จีจ้า ดื้อสวยดุ
เป็นหญิงสาวที่มีทั้งความมุทะลุดุดันและหน้าตาที่สะสวย แต่ตลอดชีวิตของเธอกลับไม่เคยรู้จักรักแท้ วันหนึ่งเธอได้พบชายหนุ่มนัยน์ตาเศร้านามว่า สนิม ผู้ซึ่งทำให้หัวใจของเธอรู้จักกับคำว่ารัก ต่อมาเธอได้มีโอกาสไปฝึกฝนศิลปะการต่อสู้แบบเมรัยยุทธ แต่เธอจะเข้าถึงศาสตร์และศิลป์ขั้นสูงสุดของมันได้จากการรู้ซึ้งถึงคุณค่าของรักแท้ และเรียนรู้ที่จะลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อความรัก
เรื่องย่อ
“ในทุกความรักมีการต่อสู้ และในทุกการต่อสู้ล้วนมีความรักเป็นแรงผลักดัน แต่การต่อสู้ครั้งนี้ไม่เพียงมีชีวิตของเธอ และรักแท้ของเขาเป็นเดิมพัน แต่ยังมี “เมรัยยุทธ” ศาสตร์แห่งการต่อสู้ที่ทรงอานุภาพ ฉับไว แปลกตา ด้วยวิถีแห่งการจู่โจมที่พริ้วไหว ยากในการคาดเดา เป็นอาวุธสำคัญที่ทำให้เธอกลายมาเป็น “จีจ้า ดื้อสวยดุ”
เมื่อใดก็ตามที่ต้องเผชิญกับความท้อแท้ ผิดหวัง ความเจ็บปวดจากความสูญเสียที่ทำให้รู้สึกเศร้า เสียใจ ว่ากันว่ามีสิ่งหนึ่งที่พร้อมถูกหล่อหลอมขึ้นจากส่วนที่อยู่ลึกที่สุดในจิต ใจ แปรเปลี่ยนเป็นพลังแห่งการต่อสู้อันยิ่งใหญ่ให้กับมนุษย์ทุกคน ซึ่งเรียกว่า “ความรัก” และมันกำลังจะเกิดขึ้นกับ “ดื้อ”(จีจ้า ญาณิน)หญิงสาวที่มีดีกรีความห้าวดีเดือดพอๆกับหน้าตาที่สะสวย แต่ตลอดชีวิตกลับไม่เคยสัมผัสกับ“รักแท้” แม้แต่ครั้งเดียว
แต่แล้ว วันหนึ่งชีวิตของดื้อต้องเปลี่ยนไปเมื่อได้พบกับสนิม(คาซู แอ็คชั่นฮีโร่สัญชาติฝรั่งเศสที่มีดีกรีระดับแชมป์เปี้ยน Champion the cup of world WKA (Martial art trickz) และ 1er Grand Prix international de paris of martial art trickz (ปี2002)) ชายแปลกหน้า นัยน์ตาเศร้า ที่ช่วยให้เธอรอดพ้นจากเงื้อมมือของกลุ่มคนลึกลับที่ต้องการบางอย่างในตัวเธอ
และนี่คือจุดเริ่มต้นของการก้าวเข้าไปสู่โลกอีกด้านหนึ่งที่ ดื้อไม่เคยสัมผัสมาก่อน โลกที่มิตรภาพและเพื่อนแท้หาได้จริง โลกที่ทุกคนพร้อมที่จะลุกขึ้นมาต่อสู้ เรียนรู้การใช้ชีวิตโดยมีเป้าหมายเดียวกัน จนเกิดเป็นแรงบันดาลใจสำคัญผลักดันให้ดื้อสนใจในทักษะการต่อสู้ โดยเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ได้มีโอกาสฝึก “เมรัยยุทธ”ที่สุดแห่งศาสตร์การต่อสู้ที่ทรงอานุภาพ ลึกลับ ฉับไว ที่มาพร้อมวิถีแห่งการจู่โจมที่เต็มไปด้วยความพริ้วไหว ล้ำลึก แปลกตา และยากที่จะคาดเดา จากสนิม ซึ่งเป็นผู้ถ่ายทอดให้พร้อมกับมิตรภาพจากเพื่อนใหม่อย่าง ขี้หมู(หนุ่ย แสนแดง แชมป์อันดับ3 ระดับประเทศแบทเทิลออฟเดอะเยียร์5ปีซ้อน)และ ขี้หมา(เฮส สมพงษ์ เลิศวิมลเกษม แชมป์บีบอยภาคเหนือ3สมัยและที่5ของประเทศ4สมัย) กลุ่มคนที่ในอดีตเคยผ่านบาดแผลแห่งความสูญเสียและความเจ็บปวดเช่นเดียวกับ ดื้อ แต่กลับรวมตัวกันที่จะลุกขึ้นมาเรียนรู้ที่จะต่อสู้เพื่อความรัก
ในขณะเดียวกัน ลอนดอน (รุ้งตะวัน จินดาซิงห์ แชมป์เอเชียทางด้านเพาะกายหญิงที่มีความสามารถทางด้านยูโด) มือสังหารฝีมือฉกาจถูกส่งมาเพื่อเล่นงานดื้อ สนิมและพรรคพวก ปรากฎตัวขึ้น ทำให้การเผชิญหน้าที่ต้องเดิมพันด้วยชีวิตเป็นสิ่งที่ยากจะหลีกเลี่ยง โดยที่ดื้อและพรรคพวกหารู้ไม่ว่าความสามารถทางการต่อสู้ที่มีอยู่นั้นยัง ห่างไกลและยากที่จะรับมือ ทางเดียวที่จะสามารถเอาชนะการต่อสู้ในครั้งนี้คือการเข้าถึงแก่นแท้ที่เป็น หัวใจสำคัญของ “เมรัยยุทธขั้นสูงสุด” นั่นหมายความว่าดื้อจะต้องรู้ซึ้งถึงคุณค่าและความหมายของ“รักแท้”ให้ได้ เสียก่อนซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่ดื้อเองยังไม่เคยสัมผัสมาเลยทั้งชีวิต ถึง แม้ว่า ณ ขณะนี้จะเข้าใจและเรียนรู้ที่จะลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อความรักแล้วก็ตาม
