ขวัญเรือน (2511)
เสรีภาพยนตร์ ผู้สร้าง เทพธิดาบ้านไร่
เสนอ ภาพยนตร์ชีวิตหนัก รักโศกซึ้ง ตรึงชีวัน
ขวัญเรือน
ป.พิมล ประพันธ์เรื่องและสร้างบท
มิตร ชัยบัญชา นำ เพชรา เชาวราษฎร์ ดาราตาหยาดน้ำผึ้ง
ประชันบทกับ วิไลวรรณ วัฒนพานิช ดาราเจ้าน้ำตา
ดาราสมทบ
อดุลย์ ดุลยรัตน์, กิ่งดาว ดารณี, แมน ธีระพล,
กัณฑรีย์ นาคประภา, มาลี เวชประเสริฐ, สมควร กระจ่างศาสตร์,
ชุมพร เทพพิทักษ์, สุวิน สว่างรัตน์, สุดเฉลียว เกิดผล,
อดินันท์ สิงห์หิรัญ, เทียว ธารา, สมพงษ์ พงษ์มิตร, ล้อต๊อก,
สุคนธ์ คิ้วเหลี่ยม, ชูศรี มีสมมนต์, ดาวน้อย ดวงใหญ่,
ศรีสละ ทองธารา, ประสาน และด.ญ.มาริสา ธารา
รังสี ทัศนพยัคฆ์ กำกับการแสดง
ปราโมทย์ เสรีเชษฐพงษ์-ณรงค์ พงษ์วัชรินทร์ อำนวยการสร้าง
ธีระ แอคะรัตน์ ถ่ายภาพ
กิตติ ประสพสุข ดำเนินงาน
พรานบูรพ์-สง่า อารัมภีร ร่วมกันสร้างเพลง
ละครวิทยุของเสนีย์ บุษปะเกศ
-ใบปิดวาดโดย เปี๊ยกโปสเตอร์
เรื่องย่อ ขวัญเรือน
ไร่ “ปางโศก ในเนื้อที่ดินหลายร้อยไร่ มีพืชหลักที่สามารถทํารายได้ให้แก่ครอบครัว เจ้าของคือ รอย วงศ์ราม (สุวิน) ภรรยาสาวสวย ขวัญ (วิไลวรรณ วัฒนพานิช) และลูกสาวที่กําลังน่ารักน่าเอ็นดู ชื่อว่า ขวัญเรือน วงศ์ราม (ด.ญ.มาลิสา) อันเป็นเงินนับแสนต่อนี่ที่เดียว
ในวันเริ่มเรื่องหลังจากเสร็จจากการทําไร่ประจําวันแล้ว รอยก็แต่งตัวขับรถออกจากบ้าน โดยบอกกับภรรยาว่า จะไปรับเงินค่าขายข้าวโพดจากบริษัทที่รับซื้อที่ปากช่อง แต่ปรากฏว่ารอยไปมั่วสุมอยู่ในบ่อนการพนันตลอดคืน และเสียอย่างสิ้นเนื้อประดาตัวรวมทั้งการโอนไร่ “ ปางโศก” ให้แก่ผู้ชนะการพนันในคืนนั้นด้วย ด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้งทําให้รอยคิดมากเกิดสติวิปลาศขึ้นในขณะที่ขับรถแทรคเตอร์ไถไร่อยู่ เกิดภาพหลอนว่าขวัญเรือนวิ่งเข้ามาหาตน ความตกใจทําให้รอยโดดลง แต่พอไปถึงภาพของลูกน้อยก็หายวับไป เป็นเหตุให้รอยเกิดความตกใจและขวัญเสีย หันกลับมาแต่ไม่พ้นรถแทรคเตอร์ที่กําลังพุ่งเข้ามา จึงทับรอยถึงแก่ความตาย ซึ่งทั้งนี้ก่อให้เกิดความเศร้าโศกแก่ขวัญภรรยาและลูกน้อยอย่างรุนแรง
