เรื่องราวของโรงแรมเล็กๆ แห่งหนึ่งในชนบทชื่อว่า โรงแรมสวรรค์ แต่แขกที่มาพักที่นี่แต่ล่ะคน ล้วนแล้วแต่ไม่ธรรมดา
หนุมานภาพยนตร์ เสนอ
สุรสิทธิ์ สัตยวงศ์ ชนะ ศรีอุบล
ประจวบ ฤกษ์ยามดี ศิรินทิพย์ ศิริวรรณ ใน
โรงแรมนรก
ภาพยนตร์ 35 ม.ม.
ร่วมด้วย
ทัต เอกทัต, สมพงษ์ พงษ์มิตร, ชูศรี โรจนประดิษฐ์ ฯลฯ
ตัวอย่างภาพยนตร์ไทย โรงแรมนรก (2500)
ระบบถ่ายทำ: ฟิล์ม 35 มม., ขาวดำ
ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับรา
1. ผู้กำกับการแสดงยอดเย
2. บันทึกเสียงยอดเยี่ยม-ปง อัศวินิกุล
3. ถ่ายภาพยอดเยี่ยม ประเภทฟิล์ม 35 ม.ม.-ประสาท สุขุม
หนังเรื่องนี้ถ่ายทำโดยบันทึกเสียงจริงของนักแสดง
ดูหนังไทยออนไลน์ โรงแรมนรก (2500)
โรงแรมนรก ความเป็นสากลในภาพยนตร์
หนังขึ้นหิ้ง : โรงแรมนรก – ดวงแก้วอันมาก่อนกาลเมื่อกาลก่อน
เขียนโดย เจ้าชายน้อย
อาทิตย์, 10 กรกฎาคม 2005
สำหรับโรงแรมสวรรค์ ซึ่งมีห้องพักเพียงห้องเดียวก็เป็นเพียงค่ำคืนธรรมดา “คุณชนะ” ผู้พักเพียงหนึ่งเดียวนั่งอ่านหนังสือสูบไปป์อยู่ด้านหนึ่ง ออกจะรำคาญหงุดหงิดใจจากเสียงดนตรีของประดามหานักดนตรีที่ทยอยมาซ้อมจนออกอาการ แต่นั่นก็ยังไม่ร้ายเท่าการมาถึงของ “เรียม” หญิงสาว ที่แจ้งว่าอายุ 65 อาชีพ ค้าฝิ่นเถื่อนและมีลูกสิบสองคน เรียมตรงเข้าแย่งห้องของคุณชนะ เกิดเปิดศึกโต้เถียง กลางเสียงดนตรี บ้าคลั่ง โดยมี “น้อย” แชมป์โลกงัดข้อผู้เป็นพนักงาน และ “คุณลุง” เจ้าของโรงแรม คอยไกล่เกลี่ย
หนึ่งวันผ่านไปพร้อมกับภาวะพ่อแง่แม่งอนที่ทั้งน่ารัก และน่าหมั่นไส้ ในคราวเดียว ท่ามกลางข่าวการแหกคุกของ “เสือดิน” จอมโฉดประจำถิ่น
และในคืนที่สอง ชายฉกรรจ์สามคนบุกเข้ามาในโรงแรม ด้วยได้ยินข่าวว่าเงินเดือนของบริษัทปรีดาไทยจะมาถึง โดยมีคุณชนะ เป็นคนนำเงินมา
พวกเขาบุกยึดโรงแรม นำมาซึ่งสถานการณ์ตึงเครียด และยิ่งตึงเครียดหนักข้อขึ้นเมื่อ เสือดินตัวจริงโผล่มาปล้นซ้อนปล้นอีกครั้งหนึ่ง
และไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ชวนตื่นเต้น ระทึกขวัญ รักหวานโรแมนติก หัวเราะท้องแข็ง และเซอร์แตกหลุดโลก ทุกสิ่งทุกอย่างนั้น เกิดขึ้นในฉากเดียว !