นักแสดง:
ญาณิน วิสมิตะนันทน์ | …. ดื้อ | |
คาซู แพททริค แทงค์ | …. สนิม | |
หนุ่ย แสนแดง | …. ขี้หมู | |
สมพงษ์ เลิศวิมลเกษม | …. ขี้หมา | |
บุญประเสริฐ ศาลางาม | ||
รุ้งตะวัน จินดาซิงห์ | …. ลอนดอน |
ความยาว: 113 นาที
นักแสดง
คาแร็คเตอร์
จีจ้า ญาณิน รับบท ดื้อ – เด็กสาววัยรุ่นที่ใช้ชีวิตเพียงลำพัง นิสัยดื้อรั้นสมกับชื่อ มั่นใจในตัวเองสูง ไม่ยอมคน เอาแต่ใจตัวเอง แต่ลึกๆแล้วเป็นคนที่โหยหาความรัก เฝ้ารอคอยใครสักคนที่รักและเข้าใจตัวเองอย่างแท้จริงมาช่วยเติมเต็มความรักในส่วนที่ขาดหายไป และด้วยเสน่ห์ความพิเศษที่ไม่ได้มีอยู่ในตัวหญิงสาวทุกคน ทำให้ดื้อเป็นที่ต้องการตัวของกลุ่มคนลึกลับ
คาซู รับบท สนิม – ชายหนุ่มผู้มีความสามารถในการต่อสู้ที่ไม่เหมือนใคร ยึดมั่นในรักแท้ แต่กลับต้องทนทุกข์ทรมานกับบาดแผลแห่งความทรงจำในรักจากอดีตที่คอยกัดกร่อนในใจมาตลอด 4 ปี เป็นคนที่ช่วยชีวิตดื้อไม่ให้ตกไปเป็นเหยื่อของกลุ่มคนลึกลับ ในขณะเดียวกันก็เป็นคนที่ค้นพบเสน่ห์บางอย่างที่มีอยู่ในตัวดื้อ และทำให้ดื้อเข้าใจความหมายของคำว่า “รัก” อย่างแท้จริง
ทีมงานสร้าง : แอ็คชั่น-โรแมนติก (แนวภาพยนตร์) / สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล (บริษัทผู้สร้าง-จัดจำหน่าย) / บาแรมยู (บริษัทดำเนินงานสร้าง) / สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ (อำนวยการสร้างฝ่ายบริหาร) / ปรัชญา ปิ่นแก้ว, พันนา ฤทธิไกร, สุกัญญา วงศ์สถาปัตย์ (ควบคุมงานสร้าง) / ศิตา วอสเบียน (ดำเนินงานสร้าง) / ธนนพ ไพบูลย์ (ประสานงานสร้าง) / ราเชนทร์ ลิ้มตระกูล (ผู้กำกับภาพยนตร์) / สมภพ เวชชพิพัฒน์, ราเชนทร์ ลิ้มตระกูล (เรื่อง) / สมภพ เวชชพิพัฒน์ (บทภาพยนตร์) / พันนา ฤทธิไกร (ควบคุมฉากต่อสู้) / วีระพล ภูมาตย์ฝน (ออกแบบและกำกับการต่อสู้) / ธีระวัฒน์ รุจินธรรม, ธนชาติ บุญหล้า, เฉลิม วงค์พิมพ์ (กำกับภาพ) / สุธรรม วิลาวัลย์เดช (ออกแบบงานสร้าง) / มาโนช ทองสุก (กำกับศิลป์) / ราเชนทร์ ลิ้มตระกูล, วิชิต วัฒนานนท์ (ลำดับภาพ) / เกียรติชัย คีรีศรี (ออกแบบเครื่องแต่งกาย) / คณิศร พ่วงจีน (ดนตรีประกอบและออกแบบเสียง) / บ. สยามพัฒนาฟิล์ม จำกัด (ฟิล์มแล็บส์) / ห้องบันทึกเสียงรามอินทรา (บันทึกเสียง)
จีจ้า ญาณิน ดื้อสวยดุ
…“ในทุกความรักมีการต่อสู้” และ“ในทุกการต่อสู้ล้วนมีความรักเป็นแรงผลักดัน”
…แต่การต่อสู้ครั้งนี้ไม่เพียงมีชีวิตของเธอ และรักแท้ของเขาเป็นเดิมพัน แต่ยังมี “เมรัยยุทธ” ศาสตร์แห่งการต่อสู้ที่ทรงอานุภาพ ฉับไว แปลกตา ด้วยวิถีแห่งการจู่โจมที่พลิ้วไหว ยากในการคาดเดา เป็นอาวุธสำคัญที่ทำให้เธอกลายมาเป็น…
…“จีจ้า ญาณิน ดื้อสวยดุ”
…เมื่อความโรแมนติกสุดเข้มข้นถูกหลอมหลวมเข้ากับความมันส์สุดขั้วของแอ็คชั่นแบบ non-stop หลากหลายรูปแบบในสไตล์ “เล่นจริงเจ็บจริง”
