่ “เต้” ด้วย ที่ต้องร่วมกับมะหมาอีกเป็นสิบตัว บางตัวต้องกระโดดใส่อยู่หลายครั้ง เท้าฟาดหน้าก็แล้ว ก้นฟาดหน้าก็แล้ว จนในที่สุดน้องไข่ของมันก็เกือบฟาดหน้าเข้าจนได้ ห่างแค่เพียงปลายเล็บเท่านั้น เฮ้อ…เกือบไปแล้วนะพี่เต้ ซึ่งแค่ฉากนี้ฉากเดียว ก็ปาเข้าไป 3-4 วันแล้ว ถ้าถ่ายนานกว่านั้นมีหวังโดนฟาดจริง ๆ แน่
SUPERSTAR ตัวจริง – ทุกครั้งที่ออกกองถ่าย โดยเฉพาะกลางแจ้งที่ต้องทนกับแดดร้อน ๆ ทุกอย่างต้องเตรียมพร้อม เพื่อให้นักแสดงได้คลายร้อนอย่างรวดเร็วทันใจ คือเรียกว่าถ้าเหนื่อย หรือมีทีท่าว่าร้อนขึ้นมาเมื่อไหร่ต้องพร้อมเสมอ ไม่ว่าจะเป็นพัดลมไอน้ำ, ผ้าปูพื้นไว้รองเวลาเหยียบ พร้อมมือนวด ที่จะคอยนวดผ่อนคลาย กดจุด อโรมากันไป และที่สำคัญน้ำท่าต้องไม่ให้ขาดตกบกพร่อง ตามคำสั่งเบื้องบน แต่ทั้งหมดนี้ทำเพื่อมะหมาอย่างพวกผมนะครับ ไม่ใช่คน!
พลังสามัคคี – ถ่ายทำกันมานาน 1 ปีเต็ม ๆ ครับ ผ่านมาหมดทุกฤดูแล้ว โดยเฉพาะหน้าฝนที่ทรมานทรกรรม พิสูจน์ความทรหดของพี่ ๆ ทีมงานมากที่สุด เพราะไม่สามารถยกกองไม่ถ่ายทำตลอดช่วง หน้าฝนได้ และด้วยหนังเรื่องนี้ถ่ายกลาง แจ้งเยอะมากครับ ดังนั้นสิ่งที่ทำได้อย่างดีที่สุดคือ เมื่อไรที่ฝนตก และน้ำท่วมขังบริเวณที่ถ่าย พี่ ๆ ทีมงานก็ต้องคอยซับน้ำกันทั้งวัน บ้างก็เอา ขันมาวิดน้ำออก บ้างก็เอาพัดลมมาเป่าให้แห้งเร็ว ๆ ทุกคนจะมีอุปกรณ์ซับน้ำอยู่ในมือครับ เพื่อช่วยกัน ให้สามารถถ่ายทำต่อไปได้เร็วที่สุด
คู่ซี้ในจอ ถึงนอกจอ – นี่ก็เป็นอีกคู่ที่ตามกันมาซี้ถึงนอกจอครับ คือคู่กวน คู่หูคู่ฮา “เก่ง” กับ “เปี๊ยก” นั่นเอง ในจอสนิทกันยังไง นอกจอเดี๋ยวนี้ก็สนิทกันยังงั้น ไม่ว่าเฮีย “เก่ง” จะไปไหน “เปี๊ยก” ก็จะคอยตามไปด้วยเสมอ ถึงแม้จะเพิ่งมารู้จักกันในกองนี้แต่ก็น่าแปลกที่ทั้งคู่สนิทกันได้ไว และเข้าขากันได้ดีขนาดนี้ครับ
รัก 3 เส้า – เกิดเป็นรัก 3 เส้า ชาย 2 หญิง 1 ขึ้นกลางกองซะแล้ว ระหว่าง ผม, น้ำค้าง และลุงกาแฟ จะเห็นได้ชัดว่าเมื่อเวลา “น้ำค้าง” มากองถ่ายด้วย ผมมักเห็น “ลุงกาแฟ” จะเข้าไปเลียบ ๆ เคียง ๆ ใกล้ชิด “น้ำค้าง” ตลอดและก็คอยแอบเหล่มองอยู่ทุกนาที แต่เมื่อไรที่เห็น “น้ำค้าง” เล่นอยู่กับผมนั้น ลุงกาแฟเป็นอันต้องก้มหน้าแล้วหันหลังหนีไปทำใจซะทุกที จนทีมงาน ที่เฝ้าเชียร์ “ลุงกาแฟ” อยู่ห่าง ๆ ต้องรีบเข้าไปปลอบประโลมกันยกใหญ่
แม่อยู่ไหน – ความที่ติดแม่มาก วันไหนที่ “น้ำค้าง” มากองถ่ายโดยที่ไม่มีแม่มาด้วย ก็จะไม่มีปัญหาเพราะเธอรู้ตั้งแต่ก้าวขาออกจากบ้านแล้วว่าแม่ไม่ได้มาด้วย แต่หากเมื่อไหร่ที่รับรู้ว่าวันนั้นแม่มาด้วย เวลาอยู่ในกองหรือแม้แต่เวลาถ่ายอยู่ก็จะคอยมองหาแม่ตลอด พอเห็นว่าแม่อยู่ด้วยก็จะถ่ายต่อ ไปได้ไม่มีปัญหา แต่ถ้ามองไปแล้วไม่เจอแม่ ทีนี่ล่ะเกิดปัญหาแน่ เพราะเธอจะเล่นตามหาแม่ อย่างไม่ลดละเลยทีเดียว
ทำไปได้…50 เทค – ตัดสินใจใช้นักแสดงหลักเป็นมะหมาแล้ว ก็ต้องยอมรับให้ได้ว่าการถ่ายทำแต่ละฉากแต่ละซีน ต้องกินเวลามากแน่ ๆ แต่ถึงให้ทำใจยอมรับยังไง ก็ไม่คิดว่าจะต้องทำใจมากขนาด 50 เทค! แหละครับ ก็จะใครที่ไหน ฝีมือ “เจ้าเก่ง” ล่ะครับ เพราะความต้องการของผู้กำกับที่อาจมี มากเกินไป (รึเปล่า) ที่ต้องการให้เจ้า “เก่ง” ยิ้มได้! ทำไงได้ล่ะ ก็ต้องรอจนกว่าจะมีอารมณ์ และมี FEEL ที่จะยิ้มออกมานะสิ ก็ปาเข้าไปไม่นานหรอกครับ ก็แค่ครึ่งวันเอง! แต่จะได้เห็น กันในหนังก็แค่ 5 วินาทีเท่านั้นนะครับ อย่างนี้ล่ะครับ เค้าเรียกงานคุณภาพ!