ฟังดูราวภาพยนตร์แสนเท่ จากผู้กำกับแนวหน้าสุดล้ำ หากแต่นี่คือภาพยนตร์ที่ถูกสร้างขึ้นในปี พุทธศักราช 2500 หรือ 48 ปีที่แล้ว ภาพยนตร์โดย รัตน์ เปสตันยี ผู้กำกับภาพยนตร์ อันเป็นรัตนะแห่งวงการภาพยนตร์ไทย
หนังขาวดำเรื่องนี้มีความยาว 138 นาที และตรึงคนดูด้วยเรื่องราวแปลกประหลาด
ครึ่งแรกของหนังนั้นดูราวกับจะหลุดมาจากอีกโลกหนึ่ง เมื่อตลอดเวลาหนังเต็มไปด้วยสถานการณ์ประหลาดล้ำ อย่างเช่น บรรดาวงดนตรีที่ทยอยกันเข้ามาซ้อม ในโถงกลางของโรงแรม ซึ่งมีตั้งแต่ วงโอเปร่า แตรงวงเล่นเพลงแจซซ ที่ใส่เนื้อว่า “ขี้ตู่กลางนา ขี้ตาตุ๊กแก” (เท่มาก)
นักร้องสาวชาวฟิลิปปินส์ ครวญกีตาร์เสียงหวานจับจิต ไล่ไปจนถึง การบรรเลงเพลงงิ้ว แบบเต็มวง !
โดยประดาเพลงดังกล่าวจะถูกตัดสลับกับสถานการณ์ของ คุณ ชนะ กับ เรียมที่แปลกประหลาดยิ่งกว่า เมื่อ เรียม กระทำกิริยา ที่ผิดขนบนางเอกหนังไทยทุกประการ (ไม่ว่าจะอดีตจนถึงปัจจุบัน เราก็แทบไม่ได้พบเห็นผู้หญิงอย่างเรียม บนจอหนังไทยบ่อยนัก ) เธอแย่งห้องคุณชนะอย่างไม่เกรงใจ ถึงขั้นโยนกระเป๋าขาออกมานอกห้อง ต่อปากต่อคำกับคุณชนะอย่างสนุกสนาน
แถมยังจีบคุณชนะอย่างออกนอกหน้า “เวลาที่คุณโกรธนี่ คุณดูหล่อเหลาจังนะคะ” เธอบอกกับเขา เธอกวนน้อยพนักงานโรงแรม นอนบนเก้าอี้ยาวคนเดียว แถมยังแม่นปืนอีกต่างหาก
ยิ่งได้การแสดง หน้าตายของ ศิรินทิพย์ ศิริวรรณ ทำให้บทนางเอกดูแก่นแก้วก๋ากั่นยิ่งขึ้นไปอีก
ในขณะที่คุณชนะ ก็ดู ผิดขนบ พระเอกหนังไทย ผู้สุขุมนุ่มลึก เป็นอย่างยิ่ง เพราะแม้เขาจะสูบไปป์วางมาดอ่านหนังสือ (ชนะ ศรีอุบล ให้การแสดงแบบมาตรฐานหนังเก่า คือมีมาดในทุกย่างก้าว ไม่ว่าจะเปิดประตู สูบไปป์ อ่านหนังสือหรือแม้แต่โกรธเกรี้ยว ) แต่เขาก็อารมณ์ร้าย และ แสบพอที่จะโยนกระเป๋าของเรียมกลับออกไป หนำซ้ำยังใจดำให้เธอนอนบนเก้าอี้ยาวทั้งคืนอีกต่างหาก (ฉากขโมยหมอน เป็นฉากที่ขำมากๆครับ)
หนำซ้ำในส่วนของตัวประกอบ ก็แปลกประหลาดไม่แพ้กัน
น้อย พนักงาน หลานเจ้าของโรงแรม (ประจวบ ฤกษ์ยามดี เล่นได้กวนโอ๊ยดีแท้) ผู้ซึ่งไม่ชอบให้ใครเรียกว่าบ๋อย เป็นแชมป์โลกงัดข้อ เขาติดรูปเหมือนตัวเองเบ่งกล้ามแปะไว้ข้างฝา และ มีคนมาท้าสู้อยุ่เนือง ๆ พอสู้ไม่ได้ ก็โวยวายไปต่อยรูป แถมรูปยังเปลี่ยนเป็นปากเบี้ยวเหมือนโดนชกได้อีกต่างหาก !