…สหมงคลฟิล์มอินเตอร์เนชั่นแนล และ บาแรมยู ภูมิใจเสนอ “จีจ้า ดื้อ สวย ดุ” ย่างก้าวที่ 2 ของ “จีจ้า ญาณิน” กับการพลิกโฉมใหม่หมดทั้งรูปลักษณ์ บทบาท คาแร็คเตอร์ สู่วิถีแห่งปรากฎการณ์ใหม่ที่จะเกิดขึ้นในโลกของภาพยนตร์แอ็คชั่น ภายใต้การผนึกกำลังครั้งสำคัญจากการออกแบบคิดค้นฉากการต่อสู้โดย วีระพล ภูมาตย์ฝน และควบคุมทุกฉากการต่อสู้โดย พันนา ฤทธิไกร ปรมาจารย์แอ็คชั่นมือ1 ผู้ปั้นโทนี่ จาเพื่อให้การกลับมาครั้งนี้ของจีจ้า ญาณินตอกย้ำความเป็นแอ็คชั่นไอคอนหญิงที่โลกต้องจับตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน “จีจ้า ญาณิน ดื้อสวยดุ” เป็นครั้งแรกในโลกภาพยนตร์ที่คอหนังแอ็คชั่นจะได้สัมผัสกับรูปแบบใหม่ของศิลปะการต่อสู้ที่พันนา, วีระพล และทีมมวยไทยสตั๊นท์ได้พัฒนาคิดค้นขึ้นมาสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้โดยเฉพาะ นั่นคือการผสมผสานระหว่างสเต็ปท่วงท่าต่างๆ ของการเต้น B-BOY, จังหวะของการเต้นรำ, การเคลื่อนไหวในแบบฉบับของ FREE RUNNING เข้ากับศิลปะการต่อสู้ที่เป็น MARTIAL ART จริงๆ รวมไปถึงการรวมตัวของท่วงท่าที่รุนแรงดุดัน สวยงามของ “มวยไทย” และ “เมรัยยุทธ” พร้อมด้วยการนำเสนอ MARTIAL ART TRICKZ และมวยปล้ำ ซึ่งถูกถ่ายทอดออกมาอย่างเต็มขีดความสามารถในแบบฉบับ “เล่นจริง เจ็บจริง” ของเหล่านักแสดงที่มีความสามารถอันโดดเด่นเฉพาะตัวซึ่งนำโดยแอ็คชั่นไอคอนหญิงอย่างจีจ้า ญาณิน, คาซู แพททริค แทงค์ นักบู๊ MARTIAL ART TRICKZ สัญชาติฝรั่งเศส, หนุ่ย แสนแดง แชมป์อันดับ 3 ระดับประเทศแบทเทิลออฟเดอะเยียร์ 5 ปีซ้อน และ เฮส สมพงษ์ เลิศวิมลเกษม แชมป์บีบอยภาคเหนือ 3 สมัยและที่ 5 ของประเทศ 4 สมัย, โอมาน บุญประเสริฐ ศาลางาม คร่ำหวอดในการเต้นบีบอยนับ 10 ปี อาจารย์สอนเต้นและกรรมการการแข่งขันระดับประเทศ 3 หนุ่มบีบอย ระดับแนวหน้าของเมืองไทย, รุ้งตะวัน จินดาซิงห์ แชมป์เพาะกายหญิงเอเชียแปซิฟิกที่มีความสามารถทางด้านยูโด
เรื่องราว
เรื่องราวของ “จีจ้า ดื้อสวยดุ”
…เมื่อใดก็ตามที่ต้องเผชิญกับความท้อแท้ ผิดหวัง ความเจ็บปวดจากความสูญเสียที่ทำให้เกิดความรู้สึกโศกเศร้า เสียใจ ว่ากันว่ามีสิ่งหนึ่งที่พร้อมจะถูกหล่อหลอมขึ้นจากส่วนลึกที่สุดในจิตใจ พร้อมแปรเปลี่ยนเป็นพลังแห่งการต่อสู้อันยิ่งใหญ่ให้กับมนุษย์ทุกคน ซึ่งเรียกว่า “ความรัก” และมันกำลังจะเกิดขึ้นกับ “ดื้อ” (จีจ้า ญาณิน) หญิงสาวที่มีดีกรีความห้าวดีเดือดพอๆกับหน้าตาที่สะสวย แต่ตลอดชีวิตกลับไม่เคยสัมผัสกับ “รักแท้” แม้แต่ครั้งเดียว
…แต่แล้ววันหนึ่งชีวิตของดื้อต้องเปลี่ยนไปเมื่อได้พบกับ “สนิม” (คาซู แพททริค แทงค์) ชายแปลกหน้า นัยน์ตาเศร้า ที่ตัวดื้อเองก็ไม่เคยรู้จักมาก่อน แต่กลับช่วยให้เธอรอดพ้นจากเงื้อมมือของกลุ่มคนลึกลับที่ต้องการบางอย่างในตัวเธอ
…และนี่คือจุดเริ่มต้นของการก้าวเข้าไปสู่โลกอีกด้านหนึ่งที่ดื้อไม่เคยสัมผัสมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ชีวิต และมิตรภาพของคำว่า “เพื่อนแท้” โดยเฉพาะอย่างยิ่งทักษะและความสามารถในการต่อสู้ที่นำเอาพื้นฐานของศิลปะการต่อสู้แขนงต่างๆ มาผสมผสานเข้ากับท่วงท่าและจังหวะการเคลื่อนไหวในการเต้น (บีบอย)ได้อย่างลงตัว จนเกิดเป็นแรงบันดาลใจสำคัญที่ผลักดันให้ดื้อซึ่งเป็นผู้หญิงคนเดียวได้มีโอกาสฝึก “เมรัยยุทธ” ที่สุดแห่งศาสตร์การต่อสู้ที่ทรงอานุภาพ ลึกลับ ฉับไว แปลกตา ด้วยวิถีแห่งการจู่โจมที่เต็มไปด้วยความพลิ้วไหว ลึกล้ำ ยากที่จะรับมือจาก สนิม ชายหนุ่มที่ช่วยชุบชีวิตเธอ พร้อมด้วย “ขี้หมู” (หนุ่ย แสนแดง) และ “ขี้หมา” (เฮส สมพงษ์ เลิศวิมลเกษม) กลุ่มคนที่ในอดีตเคยผ่านบาดแผลแห่งความสูญเสียและความเจ็บปวดเช่นกัน แต่กลับรวมตัวกันลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อความรัก
…ในขณะเดียวกับที่ “ลอนดอน” (รุ้งตะวัน จินดาซิงห์) มือสังหาร ศัตรูฝีมือฉกาจที่ถูกส่งมาเพื่อเล่นงานดื้อ สนิมและพรรคพวกโดยเฉพาะปรากฎตัวขึ้น การเผชิญหน้าระหว่างพวกเขาและเธอในการต่อสู้ที่มีชีวิตเป็นเดิมพันกลายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่หนึ่งที่ดื้อและพรรคพวกไม่เคยรู้เลยว่าความสามารถทางการต่อสู้ทั้งหมดที่เรียนรู้และฝึกฝนมาทั้งชีวิตยังห่างไกลที่จะรับมือ