ช่างแตกต่าง – ด้วยความที่ “น้ำค้าง” เป็นมะหมาสุดรักของครูฝึกที่ทั้งหวงและห่วง เลี้ยงมาชนิดไข่ในหิน จึงไม่แปลกที่เวลามากองถ่าย ชุดเครื่องนอน หมอน มุ้ง รวมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวก จะมีครบเซ็ต เวลาที่พักกอง มะหมาแต่ละตัวก็จะแยกย้ายกันไปนอนที่ใครที่มัน ซึ่งก็จะเป็นลัง หรือกล่องกระดาษ ตามที่มันเคยชิน เคยอยู่มาแต่เก่าก่อน เพราะจะทำให้ได้พักผ่อนเต็มที่ เป็นตัวของตัวเอง และมีสมาธิ แต่เพราะน้ำค้างเป็นมะหมาสุดหวงอย่างที่บอก สถานที่นอน ของมัน ก็คือบนรถตู้ที่เปิดแอร์อย่างเย็นฉ่ำ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ชนิดคนยังอายครับ
นานแสนนานที่สุด – ซีนมะหมาข้ามถนน ซึ่งเป็นถนนที่กว้างมากถึง 10 เลน แต่ไม่สามารถถ่ายได้ในถนนเดียว เพราะไม่มีใครยอมปิดถนนให้ถ่ายทำได้นานขนาดนั้นได้ จึงต้องไปถ่ายถนน 3 ถนน คือ ร่มเกล้า, สุพรรณบุรี และวิภาวดี มารวมกันเป็นถนนเดียวให้ได้ ซึ่งก็ใช้เวลาถ่ายทำนาน อยู่เดือนกว่าเห็นจะได้ และยังเพิ่มความยากโดยให้มะหมาทั้ง 6 ตัว ทำภารกิจลาก รถข้ามถนนไปด้วย เลยเป็นฉากที่ถ่ายทำกันนานที่สุด แต่ก็อีกนั่นแหละครับ มันจะมาอยู่ ในหนังก็แค่ 5 นาทีเท่านั้น!
สุนัขวดี
“สุนัขวดี” คือดินแดนที่จะนำพาให้สัตว์สี่ขาอันมีนามว่า “สุนัข” นั้น ไปสู่ความสุข สมบูรณ์ ความสนุกและความสบายตลอดไป จนเรียกว่าเป็นที่สุดท้ายของชีวิต
“สุนัขวดี” คือดินแดนที่ประชาคมโลกสุนัขร่วมกันขนานนามว่าเป็น “สวรรค์บนดิน”
“สุนัขวดี” คือดินแดนอันลึกลับ ที่ไม่เคยมีผู้ใดได้เข้าไปเยือนแล้ว กลับออกมาอีกเลย
“สุนัขวดี” คือดินแดนที่สุนัขทั้งหลาย ทุกเพศ ทุกวัย ทุกสายพันธุ์ เฝ้าใฝ่ฝัน และถวิลหามา ตลอดชีวิต
แต่ “สุนัขวดี” จะมีจริง หรือเป็นเพียงตำนานที่กล่าวขานกันมาตลอด จากรุ่นสู่รุ่นเท่านั้น !!!
แนะนำนักแสดงรับเชิญกิตติมศักดิ์
แจ็ค – เฉลิมพล ทิฆัมพรธีรวงศ์ – ถึงจะอ้วนดำ แต่ก็เล่นเป็นพระเอก (เชียวนะ)!
…เรื่องนี้นอกจากผมที่เป็นพระเอกรูปหล่อ (อะแฮ่ม) แล้ว ผู้กำกับเขาก็เลือกหาพระเอกฝ่ายคนที่มีลักษณะไม่ต้องหล่อ ไม่ต้องเท่ห์ ไม่ได้เกิดมาเป็นพระเอก (พี่แจ็ค ผมรักพี่….) แต่มีความน่ารัก น่าเอ็นดู และอบอุ่นอยู่ในตัว แฝงด้วยความขี้เล่นและตลกนิด ๆ ซึ่งคาแร็คเตอร์นี้เป็นลักษณะประจำตัวของพี่เขาเลยล่ะ พี่แจ็คเขาเล่นเป็นยามใจดี ที่รักพวกผม ไม่ใจร้อน คล่องแคล่ว ว่องไว สามารถปั่นจักรยานตามผมเป็นกิโล ๆ (แต่ตามไม่ค่อยทันเลย แหะ ๆ) คอยดูแลรักษาหมู่บ้านเต็มที่ หุ่นอาจจะไม่เต็มที่แต่พี่เขาใจป้ำเต็มร้อย ไม่น่าเชื่อว่าความรักหมาของพี่เขาจะมีมากกว่าการรักอาหารของเขา เพราะน่องไก่น่องสุดท้าย พี่ก็มอบให้ผมนำมาดูแลอย่างเข้าใจ จะไม่ลืมพระคุณเลยครับ โฮ่ง!
“อะไรๆ ก็มีแต่คนเอาใจพวกแก ไม่ได้สนใจ ไม่มีเวลาให้เราเลย… (เสียงรำพึงรำพัน) มาก็พร้อมกัน ทำงานก็พร้อมกัน พักก็พร้อมกัน นั่งรถตู้ก็มาด้วยกันเลย แกได้นั่งหน้า ชั้นนั่งหลังสุด! แต่มะขาม เราก็กินน่องไก่ด้วยกันนะ หลายเทคเชียว ชั้นได้กินสาม แกได้กิน 12!”