ในที่สุดขวัญและลูกน้อยต้องออกจากไร่ “ปางโศก” เพราะสัญญาที่รอยได้ทําไว้ให้แก่ นายเอื้อ อัมพวา (สมควร กระจ่างศาสตร์) โดยไม่สามารถจะกําหนดอนาคตชีวิตของตัวเองได้ในขณะนั้น เมื่อได้พบกับ คุณนายแช่มช้อย (กัณฑรีย์ นาคประภา) รับเป็นผู้อุปการะ จึงตกลงใจยอมตามในทันที การณ์กลับปรากฏว่า คุณนายแช่มช้อยมิได้เป็นคนดีตามที่พูด จึงเสมือนหนึ่งทั้งแม่และลูกน้อย ตกอยู่ในขุมนรก เป็นการหลอกเอามาให้รับใช้งานในบ้าน จนกระทั่ง ขวัญเรือน เด็กน้อยต้องล้มเจ็บลง ทั้งสองจึงหลบออกมาจากบ้านนั้น พร้อมด้วย ลุงแสง (สุคนธ์ คิ้วเหลี่ยม) คนสวนของบ้าน ซึ่งได้เป็นผู้ช่วยเหลือทั้งสองให้ได้มาอยู่กับ ขุนชัยประชากร ซึ่งเป็นขุนนางเก่าอดีตนายอําเภอ ในฐานะแม่บ้าน แต่เป็นการหนีเสือ มาปะจระเข้ เพราะท่านขุนมิได้มีเจตนาอย่างที่ขวัญคิด แต่เป็นการเอาใจเพื่อจะได้ขวัญมาเป็นภรรยาลับ เมื่อขวัญมิได้ยินยอม ทั้งสองจึงต้องออกจากบ้านนั้นมาระเหเร่ร่อนต่อไป
ต่อมาในสภาพที่เรียกว่าจนตรอก ขวัญและลูกน้อยได้ไปปลูกเพิงอยู่ที่ย่านขยะ ซึ่งเป็นแหล่งชุมนุมชนของพวกเด็กยากจน ครองชีพด้วยการค้นหาเศษของที่ถูกทิ้งแล้วมาแลกเปลี่ยนเป็นเงิน เมื่อหมดหนทางที่จะแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ขวัญจึงตัดสินใจที่จะดำเนินอาชีพเป็น นางบังเงา ตามแบบฉบับโสเภณีเดือน เพื่อช่วยให้ลูกน้อยได้มีอาหาร และยาสําหรับรักษาไข้ เหตุการณ์ได้ดําเนินเรื่อยมาจนกระทั่ง ขวัญเรือน วงศ์ราม (เพชรา เชาวราษฎร์) โตเป็นสาวสวย อายุ 18 ปี โดยไม่รู้ว่า มารดาได้ดําเนินอาชีพ อันเป็นที่น่ารังเกียจเช่นนั้น เมื่อขวัญอายุมากขึ้น รายได้ก็ย่อมน้อยลง ๆ ทําให้ขวัญเรือนต้องดิ้นรนเพื่อที่จะหารายได้มาช่วยแม่และตนเอง และจากเศษหนังสือพิมพ์ ขวัญเรือนได้หลบมารดาไปสมัครเป็นพนักงานนวด อยู่ที่สถานอาบ อบ นวด “อะดาม” โดยหวังที่จะได้เงินจํานวนมาก ตามที่ประกาศ รวมทั้งความหิวโหยเป็นเครื่องบังคับอยู่ ทําให้เห็นผิดเป็นชอบ ไม่รู้ถึงความเสียหายที่จะเกิด ขึ้นแก่ตนเองในภายหน้า
จนกระทั่งขวัญล้มป่วยลง เมื่อความจนบีบคั้นจนถึงที่สุด ขวัญเรือน ได้ไปทํางานเป็นพนักงานเสริฟอาหาร ที่ ภัตตาคาร “ไผ่เหลือง” ซึ่งต้องผจญกับการลวนลามของแขก รวมทั้ง เจ้าของภัตตาคาร นายมังกร (แมน ธีระพล) ซึ่งพยายามจะเอาตัวขวัญเรือนเป็นภรรยาในช่วงเวลาที่คอยการมาของ อรรถ อัมพวา (มิตร ชัยบัญชา)โดยไม่รู้ว่าทางด้านอรรถนั้น นายเอื้อ ต้องการให้แต่ง งานกับ วิภา (กิ่งดาว ดารณี) บุตรีของเศรษฐีพ่อค้าด้วยกัน แต่อรรถไม่ยินยอมจึงออกจากบ้านไป