…ทางเดียวที่จะเอาชนะในการต่อสู้ครั้งนี้ให้ได้ก็คือ การเข้าถึงแก่นแท้ที่เป็นหัวใจสำคัญของ “เมรัยยุทธขั้นสูงสุด” ซึ่งนั่นหมายความว่าดื้อจะต้องสัมผัสและรู้ซึ้งถึงคุณค่าและความหมายของ “รักแท้” ที่ดื้อไม่เคยสัมผัสมาก่อนหน้านี้เลยทั้งชีวิต นอกเหนือจาก “การเรียนรู้ที่จะลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อความรัก” ที่ดื้อเพิ่งเข้าใจ
…เตรียมพบกับอุบัติความมันส์ที่ต้องจับตาของการกลับมาของ “จีจ้า ญาณิน แอ็คชั่น เล่นจริง เจ็บจริง สวิงกว่าเดิม” ในภาพยนตร์แอ็คชั่นโรแมนติกสุดเข้มข้น ที่มาพร้อมกับการผสมผสานระหว่างศิลปะการต่อสู้หลากหลายรูปแบบ และท่วงท่าของสเต็ปการเต้นบีบอย, สเก็ตน้ำแข็ง, ฟรีรันนิ่ง, MARTIAL ART TRICKZ, กายกรรม, เมรัยยุทธ ฯลฯ กับปรากฏการณ์แอ็คชั่นดีไซน์ใหม่ เป็นครั้งแรกในโลกภาพยนตร์ กับ “จีจ้า ดื้อสวยดุ” 12 ส.ค.นี้ ทุกโรงภาพยนตร์
จากความสำเร็จตลอด 1 ปีเต็มของ “ช็อคโกแลต” สู่กระแสความนิยมของ “จีจ้าฟีเวอร์”
…7 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2551 “ช็อคโกแลต” ภาพยนตร์แอ็คชั่นไทยระดับโลกเรื่องที่ 3 จากผลงานการกำกับภาพยนตร์ของ “ปรัชญา ปิ่นแก้ว” (องค์บาก, ต้มยำกุ้ง) ถูกเปิดตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย พร้อมทั้งนำมาซึ่งความสำเร็จอย่างมหาศาลที่เกิดขึ้นอีกครั้งในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์แอ็คชั่นของไทย เมื่อภาพยนตร์เรื่อง “ช็อคโกแลต” สามารถกวาดรายได้อย่างถล่มทลายกว่า 80 ล้านบาท (เฉพาะโรงภาพยนตร์ในกรุงเทพ) และยังเป็นการแนะนำให้โลกได้รู้จักกับ “จีจ้า ญาณิน” แอ็คชั่นฮีโร่หญิงคนใหม่ของเมืองไทย
…หลังจากบ่มเพาะความสามารถ และฝึกฝนการต่อสู้อย่างยาวนานมากว่า 4 ปี ทันทีที่แอ็คชั่นฮีโร่หญิงเจ้าของสโลแกน “เล่นจริง เจ็บจริง” เปิดตัวออกสู่สาธารณชนเป็นครั้งแรก ไม่เพียงได้รับผลตอบ ก่อให้เกิดความชื่นชอบ และชื่นชมในตัวนักบู๊หญิงหน้าหวานจนเกิดเป็นกระแส “จีจ้าฟีเวอร์” ลุกลามไปทั่วประเทศ และไม่เพียงแต่ในเมืองไทยเท่านั้น แต่ยังขยายผลต่อเนื่องไปยังประเทศต่างๆไม่ว่าจะเป็นฮ่องกง, สิงคโปร์, มาเลเซียเมื่อภาพยนตร์เรื่อง “ช็อคโกแลต” เปิดตัวเข้าฉายในประเทศต่างๆ พร้อมความสำเร็จในอันดับภาพยนตร์ทำเงินของแต่ละประเทศ รวมไปถึงการที่ตัวภาพยนตร์ถูกเลือกให้เข้าร่วมฉายในเทศกาลภาพยนตร์ระดับนานาชาติต่างๆ จากทั่วโลกในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา อาทิ TORONTO FILM FESTIVAL ประจำปี 2008 ในสาย MIDNIGHT MADNESS ซึ่งเป็นสายเดียวกันกับที่ภาพยนตร์แอ็คชั่นระดับโลกของไทยอย่างเรื่ององค์บากเคยสร้างความฮือฮามาแล้ว เทศกาลภาพยนตร์ Mar Del Plata International Film Festival 2008 ที่ประเทศอาร์เจนติน่า, ภาพยนตร์เรื่อง “ช็อคโกแลต” ยังได้รับการคัดเลือกได้รับเกียรติให้เป็นภาพยนตร์ฉายเปิดเทศกาล Asia Film Festival ซึ่งจะจัดขึ้นที่เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ในระหว่างวันที่13 3-22 มี.ค 52 ที่ผ่านมา รวมทั้งยังได้รับเลือกเข้าฉายในเทศกาลภาพยนตร์ Udine Asian Film Festival 2009 ที่ประเทศอิตาลี ในเดือนเมษายนโดยมีปรัชญา ปิ่นแก้วและพันนา ฤทธิไกรเดินทางร่วมเทศกาล โดยผู้ชมและสื่อมวลชนที่ได้รับชมต่างชื่นชอบและยกย่องในความสามารถของจีจ้า