หนูแหวน-ปาริศา เพ็ญชาติ – จากเปรี้ยวจี๊ด เป็นหวานจ๋อย
…ผิดกับตัวจริงที่เห็นในทีวีครับ ในทีวีเธอจะดูเป็นสาวแกร่ง เปรี้ยวนิด ๆ ให้พอเข็ดฟัน แต่ในจิตใจ ของเธอนั้น มีความรักสัตว์อยู่เต็มหัวใจ เธอเป็นคนรักหมามากครับ ยิ่งหลังจากออกรายการเจาะใจที่เธอต้องไปใช้ชีวิตอยู่กับหมา ช่วยเหลือเลี้ยงดู ให้หมาทุกตัวอยู่อย่างเป็นสุข ความเป็น พรีเซ็นเตอร์เรื่องการช่วยหมาก็ฉายแววประกายออก จากตัวเธอเลยครับ พี่ “ณภัทร” เห็นเข้าก็ติดใจ ชวนมาเล่นกับพวกผม เป็นสาวไฮโซผู้ซอฟต์หวานเจ้าของน้ำค้าง
…แน่นอนครับ พี่หนูแหวนก็มาเล่นด้วยความยินดี แถมยังยกรายได้บางส่วนให้เหล่าหมา ๆ ตามมูลนิธิอีกแหน่ะ! สวยก็สวยแถมยังใจดีอีก อย่างนี้ใครจะไม่รักบ้าง (ว่าแล้วก็เดินไปเลียมือพี่หนูแหวนสองที แหม…ชื่นใจ)
…พี่หนูแหวนในเรื่องนี้ป๊อปมากๆ ครับ ใคร ๆ ก็หลงรักไม่ว่าจะเป็น นายองอาจเจ้าของหมู่บ้านไฮโซ, พี่ยามใจดีของพวกผม และแน่นอนผมก็เป็นหนึ่งในกลุ่มผู้หลงรักพี่หนูแหวน ไม่ได้รักแบบชู้สาวนะครับ แต่เป็นเพราะพี่หนูแหวนแกก็ไม่เคยถือตัวเลย ไม่เคยรังเกียจพวกผมที่เป็นมะหมาข้างถนน ไม่มีเจ้าของ แต่กลับเมตตาพวกผมซะอีก นั่นแหละครับที่ทำให้ผมรักสาวไฮโซผู้ใจดีคนนี้ และรักน้ำค้าง สุนัขสาวพันธุ์คอลลี่ของเธอด้วย แหะๆ…หวังอยู่
“หวังว่าพวกเธอจะช่วยให้จิตใจของคนอ่อนโยน เมตตาสัตว์มากขึ้น แล้วก็กระตุ้นจิตสำนึกไม่ให้ปล่อยปละละเลยสุนัขของตัวเองได้ เพราะว่ามันเป็นต้นตอของปัญหาสุนัขจรจัด สู้เขานะทุกตัว”
เต้-ปิติศักดิ์ เยาวนานนท์ – พลิกคาแร็คเตอร์ถล่มทลาย! จากดีสุดขั้ว มาชั่วสุดติ่ง
…เป็นคนดีมาก็เยอะแล้ว คราวนี้พี่เต้เขามาในบทบาทที่เปลี่ยน ไปจากหน้ามือเป็นอุ้งเท้าเลย (ล้อเล่นครับพี่) เขาไม่ค่อยถูกกับผม หรอกในเรื่องนี้ จะมาถูกกับผมได้ยังไงล่ะ ก็ในเรื่องพี่เต้เล่นเป็น “นายองอาจ” เจ้าของหมู่บ้านไฮโซ ที่หลงรักพี่หนูแหวนและหวังเคลมโดยใช้มะหมาพันธุ์ดีเป็นพ่อสื่อ ซึ่งไอ้หมอนี่แหละที่เป็นก้างหัวใจของผมกับน้ำค้าง (หมาของพี่หนูแหวน) องอาจรังเกียจมะหมาข้างถนนอย่างพวกผมเข้าไส้ จึงพยายามทำทุกวิถีทางให้พวกผมไปให้พ้นจากสายตาอันโหดเหี้ยมของเขา
…ตาองอาจนิสัยอย่างไรน่ะเหรอ? เขาเป็นคนที่อวดดีคิดว่าตัวเองเจ๋งไปซะทุกเรื่อง ถ้าไม่ได้โชว์พาวเวอร์วันละนิดวันละหน่อย จะไข้ขึ้น นอนไม่หลับ เป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น (นี่เป็นคาแร็คเตอร์เขาจริงๆ นะ ผมไม่ได้ใส่ความ…ฮึ่ม) คิดว่าตัวเองหล่อ รวย ต้องการอะไรแล้วต้องได้ ซึ่งบทนี้พี่เต้บอกว่า อยากเล่นให้ร้ายกว่านี้อีก แต่โดนพี่ปุ๊ก (นายใหญ่ของผม) เบรกไว้ซะก่อน เพราะเห็นว่า ควรจะเป็นคาแรกเตอร์ร้ายเจือตลกนิด ๆ มากกว่า
…จริงๆ แล้วบทนี้ก็ตรงกับนิสัยใจคอจริงๆ ของพี่เต้เขานะ ผมเลยไม่ แปลกใจที่พี่เขาเล่นได้เป็นตัวเองขนาดนี้!
…เอ่อ ผมพูดเล่นนะครับ
…ตัวจริงของพี่เต้เป็นคนน่ารักมาก ๆ เลยครับ ขนาดเข้าฉากที่ต้องโดนผมกัด พี่เต้ก็ไม่ว่าซักคำ พอผู้กำกับสั่งคัต พี่แกก็เล่นหัวเราะชอบใจซะเสียงดัง แถมยังบอกว่า มันส์ดี! พี่เต้เป็นคนชอบหมามากครับ เห็นว่าเกิดปีหมาด้วย มิน่าล่ะ เราถึงรู้สึกผูกพันกันชอบกล (บ้าบ้าบ้า)
“ไอ้มะขาม เล่นเหยียบอกกันเลยเหรอ! หยามมาก!”
ปุ๊-อัญชลี จงคดีกิจ – ร็อคเกอร์หญิง คืนจอ ของจริง!