สถานการณ์หลุดโลกมาหยุดเอาที่การชกมวยควาย ซึ่งอลเวงชุลมุนชุลเกว่าจริงหนังอยู่ในฉากแคบ ๆ ฉากเดิมมาตั้งแต่ต้นเรื่อง
อย่างไรก็ดีพอเข้าครึ่งหลัง หนังเปลี่ยนโทนมา เป็นหนังเอาจริงเอาจัง ชิงไหวชิงพริบ ระหว่างคุณชนะกับ สามโจรหนุ่ม ที่นอกจากจะต้องคอยระวังคุณชนะ แล้ว ยังต้องคอยระวังกันเองด้วยอีกต่างหาก
และในครึ่งหลังนี้เองที่คุณชนะ กับเรียม เปลี่ยนจากคู่กัดมาเป็นคู่รัก (ในเวลาอันรวดเร็ว )และทุกอย่างดูจะเข้าที่เข้าทาง พระเอกนางเอก อย่างไรก็ดี หนังยังไม่วาย มีเรื่องแปลกอย่างเช่น โจรคนหนึ่งที่ไม่อยากเป็นโจร หรือน้อยที่พอเอาเข้าจริงแชมป์โลกงัดข้อก็ถูกซ้อมหมอบกระแตเสียทุกคราว
และในช่วงครึ่งหลังของหนังนี้เองเช่นกัน ที่ดูเหมือนหนังจะวิเคราะห์และวิพากษ์ “ความเป็นสุภาพบุรุษ” ของผู้คน
ตลอดเรื่องน้อยมักจะเหน็บคุณชนะด้วยเรื่องของ “ความเป็นสุภาพบุรุษ” อยู่เนือง ๆ ยิ่งพอบรรดาโจร ที่ใช้วิธีการที่แสนจะเป็นสุภาพบุรุษ บุกมาปล้น (พวกเขาเชิญ คุณชนะมาร่วมร่ำดื่ม และถามเอาดี ๆ ไม่คาดคั้น ) เว้นแต่เจ้าไกร ที่สุภาพุบุรุษจนเกินเหตุ และพ่อน้อยที่เหน็บบรรดาโจรว่าเป็น “สุภาพบรุษเสือไทย” ก็แสนจะเป็นสภาพบุรุษจนถูกชกคว่ำไป
และดูเหมือนคนที่เป็นสุภาพบุรุษที่สุดในเรื่อง กลับจะเป็นเสือดินที่โผล่มาตอนท้ายเรื่องนำมาซึ่งฉากจบ ที่ใช้วิถีมวยควายมาตัดสิน คนที่จะได้เงินไป
และหากนำมาสองช่วงของหนังมาซ้อนทับกัน
ใช่หรือไม่ที่เรื่องของสามโจร และความรักของ ชนะกับเรียม ก็เป็นเหมือนบรรดาดนตรีมโหรีเหล่านั้น
โดยเฉพาะในส่วนของน้อย ที่หนังเสียดสี ตัวละครตัวนี้เสียจนเละเทะ
ก่อนจะซ้อนทับฉากจบ อันแสดง ถึงจุดจบของบรรดาสภาพบุรุษทั้งหลาย จนอดคิดไม่ได้ว่าความเป็นสุภาพบุรุษ ก็แค่คำเก๋ไก๋ในยุคสมัย มี่คนเอามาอ้างเพื่อยกระดับตน แต่ไม่ได้ปฏิบัติจริง ๆ จัง ๆ
และคนที่ยึดกับ ความเป็นสุภาพบุรุษ จริงจังมักไปไม่รอด
ไม่ใช่การเสียดสีวิถีสุภาพบุรุษ แต่เป็นการเสียดสีเปลือกอย่างขันขื่นที่น่าตื่นตา
48 ปีต่อมา หนังอย่าง “ฟ้าทะลายโจร”, “iron pussy” และ “หมานคร” ออกมาประกาศศักดาความเซอร์หลุดโลก เท่เหลือใจ จนหลายคนยอมรับ
หากแต่ใช่หรือไม่ว่า ทั้งสองเรื่องล้วนถูกสร้างขึ้นเพื่อ เชิดชู บูชา คารวะ หนังไทยรุ่นเก่า ที่เราล้วนหลงลืม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับหนังเรื่องนี้ ที่จะว่าไปแล้ว มาก่อนกาลถึง 48 ปี
แต่อย่างไรก็ดี ถ้าไม่มีหนังเรื่องนี้ช่วยถากถางทาง คงไม่มีหนังไทยที่เรารักเหล่านั้นตามออกมา
น่าเศร้าอยู่บ้างที่คนเดินทางมักหลงลืมคนทำทางเสียจนหมดสิ้น
คารวะอ.รัตน์ เปสตันยี อีกหนึ่งจอกครับ
แสดงความคิดเห็น