…นอกจากนี้จีจ้า ญาณินยังมีโอกาสได้เดินทางไปร่วมโปรโมทภาพยนตร์เรื่อง “ช็อคโกแลต” ที่เข้าฉายในเดือน พ.ค. โดยได้รับการต้อนรับจากสื่อมวลชนและผู้ชมชาวญี่ปุ่นอย่างล้นหลามเมื่อเดินทางไปร่วมโปรโมทภาพยนตร์เรื่อง “ช็อคโกแลต” ซึ่งเข้าฉายอย่างเป็นทางการในประเทศญี่ปุ่นในเดือนพ.ค.2009 ด้วยการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเกือบ 30 สำนักพิมพ์ โชว์แอ็คชั่นในรายการของสถานีโทรทัศน์ยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นอย่างฟูจิทีวีล่าสุด และในงานจัดฉายภาพยนตร์รอบสื่อมวลชน
…ณ วินาทีนี้คงปฏิเสธไม่ได้ว่าจากความสำเร็จที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ชื่อของแอ็คชั่นหญิงหน้าหวาน “จีจ้า ญาณิน” ไม่เพียงเป็นที่รู้จัก แต่ยังได้รับการชื่นชมยกย่องให้กลายเป็นขวัญใจของเหล่าแฟนๆ ภาพยนตร์จากหลายๆ พื้นที่ในโลก ไม่ว่าจะเป็นการที่นิตยสารทีวีพูลมอบรางวัล TOP AWARD ซึ่งตัดสินมาจากการรวบรวมผลโหวตจากมหาชนในสาขานักแสดงนำฝ่ายหญิงยอดเยี่ยมให้กับจีจ้า รวมทั้งตัวภาพยนตร์เรื่อง “ช็อคโกแลต” ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงถึง 3 รางวัล รวมทั้งภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ผู้กำกับยอดเยี่ยม และดารานำฝ่ายหญิงยอดเยี่ยม
…และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อ “จีจ้า ญาณิน” ได้รับเกียรติให้เป็นนักแสดงชาวไทยเพียงคนเดียวที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล ASIAN FILM AWARDS ครั้งที่ 3 ในสาขา นักแสดงดาวรุ่งยอดเยี่ยม (BEST NEWCOMER) (ซึ่งปีที่แล้วหนุ่มฮอต “มาริโอ้ เมาเร่อ” ถูกเสนอชื่อเข้าชิงในสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์เรื่อง “รักแห่งสยาม”) ซึ่งถูกจัดขึ้นโดย Hong Kong International Film Festival Society ในเทศกาล The 33rd Hong Kong International Film Festival ที่จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 22 มี.ค.-13 เม.ย. นี้ ที่ประเทศฮ่องกง
พลิกโฉมหน้าแอ็คชั่นฮีโร่หญิง เจ้าของสโลแกน “เล่นจริง เจ็บจริง”
สู่ย่างก้าวที่ 2 ของ “จีจ้า ญาณิน” กับโจทย์ใหม่ที่ท้าทาย “สวิงกว่าเดิม”
เมื่อแอ็คชั่นถูกหล่อหลอมด้วยความโรแมนติก
…ไม่น่าแปลกใจที่หลายคนต่างให้ความสนใจและจับตามองถึงความเคลื่อนไหว และเฝ้ารอคอยย่างก้าวที่ 2 ที่กำลังจะเกิดขึ้นในโลกภาพยนตร์ของ “จีจ้า ญาณิน” หลังจากความสำเร็จของ “ช็อคโกแลต” ไม่ว่าจะเป็นพล็อต เรื่องราวของภาพยนตร์ รูปแบบของแอ็คชั่นใหม่ๆ รายละเอียดของงานสร้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทบาท คาแร็คเตอร์ รูปลักษณ์ และพัฒนาการทางด้านการแสดงของแอ็คชั่นฮีโร่หญิงเจ้าของสโลแกน “เล่นจริง เจ็บจริง” ในโปรเจ็คต์ภาพยนตร์เรื่องใหม่ล่าสุดของจีจ้า
“ไม่ใช่เรื่องง่ายนักสำหรับการหาเหตุผลและสร้างแรงจูงใจให้ตัวละครลุกขึ้นมาต่อสู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาพยนตร์แอ็คชั่นที่บอกเล่าเรื่องราวในโลกสมัยใหม่ที่มีตัวละครเอกเป็นเด็กผู้หญิงวัยรุ่น ในขณะเดียวกันก็ต้องกำหนดทิศทางและสร้างเรื่องราวให้คนดูได้สัมผัสและเห็นถึงพัฒนาการความรู้สึกของตัวละครที่ต้องเติบโตไปโดยมีความรักเป็นแรงผลักดันและต้องกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับพาร์ทการต่อสู้ที่จะเกิดขึ้นในฐานะภาพยนตร์แอ็คชั่นด้วย”