…หลังจากที่ผมแอบได้ยินเสียงร้องเพลง “หนึ่งเดียวคนนี้” เวอร์ชั่นเสียงแหบพร่า และเพื้ยนสนิทของเจ้านายผมมาหลายปีดีดัก ผมก็ได้มีโอกาสสัมผัสตัวจริงเสียงจริงของเจ้าของเพลงฮิตติดหลายดาวคนนี้แล้ว! ผมล่ะดีใจจนห้ามตัวเองไม่อยู่ จนต้องขอเลียหน้า ซูเปอร์สตาร์คนนี้ซะหลายๆ ที แต่พี่ปุ๊ก็ไม่ว่าอะไรผมเลยสักคำ
…ที่ผมกล้าเลียหน้าพี่เขาก็เพราะผมรู้หรอกน่าว่าพี่เขารักมะหมาอย่างพวกผมเป็นชีวิตจิตใจ ผมแอบดูข่าวตามทีวีเห็น พี่เขา ทำงานเพื่อหมา ๆ อย่างพวกผมอย่างแข็งขัน มานานหลายปีแล้ว
…แม้ว่าพี่ปุ๊จะร้างลาจากวงการภาพยนตร์ไปนานโข แต่ก็ให้เกียรติมารับบทบาท สำคัญคือ สัตวแพทย์ใจดี อย่างไม่มีอิดออด เพราะเธอได้เห็นตัวอย่างหนังเรื่องนี้ในทีวี และตั้งใจแน่วแน่ว่าจะควักกระเป๋าจองตั๋วเป็นคนแรก ๆ แน่นอน เผอิญเป็นจังหวะพอดีที่ พี่ “ณภัทร” โทรไปชักชวนมาเป็นแขกรับเชิญกิตติมศักดิ์ พี่ปุ๊ตอบตกลงทันทีชนิดที่ว่า ไม่ต้องคุย เรื่องค่าตัว งานนี้พี่เต็มที่!
…เรียกว่าการคืนสู่จอเงินครั้งนี้ของ “อัญชลี จงคดีกิจ” ก็เพราะความรักมะหมา อย่างแท้จริง โถ…พี่ปุ๊ของผมมมม…
“โอ้…พระเจ้า หมาพูดได้! ฉลาดกันทุกตัวอย่างนี้อยากไปเรียนหนังสือไหมจ๊ะ? อยากเขียนหนังสือเป็นไหม?”
ซูโม่เจี๊ยบ-วัชระ ปานเอี่ยม, ซูโม่เอ๋-เกรียงไกร อมาตยกุล และซูโม่ตุ๋ย-อรุณ ภาวิไล – รุ่นใหญ่ จับหมา มหาสนุก
…สามพนักงานจับหมา ผู้มีลีลาในการจับอย่างบันเทิงอารมณ์เป็นที่สุด
1. เจ้าหน้าที่จับหมาจรจัด ผู้จับหมาเก่งพอๆ กับจับกบ
2. มือวางอันดับหนึ่งด้านการจับหมาแห่งชาติ อดีตหนุ่มร่างอาจอง ไล่หมาได้ครั้งละ สี่ฝูง (แต่จับไม่ได้ ซักตัว)
3. พนักงานผู้จับหมาเป็นอาชีพ ใฝ่ฝันว่า ซักวันจะเป็นเจ้าของแชมเปี้ยนโลก ด้านการจับหมา
…การรวมตัวกันของพี่ ๆ ซูโม่กลุ่มนี้ สร้างความประหม่าให้ผมพอสมควรครับ แม้ว่าทั้งสามท่านจะดูเป็นมิตรกับทุกคน เพราะเป็นผู้สร้างความสนุกสนานให้พวกเราจากผลงานต่าง ๆ
…ตั้งแต่สมัยผมยังไม่เกิด คร่ำหวอดในวงการมานาน แต่ผมก็แอบรู้มาว่า พี่ๆ เขาเป็นผู้กำกับมือดีทั้งสามคนเลย อย่างนี้จะไม่ให้ผมเกร็งได้ยังไงล่ะครับ
…ผลงานทั้งการกำกับและการแสดงของทั้งสามท่าน ยังคงมีออกมาให้เราได้เห็นอยู่บ่อย ๆ ในจอโทรทัศน์ ครั้งนี้พี่ ๆ กลับมาสู่จอภาพยนตร์อีกครั้ง ด้วยความสนิทสนม เข้าขากันอย่างแรงของแต่ละท่านแล้ว รับรองว่า แก๊งจับมะหมาแก๊งนีไม่ธรรมดา มีทั้งเฮ และฮาแน่ ๆ
“ไม่อยากบอกอะไรหมาหรอก อยากบอกคนมากกว่าว่า ถ้าไม่พร้อม อย่าเลี้ยง! หมาจรจัดไม่ได้เกิดขึ้นเอง แต่เกิดขึ้นจากคน เลี้ยงแล้วต้องรู้จักรับผิดชอบ ไม่อย่างนั้นก็ผิดตั้งแต่ที่คิดจะเลี้ยงแล้ว (ตลกเอาจริง!)”