เมื่อขวัญเรือนได้ทํางานอยู่ที่ “ไผ่เหลือง” นั้นเธอได้ สนิทสนมกับขาประจําของร้านคนหนึ่งคือ นายแพทย์ สุวิทย์ รัฐรักษา (อดุลย์) ซึ่งเป็นคนดีและขวัญเรือนได้พานายแพทย์สุวิทย์ ไปรักษาพยาบาลมารดาของเธอรวมทั้งขวัญเรือนก็ได้ตัดสินใจเลิกอาชีพพนักงานเสริฟอาหาร ตามคําขอร้องของหมอสุวิทย์และมาอาศัยอยู่ในบ้านของหมอ ซึ่งทั้งนี้เมื่อทั้งสองได้ไปพบอรรถในสภาพที่เมามาย จึงก่อให้เกิดความเข้าใจผิดแก่ อรรถ ที่เห็นคนทั้งสองสนิทสนมกันโดยไม่ฟังเหตุผลใด ๆ ด้วยความรักที่ขวัญเรือนมีต่ออรรถอย่างจริงใจ ขวัญเรือน และมารดาจึงกลับไปอยู่ที่กองขยะอย่างเก่า เพื่อแสดงให้เห็น
ต่อมาขวัญได้ล้มป่วยลงอีกครั้งและถึงแก่ความตาย ขวัญเรือนจึงต้องกลับมาที่ ไผ่เหลือง” อีกครั้งหนึ่ง โดยครั้งนี้ตั้งใจจะผจญกับเหตุการณ์ไม่ว่าดีหรือร้ายทั้งสิ้น แต่ไม่ทันที่โชคชะตาจะเลวร้ายถึงขนาด ปรากฏว่านายเอื้อ ต้องการให้ขวัญ เรือนไปเสริฟอาหารให้ โดยไม่รู้ว่าขวัญเรือนคือ ผู้ที่ลูกชายของตนหมายแต่งงานด้วย ด้วยความฉลาดของขวัญเรือน อีกทั้งความกตัญญูรู้คุณมารดาของเธอ ทําให้นายเอื้อเกิดความเมตตาและได้ให้เงินเป็นรางวัลที่เธอเป็นคนดี
ในระหว่างที่มีการเล่นการพนันกันนั้น กรรมเก่าของนายเอื้อที่เคยกระทําต่อพ่อของขวัญเรือนก็ตามมาสนอง โดยเสียรู้นายมังกร คู่เล่นจนถึงกับหมดตัวเช่นเดียวกับรอยในคราวก่อน ซึ่งทําให้นายเอื้อถึงกับคิดจะฆ่าตัวตาย โดยจะยิงตัวตาย แต่ขวัญเรือนได้เข้ามาแย่งปืนไว้ และบอกให้รู้ถึงการ เล่นโกงของนายมังกร เป็นการป้องกันนายเอื้อ ซึ่งก่อให้เกิดบุญคุณเท่ากับชุบชีวิต พร้อมทั้งทรัพย์สินให้กับนายเอื้อ
เหตุการณ์ผ่านมาในด้านที่ดีสําหรับขวัญเรือน เธอได้อาศัยอยู่กับนายเอื้อด้วยความสุขสบาย จนกระทั่งพบกับอรรถในสภาพที่จนกรอบได้ช่วยเหลือพากลับมาที่บ้าน เรื่องทั้งหลายจึงได้ถูกเปิดเผยขึ้นทั้งในด้านดีและร้าย นายเอื้อจึงตกลงใจยกไร่ “ปางโศก” คืนให้แก่ขวัญเรือน และด้วยความสานึกในบาปที่สร้างไว้กับบิดาของเธอ ส่วนสมบัติที่เหลือยกให้กับคนทั้งสองครองสุขสืบต่อกันไป
แสดงความคิดเห็น