…“ราเชนทร์ ลิ้มตระกูล” ผู้กำกับ “โลกทั้งใบให้นายคนเดียว” ภาพยนตร์โรแมนติก-แอ็คชั่นที่ได้รับการบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์ถึงความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ด้วยการเป็นภาพยนตร์ไทยที่กวาดรายได้สูงสุดประจำปี พ.ศ.2538 กว่า 55 ล้านบาท และสามารถคว้า 3 รางวัลสำคัญทางด้านภาพยนตร์จาก 2 สถาบันที่ทรงเกียรติที่สุดของเมืองไทยอย่างรางวัลพระสุรัสวดีและรางวัลสุพรรณหงส์ทองคำ ในสาขารางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และนักแสดงนำฝ่ายหญิงยอดเยี่ยม โดยสามารถกวาดอีก 5 สาขารางวัลสำคัญจากรางวัลสุพรรณหงส์ทองคำ และเป็นผู้มีส่วนร่วมสำคัญในความสำเร็จของภาพยนตร์อย่าง “ช็อคโกแลต” และ “องค์บาก 2” เข้ามารับหน้าที่สำคัญในฐานะผู้กำกับภาพยนตร์ใน “จีจ้า ดื้อสวยดุ” โปรเจ็คต์ภาพยนตร์เรื่องที่ 2 ของจีจ้าภายใต้แนวคิดและไอเดียที่ต้องการนำเสนอภาพยนตร์แอ็คชั่นโดยหยิบเอาแง่มุมเรื่องราวของความรักมาเป็นหัวใจสำคัญ และจะเป็นอย่างไรถ้าในพาร์ทของแอ็คชั่นมีความโรแมนติกผสมผสานอยู่
“ที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นหนังแอ็คชั่นของไทยเอง หรือต่างประเทศ แม้แต่หนังของเฉินหลง บรูซ ลี เราแทบไม่เคยเห็นหนังแอ็คชั่นเรื่องไหนที่หยิบเอาประเด็นเรื่องความรักมานำเสนอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนังแอ็คชั่นแบบ MARTIAL ART ที่เน้นเรื่องศิลปะการต่อสู้ในสมัยนี้ เราไม่ได้กำลังพูดถึงหนังแอ็คชั่นยิงปืนแบบจอห์น วูนะ พูดได้ว่าไม่มีหนังแอ็คชั่นเรื่องไหนเลยที่พูดเรื่องความรัก โดยเฉพาะประเด็นความรักระหว่างหนุ่มสาว และเมื่อนึกถึงว่านี่คือหนังแอ็คชั่นที่มีจีจ้าเป็นนักแสดงนำด้วยแล้ว ไม่มีข้อกังขาอื่นใดเลยเพราะพูดได้ว่าจีจ้ามีคุณสมบัติเพียบพร้อมเพียงพอที่จะเล่นหนังรักได้อย่างสบาย ไม่ว่าจะเป็นบุคลิก รูปร่าง หน้าตา หรือแม้แต่วัยของจ้าเองซึ่งในช่วงวัยที่จะพูดเรื่องความรัก”
…ภายใต้คอนเซ็ปท์ที่ว่าในทุกๆ ความรักย่อมต้องมีการต่อสู้ และในทุกๆการต่อสู้ล้วนมีความรักที่แฝงเร้นเป็นแรงผลักดัน จึงทำให้โปรเจ็คต์ย่างก้าวที่ 2 ของ “จีจ้า ดื้อสวยดุ” มีความเป็นหนังแอ็คชั่น-โรแมนติกอย่างเต็มตัวพร้อมกับที่แฟนๆจะได้เห็นแง่มุมความรักผ่านพัฒนาการทางด้านการแสดงออกทางอารมณ์และความรู้สึกของนักแสดงสาวอย่างจีจ้าอย่างแน่นอน
“ในโปรเจ็คต์ภาพยนตร์เรื่องที่ 2 ของจีจ้า เราจะได้เห็นถึงพัฒนาการทางด้านการแสดงที่เติบโตขึ้น ตัวละครที่มีความเป็นสาวขึ้นของตัวจีจ้า การนำเสนอประเด็นแง่มุมเรื่องความรักของตัวละครซึ่งจะถูกนำมาผสมผสานหลอมรวมเข้ากับแอ็คชั่นของภาพยนตร์ที่นำเอาศิลปะการต่อสู้ที่มีรูปแบบและดีไซน์ที่หยิบจับเอาไลฟ์สไตล์ และวิถีของความเป็นวัยรุ่นในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมการแต่งตัว แฟชั่น ดนตรี มาเป็นส่วนประกอบสำคัญในการสร้างสีสันและนำเสนอในภาพยนตร์”
…โดยมี 2 เรี่ยวแรงสำคัญผู้มีส่วนร่วมในความสำเร็จของแอ็คชั่นฮีโร่หญิงเจ้าของสโลแกน เล่นจริง เจ็บจริง ของจีจ้า จากภาพยนตร์เรื่อง “ช็อคโกแลต” กลับมาแท็คทีมกันอีกครั้งเพื่อเตรียมสร้างปรากฎการณ์ใหม่ภาพยนตร์แอ็คชั่นโรแมนติกที่แน่นอนว่าเต็มไปด้วยความเซอร์ไพรส์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรูปแบบและดีไซน์ของฉากแอ็คชั่นการต่อสู้ที่จะปรากฎขึ้นในภาพยนตร์ ซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่ “พันนา ฤทธิไกร” ผู้กำกับ ผู้ควบคุมงานสร้าง ปรมาจารย์แอ็คชั่นมือ1ของเมืองไทย มารับหน้าที่ควบคุมฉากการต่อสู้ และ “วีระพล ภูมาตย์ฝน” ซึ่งรับหน้าที่ในการออกแบบฉากการต่อสู้ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในภาพยนตร์ ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบคิดค้นฉากการต่อสู้รูปแบบใหม่สำหรับจีจ้าในภาพยนตร์เรื่องนี้โดยเฉพาะที่ทั้งพิเศษและเต็มไปด้วยความแปลกใหม่ อย่างที่ไม่เคยมีนักแสดงแอ็คชั่นหญิงคนใดในโลกภาพยนตร์นำเสนอมาก่อน รวมทั้งรูปแบบการต่อสู้ของคาซูที่ถูกคิดค้นและนำมาใช้ในภาพยนตร์ รวมไปถึงการผสมผสานรูปแบบและทักษะความสามารถทางการต่อสู้เฉพาะตัวที่มีอยู่ในตัวจีจ้าและคาซู ที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในภาพยนตร์ที่เป็นย่างก้าวที่ 2 ของจีจ้า ญาณินโดยเฉพาะ
…เป็นครั้งแรกที่เราจะได้เห็นท่วงท่าการต่อสู้ที่เป็นการผสมผสานระหว่าง “B-BOY”, “MARTIAL ART”, “เมรัยยุทธ” และ “TRICKZ” ปรากฎขึ้นในในโลกภาพยนตร์ที่พันนาการันตีว่า แปลกใหม่ ยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ที่ท่วงท่าตามจังหวะการเต้นบีบอย ถูกพัฒนามาเป็นท่าการต่อสู้ในแบบฉบับของ MARTIAL ART จริงๆ หรือการผสมผสานกันระหว่างความรุนแรงสวยงามดุดันของ “แม่ไม้มวยไทย” เข้ากับ “เมรัยยุทธ” ซึ่งถ่ายทอดโดย จีจ้า, KAZU แอนด์เดอะแก๊ง ที่มีจุดเด่นที่ร่างกายมีความยืดหยุ่นทำให้การเคลื่อนไหวมีความพริ้วไหวสวยงาม แต่ขณะเดียวกันก็สามารถออกท่วงท่าอาวุธได้อย่างคม ชัด จริงจังและดุดัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผสมผสานเข้ากับ “เมรัยยุทธ” ซึ่งที่ผ่านมายังไม่เคยมีภาพยนตร์เรื่องใดในโลกที่มีนักแสดงหญิงถ่ายทอดหรือนำเสนอมาก่อนหน้า และครั้งนี้ท่วงท่าต่างๆถูกออกแบบ และดีไซน์ขึ้นมาเป็นพิเศษเพื่อจีจ้าโดยเฉพาะ
“ไม่เคยมีหนังแอ็คชั่นเรื่องใดในโลกที่นำเสนอ B-BOY ในรูปแบบ MARTIAL ART มาก่อน สิ่งที่คอหนังแอ็คชั่นจะได้สัมผัสใน ‘ดื้อสวยดุ’ ทุกฉากทุกซีนแอ็คชั่นคือความใหม่ เหมือนกับครั้งแรกที่เราเคยได้ดูโทนี่ จาแสดงในองค์บาก ลองหลับตานึกภาพทุกจังหวะของท่วงท่าในการออกสเต็ปจากการเต้นบีบอยถูกพัฒนากลายมาเป็นท่วงท่าของการต่อสู้ในแบบจริงจัง หนักแน่น ดุดัน ในแบบ MARTIAL ART รวมทั้งการพัฒนารูปแบบของ เมรัยยุทธ ในแบบฉบับที่ยังไม่เคยเห็นมาก่อนโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อถูกถ่ายทอดออกมาโดยนักแสดงแอ็คชั่นหญิงอย่างจีจ้าที่มีความหนักแน่นในการออกอาวุธที่คมมาก เล่นแอ็คชั่นได้อย่างชัดเจนมากๆ ขณะเดียวกันเวลาเคลื่อนไหวก็จะพริ้ว สวยงาม เพราะสรีระร่างกายของผู้หญิงจะมีความยืดหยุ่นมากกว่า แต่เวลาเล่นแอ็คชั่นจะดุ หนักหน่วงมากๆ”
…ความโดดเด่นที่ชัดเจนที่สุดของ “จีจ้า ดื้อสวยดุ” ที่แฟนๆ จะได้สัมผัสในภาพยนตร์คือการดึงเอาศักยภาพ เสน่ห์แง่มุมต่างๆ ในความเป็นไอดอลที่มีอยู่ในตัวตนของนักแสดงนำอย่างจีจ้า ญาณินมาถ่ายทอดได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ในภาพยนตร์แอ็คชั่นโรแมนติคอย่างเต็มรูปแบบ โดยผ่านแง่มุมความโรแมนติคของตัวละคร ดื้อ หญิงสาวหน้าตาดี สวย ห้าว ดุ ที่ต้องลุกขึ้นมาเรียนรู้ และต่อสู้เพื่อความรัก ยิ่งเป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์ความเป็นแอ็คชั่นไอคอนหญิงเพียงหนึ่งเดียวขวัญใจแฟนๆมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งลุคโฉมที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงทั้งหน้าตาเสื้อผ้า ทรงผม กับบทบาทที่ใกล้ตัวมากขึ้น โตขึ้นมีความเป็นหญิงสาวมากขึ้น รวมทั้งอินเทรนด์ มีความทันสมัย (fasionable) มากขึ้น ฯลฯ พิสูจน์ให้รู้ว่านอกเหนือจากแอ็คชั่นที่ได้รับการยอมรับแล้ว แอ็คชั่นหญิงอย่างจีจ้ายังมีอีกหลายสิ่งที่พร้อมสร้างเซอร์ไพรส์ให้กับแฟนใน “จีจ้า ดื้อสวยดุ” ที่สุดแห่งภาพยนตร์หวังสร้างปรากฏการณ์ใหม่ประจำปี 2009 สู่การปฏิวัติโฉมหน้าของภาพยนตร์แอ็คชั่นโรแมนติกรูปลักษณ์ใหม่ที่ผสมผสานไลฟ์สไตล์ แฟชั่นในความเป็นทีนเอจโมเดิร์นเข้ากับความเป็นอัลติเมทแอ็คชั่นที่มีแอ็คชั่นไอคอนหญิงอย่างจีจ้า ญาณินถ่ายทอดออกมาได้อย่างลงตัว