เจี๊ยบ เชิญยิ้ม-เฉลิม ปานเกิด – ลูกสมุนตามสั่ง ได้ครับพี่ ดีครับผม เหมาะสมครับนาย
…พี่เจี๊ยบเล่นเป็น “นิคม” ครับ วัน ๆ ผมก็ได้ยินแต่เสียงนี้แหละ
…“นิคม!” เสียงนายองอาจ (พี่เต้) ตะโกนเรียกใช้งานพี่เจี๊ยบที่เล่นเป็นนิคม เพื่อใช้งาน ทุกอย่างที่แกต้องการ นิคมก็ต้องรีบกุลีกุจอทำให้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย (ถึงเหนื่อยก็บ่นไม่ได้หรอก!) นิคมเป็นคนสนิทขององอาจ อยู่กับองอาจมาตั้งแต่เด็ก ๆ โตด้วยกันมา นิคมจึงเป็นลูกน้องที่เคารพรัก เจ้านายมาตลอด ใจคอลึก ๆ ของนายนิคม เขาเป็นคนรักมะหมานะครับ เจอมะหมาข้างถนนก็อยากเก็บไปเลี้ยงแต่ด้วยความอาศัยบ้านเจ้านายอยู่จึงต้องลักลอบเลี้ยงจนเป็นเรื่องเป็นราวขึ้น
…นอกจากความตลกที่มีอยู่เต็มเปี่ยม จนทะลักล้นของพี่เจี๊ยบแล้ว เขายังมีคาแร็คเตอร์ของความอบอุ่นเล็ก ๆ แฝงอยู่บวกกับความรักหมาชนิดที่ว่า เห็นแล้วอยากเข้าไปกอด เมื่อได้รับการติดต่อชวนมาร่วมแสดง พี่เจี๊ยบผู้ชื่นชมผลงานการกำกับของพี่ปุ๊ก-พันธุ์ธัมม์ และอยากลองร่วมงานกับหนังที่ยังไม่เคยมีใครทำในเมืองไทยแบบนี้ พี่เจี๊ยบก็ตกปากรับคำ มาเป็นนิคมนี่แหละครับ
ป.ล. เวลาอยู่ในกองถ่าย ผมเห็นพี่เจี๊ยบชอบเล่นกับเซ็กซี่มากเป็นพิเศษ ฮั่นแน่…หลงเสน่ห์สาวบิกินี่เข้าให้แล้วสิ
“เอ่อ… (เสียงหล่อ) พี่น่ะ รูปหล่อ อารมณ์ดี มีเวลาให้ มีใครสนใจจะมาอยู่กับพี่ไหมจ๊ะ”
เอส-คมกฤษ ตรีวิมล – รักหมา บูชาเมีย!
…พี่เอสรับบทเป็น “วีระ” เจ้าของมะขาม (ผมเอง) เป็นสามีนีรนุช (แสดงโดย พี่โอปอล์) เป็นคนที่รักหมามาก แต่บูชาเมียและเทิดทูนด้วยความเคารพไว้เหนือเกล้า ผู้กำกับหนังที่สร้างผลงานชื่อดังอย่าง “แฟนฉัน”, “เพื่อนสนิท” คนนี้ มีความรักสัตว์ โดยเฉพาะสุนัขทั้งในปากและนอกปากอยู่แล้วเป็นทุนเดิม (เจ้านาย ผมรักเจ้านาย…) ทำให้พี่เอสเล่นกับผมด้วยความรักจริง ๆ อย่างไม่ตะขิดตะขวง เรียกว่าแทบจะจูบปาก กันเลย!
…ปกติผมจะเห็นพี่เอสเคยแต่กำกับคน แต่ว่าคราวนี้มาเล่นเอง เพราะว่าได้รับ โทรศัพท์กริ้งกร๊างจากพี่ปุ๊ก ผู้กำกับชวนมาร่วมแสดงเป็นหมา เอ๊ย เจ้าของหมา แล้วพี่เอสแกก็ชอบการเป็นนักแสดงด้วย เพราะความมหัศจรรย์ของการได้ลองเป็นคนอื่น และทำให้ได้หลายอย่างไปใช้ในอาชีพ นี่ผมก็แสดงสุดชีวิตเลย เผื่อพี่เอสจะเอาผมไปเป็น พระเอกบ้าง
“ใครจะไปคิด ว่าแกเล่นกันได้ถึงขนาดนี้ amazing มากที่เห็นแกแสดงกันอย่างมืออาชีพ”
โอปอล์-ปาณิสรา พิมพ์ปรุ – สวย เลิศ เชิด เปรี้ยว เหมียวข้า ใครอย่าแตะ!
…แม้ว่าตัวจริงของพี่โอปอล์จะเป็นคนไม่ชอบแมว เพราะความกระแดะของมัน (พี่เขาบอกเองนะไอ้เหมียวชั้นไม่เกี่ยว) เรื่องของเรื่องก็มีอยู่ว่า พี่โอปอล์เคยเลี้ยงแมว แล้วโดนแมวเมิน! แล้วมันก็คอยแต่จะมาหาพี่เขาตอนที่หิวเท่านั้น พี่โอปอล์เลยเก็บ ความคับแค้นใจ แล้วก็ปันใจให้กับพวกผมอย่างเต็มที่
..แต่! ในเรื่องนี้ พี่โอปอล์ต้องรับบทเป็น “นีรนุช” ภรรยาของวีระ (พี่เอส) เป็นเจ้าของแมว สาวตัวแสบ! คู่อริของผมเอง เธอคนนี้แหละที่เป็นต้นเหตุให้พี่โอปอล์ รังเกียจผม ถึงกับเอาไปปล่อยวัด (ดีนะไม่ตัดหางผมด้วย) พี่โอปอล์ต้องโอบอุ้มแมว ด้วยความรักมาก…กยอมให้แมวมานัวเนียคลอเคลีย แต่ผมแอบเห็นนะ ว่าพี่โอปอล์ ต้องจิกเท้า ขบกรามแน่น ภายในใจของพี่แกคงร่ำร้องว่า ไม่ไหว แล้ววววว ด้วยเสียงสูงปรี๊ดแน่นอน
…อีกอย่างที่ผมขอแอบเม้าท์ซะหน่อยนะครับคือ ผมจำได้วันแรกที่ผมได้เจอ พี่โอปอล์ เธอผอมเพรียวด้วยน้ำหนักแรกชั่ง 48 ก.ก. วันนั้นเราถ่ายฉากแรก พี่โอปอล์ ก็สวมวิญญาณ เป็น นีรนุช ภรรยาสาวแสนเปรี้ยวปรี๊ด ดูดี?!? มีสกุล อาศัยอยู่ในบ้าน แห่งหนึ่งย่านชานเมือง แต่ไล่ผม ออกจากบ้านอย่างกับหมา! (เอ๊ะ ก็ถูกแล้ว) หลังจากนั้นเวลาก็ผ่านมาเนิ่นนาน กว่าผมจะได้เข้าฉาก เจอพี่เขาอีกครั้ง พี่โอปอล์ก็เปลี่ยนไป๋! พี่เขาเดินมาทักผมด้วยใบหน้าที่เอิบอิ่ม และรูปร่างที่สะท้าน ลมไซส์ 58 ก.ก. ทำให้ผมระลึกได้ว่า นี่เราถ่ายทำกันนานมากเลยนะเนี่ย บรู๊ว..ว..
