จิตรเกษมภาพยนตร์ เสนอ นิยายจาก ขุนช้าง-ขุนแผน วรรณคดีชั้นเยี่ยมของไทย

พิมพิลาไลย

ฟิล์ม 16 มม. / สี (วิจิตร) / พากย์ / ความยาว …. นาที
30 กันยายน 2498
ฉายที่ เอ็มไพร์
บริษัทสร้าง วิจิตรเกษมภาพยนตร์
ผู้อํานวยการสร้าง บัณฑูร องค์วิศิษฐ์
ผู้กํากับ “พันคํา”
ผู้ถ่ายภาพ เค.เอ็น.เจ.

เรื่องย่อ

ทองประศรี ต้องเลี้ยงดู พลายแก้ว แต่เพียงผู้เดียวหลังจากที่ ขุนไกร ต้องโทษประหารชีวิต 15 ปีผ่านไป พลายแก้วบวชเรียนสั่งสมวิชาจนเก่งกล้า วันหนึ่งเณรแก้วออกเทศน์ทําให้ พิมพิลาไลยหลงใหลในสําเนียง เณรแก้วไม่สามารถระงับกิเลสจึงลาสิกขาบท มาหานางพิมและแต่งงานกันในเวลาต่อมา เป็นผลให้ ขุนช้าง แค้นพลายแก้วเพราะหมายปองนางพิมอยู่

ขุนช้างฉวยโอกาสกราบทูลพระพันวษา ให้แต่งตั้งพลายแก้วไปคุมทัพปราบเชียงทอง ในระหว่างที่พลายแก้วไม่อยู่ก็ออกอุบายต่าง ๆ เพื่อให้นางพิมแต่งงานด้วยแต่ก็ไม่สําเร็จ ต่อมานางพิมล้มป่วย ขรัวตาจึงเปลี่ยน ชื่อเป็น วันทอง เพื่อสะเดาะเคราะห์ ขุนช้าง กุเรื่องหลอกนางวันทองจนสําเร็จ และได้แต่งงานกับนางวันทอง

พลายแก้วนําทัพชนะได้รับพระราชทานยศเป็น ขุนแผน พร้อมได้ลาวทอง ชาวเชียงทองเป็นภรรยาอีกคน วันทองดีใจที่พลายแก้วไม่ตายแต่ก็เสียใจที่ตกเป็นของขุนช้างแล้ว ขุนแผนกับขุนช้าง ได้รับราชโองการให้ไปรับราชการ ขุนช้างฟ้องพระพันวษาว่าขุนแผนทิ้งหน้าที่ หนีไปหาลาวทองที่สุพรรณบุรี ขุนแผนจึงถูกเนรเทศไปเป็นนายด่านเมืองกาญจนบุรี ขุนแผนแค้นขุนช้างมาก จึงสร้างดาบฟ้าฟื้น ปลุกเศกกุมารทองและค้นหาม้าสีหมอก ตามตําราพิชัยสงคราม แล้วบุกไปชิงนางวันทองที่เรือน ขุนช้าง

ที่มาภาพ (บน) นิตยสารผดุงศิลป์ กันยายน พ.ศ. 2498
(ล่าง นิตยสารผดุงศิลป์ ตุลาคม พ.ศ. 2498

นักแสดง
วิไลวรรณ วัฒนพานิช เป็น พิมพิลาไลย
ประภาพรรณ นาคทอง เป็น ลาวทอง
สมจิตต์ ทรัพย์สํารวย เป็น แก้วกิริยา
มนัส บุณยเกียรติ เป็น สายทอง
สงวน รัตนทัศนีย์ เป็น ทองประศรี
สมควร กระจ่างศาสตร์ เป็น ขุนแผน
ฉลอง สิมะเสถียร เป็น พลายงาม
เล็ก อําเที่ยงตรง เป็น ขุนช้าง
ทัต เอกทัต เป็น พระพันวษา
สาหัส บุญหลง เป็น จมื่นศรี
เชาวน์ แคล่วคล่อง, ล้อต๊อก, ชูศรี โรจนประดิษฐ์

ที่มา นิตยสารผดุงศิลป์ ตุลาคม พ.ศ. 2498