รีวิว
จีจ้า ดื้อ สวย ดุ : โลกทั้งใบอยู่ในเมรัยขวดเดียว
เขียนโดย โอบิลิส์ค อ้วนป่วยเปรอะ อังคาร, 18 สิงหาคม 2009
“จีจ้า ดื้อสวยดุ” ผลงานเรื่องที่สองของ “จีจ้า ญาณิน” นักบู๊หญิงที่มีโมเดลมาจากบล็อกแห่งความสำเร็จของการ “เล่นจริง เจ็บจริง” แต่ไม่โนสลิงอย่างโทนี่จา ซึ่งจีจ้าก็ไม่ได้แอ็คชั่นด้อยไปกว่าโทนี่จาซักเท่าไหร่ และเล่นแข็ง(?)ไม่ไกลต่างจากโทนี่จา อีกด้วยหนังที่ได้การกำกับของ “ราเชนทร์ ลิ้มตระกูล” ผู้เคยฝากผลงานไว้เมื่อสิบกว่าปีที่แล้วอย่างน่าจดจำจาก “โลกทั้งใบให้นายคนเดียว” และวันนี้เขากลับมาทำหยังอีก เอ้ย…ทำหนังอีกมาว่ากันด้วยหนัง “ดื้อสวยดุ” ว่าจะบันเทิงได้ขนาดไหนดีกว่าความชอบใจส่วนตัวอย่างแรกคงไม่ใช่การเพิ่มเนื้อหาดราม่าให้จีจ้าได้แสดงออกทางอารมณ์ อย่างที่หนังพยายามขับออกมา แต่ความที่หนังได้ไอเดียการเต้นบีบอยด์มาปรับกระบวนยุทธ์เป็นการต่อสู้อีกรูปแบบหนึ่ง มาเป็นบีทจังหวะการเต้นที่เข้ากันได้ดีเมื่อมาวางสเต็ปไว้ในการออกลีลาการเตะ ต่อย บู๊ถือได้ว่าเป็นความพยายามที่ดี ที่ปรับสไตล์การตะบันพะบู๊แบบไทยจ๋า ขี่ช้างมา ตามหาเงินแม่ตู ให้เป็นลุคเด็กแนวได้อีก
อา พยายามนับข้อดีแล้ว ได้เพียงแค่นี้เชียว
การดำเนินเรื่องและการฝึกฝนวิชาที่เป็นเหมือนหนังจอมยุทธ์อีกเรื่องหนึ่ง ก่อนออกท่องยุทธภพกว้าง ปูทางมาได้ไม่ได้เลวร้ายซักเท่าไหร่
แม้กระบวนวิชา “เมรัยยุทธ์” จะออกแนวเกือบลอยทะเลไปบ้าง เอ๊ะ เอ๊ะ ดูหนังจีนอยู่หรือเปล่าหว่า
แต่คลับคล้ายคลับคลาว่ามีหนังไทยกิน “ช็อคโกแลต” แล้วยังได้พลังเพิ่มอีกตะหาก ไฉนเราจะกระดกเมรัยแล้วบู๊แหลกมิได้ ก็ไม่น่าพิกลซักเท่าไหร่หรอก
หรือเฝือๆ ไปบ้างกับตำนานรัก ที่บางจังหวะหนังก็ทำเอาน่าเบื่อได้ตะหงิดๆ…
พระเอกก็พระเอ๊ก พระเอกของหนัง แบบแปลได้ว่ามันต้องเป็นจังซี่ อั๊วกะแล้วว่ามันต้องเก็บของโรแมนติกสุดขีดไว้กับตัวเอง เพื่อเป็นที่จดจำในความเป็นพระเอกของเรื่อง
จะถ่ายสวยไปไหนกับความสำคัญของแต่ละฉาก ห้องนอนนางเอกที่สวยจนไฟแทบลุกไหม้บ้าน ไปจนกระทั่งคุกมืดที่กักขังเหยื่อเคราะห์ร้ายที่หากเพิ่มไฟสีมากกว่านี้ซักสิบดวง คงดูไม่ต่างไปจากน้องนางนั่งแหมะในตู้กระจก หึหึ…อารายวะนั่น
แต่เอาเถิดจะเพี้ยน จะเซซวนไปบ้าง แต่ใจหลักของหนังคือความมันส์ ถีบกัน โดดกันมันส์พะยะค่ะ
จะมีที่มาที่ไปอย่างไร อย่าได้หยิบเอามาคิดให้เปลืองพื้นที่ติ่งขมอง
เอ๊ะ หรือเราหลงลืมอะไรไปบางอย่าง
“จีจ้า” นางเอกนั่นเอง
บทหนังสั่งมาในบทที่สุดกดดันอารมณ์ เพราะเป็นผู้หญิงที่ไม่มีใครเหลืออยู่เลย พ่ออยู่บนฟ้า แม่อยู่อีกซีกขอบฟ้า ดราม่าที่มีอยู่ในการแสดงของจีจ้าจึงเป็นการให้น้ำตาไหลพรากเมื่อยามอ่อนแอ
“การพยายามเยอะในการ(แสร้ง)แสดง” จนล้นเอ่อมาท่วมตา จนเรารู้สึก รู้สึกว่า เอ่อ…ไปโดดเตะผู้ร้ายดีกว่าเยอะ
โลกทั้งใบของหนังเรื่องนี้ไม่มีอะไรมากไปกว่าเมรัยขวดเดียว
ถ้าเดาออกว่ายกซดแล้วจะทำเอาเมาแฮงค์ได้ ก็เลือกแค่เอาลิ้นแตะๆ สองสามหยดให้ซู่ซ่าใจก็น่าจะดีกว่ามั้ง
แสดงความคิดเห็น