…จะว่าไป พี่โอปอล์นี่ก็เป็นขวัญใจผมอีกคนนึงเลยนะครับ เพราะผมติดตามผลงานพี่เขามา แต่ไหนแต่ไร ด้วยความที่พี่เขาเป็นดาราเจ้าบทบาท เจ้าเสน่ห์ เนื้อหอม ใคร ๆ ก็อยากให้เธอ มีส่วนร่วมกับงานทั้งนั้น ผมเลยปลื้มใจมากครับที่ได้ใกล้ชิดตัวจริงของพี่โอปอล์
“ช่างเป็นหมาที่มีจิตวิญญาณของการเป็นนักแสดงสูงมากๆ จากที่กำลังตาปรือ แต่พอเขาสั่ง 5 4 3 2 ปุ๊บ ตาใส ฉลาดขึ้นมาทันทีเลยนะ พวกแกจะมาแย่งอาชีพชั้นนนนน…”
นิสัยใจคอมะหมาและ เทคนิคการฝึก
…ผมและผองเพื่อนถูกให้เข้าโรงเรียนเพื่อฝึกและเรียนการแสดงที่ศูนย์ฝึก “ไชยภักดิ์” ครับ อยู่แถวๆแฟชั่นไอซ์แลนด์ รามอินทรานี่เองครับ ที่นี่เค้าเปิดกันมานมนานถึง 11 ปีแล้วครับ หมา แมวต่าง ๆ ตอนนี้เห็นทีนับรวมกันก็ปาเข้าไปเฉียด 100 ตัวครับ จัดว่าเป็นแห่งแรกและแห่งเดียวสำหรับโมเดลลิ่งมะหมาอย่างเราซะด้วย เจ๋งมั้ยละครับ โดยมีพี่ “วันไชย” และพี่ “หวาน” คอยดูแลเหมือนเป็นพ่อและแม่ของเราเลยล่ะครับ ใครต้องการมะหมา แมว กระรอก นก หรือแม้แต่สัตว์อื่นๆ อยากให้ทำอะไร แบบไหน ที่นี่ทำได้หมดล่ะครับ รับรองไม่ผิดหวัง ดูพวกผมเป็นตัวอย่างซิครับ
…ได้ดูผลงานแล้วยิ่งหายห่วงครับ ตอนนี้ที่จัดว่าฮอตเอามากๆ ก็นี่เลยครับ เรื่อง “สุดรักสุดดวงใจ” ที่มี “เจ้าริชาร์ด” เพื่อนผม เล่นเป็น “เก็บตก” ไงครับ จำกันได้ไหมครับ เรื่องนี้เพื่อนผมมันแน่จริงๆครับ ที่ทำเอาผมน้ำตาไหลพรากได้ ตอนนี้หมอนี่เลยเป็นดาวเด่น ของที่นี่ไปเลย(น่าอิจฉาจริง) แล้วก็ยังมีโฆษณาอีกมากมายหลายตัวแต่ที่น่าจะจำกันได้ถึงตอนนี้ ก็คงเป็นโฆษณายางบริดจ์สโตน ตอนมะหมาอกหักแล้วจะฆ่าตัวตาย ตัวนี้เรียกว่าฮือฮามาก เพราะใช้มะหมาทั้งหมดเหมือนกัน จะว่าไปทั้งโฆษณาทางโทรทัศน์และตามป้ายต่างๆ ก็เป็น งานจากที่นี่ประมาณ 95 เปอร์เซ็นต์แล้วครับ
…เรียกว่าสั่งสมประสบการณ์กันมายาวนาน ฝีมือทางการฝึกก็มืออาชีพ ไม่ใช่ใคร จะมาฝึกกันได้ง่ายๆ นะครับ ต้องฝึกกันนานครับกว่าจะได้คุณภาพ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับไอคิว ความขยันและก็ไหวพริบของแต่ละคนนะครับ ส่วนพี่วันไชยก็จะเป็นปรมาจารย์คอย ฝึกวิทยายุทธ์ให้ครูฝึกอีกที หลังจากที่ค้นคว้าและทดลอง ลองผิดลองถูกกับมันมานาน 2-3 ปี จนได้หลักสูตรวิชาขั้นสุดยอดมา เรียกว่าใช้ทั้งพรแสวง พรสวรรค์ บวกกับความรักมะหมา ที่มีเป็นพื้นฐานสำคัญให้ทำงานนี้ได้ประสบความสำเร็จได้
…สำหรับเรื่องนี้เทคนิคการฝึกต้องเริ่มจากการคัดผู้ฝึกให้ตรงกับคาแร็กเตอร์ ที่ต้องการของมะหมาแต่ละตัวกันเลย คือถ้าต้องการให้มะหมามีนิสัยแบบใด ก็ต้องหา ครูฝึกที่มีนิสัยแบบนั้นมาฝึก เพื่อให้มันเลียนแบบพฤติกรรมจากครูฝึก ดังนั้นในเรื่องนี้ มะหมาแต่ละตัวก็จะมีครูฝึกประจำตัวกันครับ แต่ถ้าหากคาแร็กเตอร์มะหมาตัวไหนคล้ายกัน ก็จะมีครูฝึกคนเดียวกันได้นะครับ อย่าง “แม่พิกุล” กับยอดยาหยีของผม “น้ำค้าง” เพราะ ต่างต้องเล่นเป็นผู้หญิงเรียบร้อย สมหญิง เป็นนางเอกกันทั้งคู่ หรืออย่างเจ้า “เก่ง” กับเจ้า “เปี๊ยก” ที่ต้องมีนิสัยกวน ๆ ขี้เล่นเหมือนกัน ครูฝึกก็คนเดียวกันคร้าบ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ครูฝึกทุกคนต้องสามารถแปะมือกัน ถ่ายมือได้หมดนะครับ เพราะเวลาถ่ายทำบางฉาก ครูฝึกไม่สามารถควบคุมหรือบังคับสุนัขคนเดียวได้โดยลำพังครับ
…ในช่วงแรกของการฝึก “พี่วันไชย” จะได้บทร่างแรกๆ มาก่อนครับ แล้วก็ใช้ จินตนาการของตัวเองว่าภาพน่าจะออกมายังไง แล้วก็ฝึกพวกผม โดยที่จะไม่ไปกั้นความคิด ของผู้กำกับ ปล่อยให้ใช้จินตนาการให้เต็มที่ ถ้ามันไม่เกินความสามารถก็จะฝึกให้ทำให้ได้ พอบทเสร็จเรียบร้อยผู้กำกับก็จะมาคุยกันอีกที จะมาบอกว่าแต่ละฉากต้องการภาพ แบบไหน ถ้าตรงกับที่เราฝึกมาก็ดี แต่ถ้าไม่ตรงก็ต้องมาปรับกันใหม่ หรือต้องฝึกตรงไหน เพิ่มเติม ซึ่งพี่วันไชยปรับพื้นฐานพวกผม รวมทั้งปรับสภาพจิตใจกันก่อน เพราะเพื่อนผม บางตัวก็เคยผ่านการโดนทำร้ายร่างกายมา เจ็บช้ำระกำทรวงกันมามาก เลยต้องทำ การรักษาจิตใจกันก่อน จากนั้นถึงเข้าเรียนหลักสูตรขั้นต้นต่อได้ ทั้งหมดนี้ก็ประมาณ 3 เดือนเห็นจะได้ครับ จากนั้นก็ต้องถ่ายทำจริงเปิดกล้องกันแล้ว
…ช่วงเวลาฝึกนั้น พวกผมต้องตื่นนอนกันตั้งแต่ 6.30 ครับ แล้วก็ออกไปทำธุระส่วนตัว กันมุมใครมุมมัน จากนั้นก็ออกมาเดินยืดเส้นยืดสาย ให้ร่างกายได้สดชื่น กระปรี้กระเปร่า ซะหน่อย แล้วจึงทำการฝึกสอนสักพัก ก็เบรก หม่ำข้าว จากนั้นก็พักย่อยอาหาร ส่งสายตา ให้สาว หยอกเย้า หยอกเอินกับเพื่อนๆ กันประมาณชั่วโมง ก็ถึงเวลาฝึกเข้มข้นสำหรับพวกผม ประมาณ 2 ชั่วโมงครับ คือตั้งแต่ 9. 30 ถึง 11. 30 แต่ก็ฝึกกันไม่เต็ม 2 ชั่วโมงเต็มดี หรอกครับ เพราะถ้าอัดฝึกพวกผมมาก ๆ จะเกิดอาการงอแง จนน่าหมั่นไส้ครับ คือครูฝึก ต้องคอยดูอาการเอาครับว่าตอนไหนฝึกต่อได้ตอนไหนควรให้พัก และการฝึกที่ยากที่สุดสำหรับ พวกผมก็คือ การให้สายตา (eye line) ของพวกผมมองไปในทิศทางที่อยากให้มองเนี่ย มันยากนะครับ เพราะพวกผมมันชอบมองโน่นมองนี่ ชอบวอกแวกตลอด
…เทคนิคฝึกพวกผมนะเหรอครับก็ไม่มีอะไรมากครับ แค่ค่อย ๆ ป้อน ค่อย ๆ ฝึก แต่ทบทวนนาน ๆ ครับ และอีกอย่างต้องให้พวกผมรู้สึกสนุกในการฝึกนะครับ ถ้าเมื่อไหร่
…รู้สึกถูกบังคับละก็ จะเกิดอาการต่อต้านขึ้นทันทีครับ จะทำยังไงให้พวกผมสนุกนะเหรอครับ ก็ต้องรู้จักนิสัยของพวกผมครับ รู้ว่าชอบและไม่ชอบอะไร และผมจะบอกอะไรให้นะครับ รางวัลอันล้ำค่าสำหรับพวกผมก็คือ “ใจ” ครับ การให้ความรัก ความอบอุ่น การกอด การชม คำพูดดีๆ เหล่านี้ครับสำคัญที่สุด ถ้าพวกคุณทำได้ พวกผมก็ทำให้สุดใจขาดดิ้น เลยละครับ ผมบอกเคล็ดลับให้ขนาดนี้แล้ว หวังว่าจะได้ผลนะครับ แล้วจะหาว่ามะหมาไม่เตือน ไม่ได้นะครับ
…ผมจะเล่าวีรกรรมระหว่างการฝึกมะหมาทั้งผมและเพื่อนให้ฟังกันนะครับ เริ่มตั้งแต่ ผม “มะขาม” พ่อหนุ่มสุดหล่อก่อนเลยละกันในฐานะคนเล่า ด้วยความที่ชาติกำเนิดผมเป็นมะหมา หลังอานครับ เลยมีความเป็นตัวของตัวเองสูง เจ้าเล่ห์ ปราดเปรียว และโดยส่วนตัวผมจะออก โฉ่งฉ่าง ลูกทุ่งๆ หน่อย ไม่ค่อยมีฟอร์มกับเค้าเท่าไหร่ อยากทำอะไรก็จะทำเลย อย่างตอนฝึก จะค่อนข้างยากเวลาควบคุมไม่ให้ผมเถลไถล เพราะผมจะชอบสิ่งแปลก ๆ ใหม่ ๆ เห็นเป็นไม่ได้ ต้องเข้าไปสำรวจทุกที แต่พี่วันไชยเคยชมผมให้คนอื่นฟังว่า ผมมีความสามารถในการรับรู้ ดีมาก และตอบสนองได้ไว ที่สำคัญชอบให้คนพูดเพราะ ๆ ด้วย แต่ถ้าใครดุใส่ มีงอนครับ จะวิ่งหนีไปซักพักแล้วก็กลับมาฝึกต่อเป็นอย่างนี้ทุกที
…“น้ำค้าง” แม่ยอดขมองอิ่มของผม เธอจะเป็นอะไรที่คุณหนูมากครับ เพราะ “พี่หวาน” รักมากไม่ให้ใครแตะต้องเลย เธอจะไม่เล่นกับใครนอกจากเล่นกับแม่คือ พี่หวานคนเดียว เวลาฝึกเธอจะรับได้ในระดับหนึ่งเพราะจะรู้สึกว่าปกติเป็นคุณหนูของบ้าน ทำไมต้องมาทำอะไร อย่างนี้ด้วย ส่วนเจ้า“ทอมมี่” หมอนี่หายห่วงครับ เพราะเข้าวงการมา 6 ปีแล้ว ผ่านทั้งละครและโฆษณามาแล้ว ก็เรียกว่ารู้มุมกล้องกันแล้วล่ะครับ หมอนี่มักจะรู้ดี ว่ามุมไหนมันดูดี แต่ยังไงซะ มันก็ยังแพ้ผมเรื่องความหล่ออยู่ดี
…“ลุงกาแฟ” แรก ๆ ก็ไม่ยอมรับการฝึกครับ เพราะแกคงรู้สึกว่าแกเป็นหัวหน้า แกเป็น จ่าฝูงมาก่อน จะเฉย ๆ ไม่ค่อยยุ่งกับใคร เวลาครูฝึกสอนก็จะไม่ปฏิบัติตาม กว่าจะตอบสนองได้ก็นานพอควร ถึงขั้นต้องซื้อใจกันครับ ต้องให้ครูฝึกนั่งเล่นและนอนเล่นกับแก ไปไหนมาไหน ด้วยกันอยู่พักใหญ่ จนรู้ว่าของโปรดแกคือขนมกับตับไก่ วันดีคืนดีพอครูฝึกเผลอ แกก็วิ่ง กลับบ้าน แกคงไปส่งข่าวว่าแกจะได้เป็นดาราแล้ว พอแกกลับมาก็จะมีเพื่อน ๆ ตามมาส่งและ คอยดูแกฝึกอยู่พักใหญ่ คงมาให้กำลังใจพี่ใหญ่แกล่ะมั้ง
…สำหรับเจ้า “เก่ง” วีรกรรมเยอะครับ เป็นพวกอยากรู้อยากเห็นเหมือนผม เป็นพวก ลิงโลดต้องการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ตลอดเวลา แต่เนื่องจากมีประวัติการโดนทำร้ายร่างกายมาก่อน เลยต้องรักษากันนานกว่าจะได้ใจเค้า แต่พอจิตใจแข็งแรงแล้ว ก็กลายเป็นคนละคนกันเลยครับ มีความน่ารัก ทะลึ่งตึงตัง สดใสมาก ๆ ด้วย มาถึงเจ้า “เปี๊ยก” เป็นตัวที่พี่หวานเก็บมาได้จาก ข้างสถานีตำรวจ ตั้งแต่อายุได้เดือนกว่า ๆ มาอยู่ได้แค่ 2 อาทิตย์แววนักแสดงเริ่มออกและ ก็เริ่มเข้าวงการตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ถึงตอนนี้ก็เกือบ 4 ปีเข้าให้แล้ว ดังนั้นเรื่องฝีมือก็ไม่ต้องพูดถึง
…มาถึง “เซ็กซี่” นี่เรียกว่าเป็นรุ่นพี่ในวงการแสดง เพราะเข้าวงการมาจะ 10 ปีแล้ว จนสามารถแยกแยะคำว่า คัต และแอ็คชั่นได้เลย และเวลาทำงานเธอก็จะตั้งใจทำอย่างไม่ลืมหูลืมตาเลยทีเดียว ผลงานที่ผ่านมาก็เช่นโฆษณายางบริดจ์สโตนก็ฝีมือเธอแหละครับ ส่วน “พิกุล” ก็ถูกเก็บมาเลี้ยง พออายุได้ไม่ถึงขวบก็เข้าวงการเช่นกัน เรียกว่าเข้าวงการมา กว่า 3 ปีแล้วล่ะครับ เธอผู้นี้จะนุ่มนิ่มมาก แต่เวลาทำงานจะเหมือนคนขี้แย มีอะไรเสียงดัง หรือเสียงโวยวายหน่อย ก็จะตื่นและระแวงไปหมด
…อยู่ร่วมฝึกกันมาซะนาน จนถึงวันที่การถ่ายทำเสร็จสิ้น พี่วันไชยเคยกระซิบบอก พวกผมว่า ดีใจและปลื้มใจกับพวกผมที่ได้มีโอกาสมาแสดงความสามารถ และสร้างรอยยิ้ม ให้กับคนดู และเชื่อว่าพวกผมจะเป็นตัวแทนให้กับมะหมาทั่วไป ในการช่วยลดการทอดทิ้ง มะหมาได้ ผมก็ภาวนาให้มันเป็นอย่างนั้นเหมือนกันครับ
ผลงานของ 2 ผู้กำกับ “มะหมา 4 ขาครับ”
ปุ๊ก พันธุ์ธัมม์ ทองสังข์
– ร่วมกำกับภาพยนตร์ กับพี่หง่าว ยุทธนา มุกดาสนิท และพี่ป้อน นิพนธ์ ผิวเณร เรื่อง “คู่กรรม” ฉบับเบิร์ด ธงไชย และอุ๋ม อาภาศิริ
– ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง “ไอ้ฟัก”
– CO-PRODUCER ภาพยนตร์เรื่อง “สัตว์ประหลาด” และ “แสงศตวรรษ”
– รับหน้าที่ PRODUCER ให้กับภาพยนตร์เรื่อง “GHOST GAME”
– ร่วมกำกับภาพยนตร์ “มะหมา 4 ขาครับ”
สมเกียรติ วิทุรานิช
– ผู้ช่วยผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง “คนทรงเจ้า”
– หนึ่งในทีมงานภาพยนตร์ “AIR AMERICA”
– ผู้ช่วยผู้กำกับภาพยนตร์ “วิถีคนกล้า”
– ผู้กำกับและเขียนบทภาพยนตร์เรื่อง “ฝากฝันไว้เดี๋ยว จะเลี้ยวมาเอา”
– เขียนบทภาพยนตร์เรื่อง “ไอ้ฟัก”
– ผู้กำกับร่วมและเขียนบทภาพยนตร์ “มะหมา 4 ขาครับ”
แสดงความคิดเห็น