เรื่องย่อ
เด็กหญิงสไบทองสูญเสียมารดา ที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวไป มัลลิกา (เปียทิพย์ คุ้มวงศ์) ซึ่งเป็นน้าสาวมารับตัวจากบ้าน ซึ่งบ้านอยู่ในย่านสลัมไป อยู่ในบ้านเช่าซื้อ ซึ่งเสี่ยอุเทน (ศิริพงษ์ อิศรางกูร) จัดหาให้มัลลิกา ในฐานะเมียน้อย อันที่จริงมัลลิกาไม่ใช่น้าแท้ ๆ ของสไบทอง เป็นเพียงน้าเลี้ยงที่ยายของสไบทองขอจากโรงพยาบาล มาเลี้ยงตั้งแต่ยังเล็ก ๆ เพื่อ ให้มาเป็นเพื่อนกับแม่ของสไบทองเมื่อรุ่นสาว มัลลิกาประพฤติตัวไม่ดี จึง ถูกตาของสไบทองไล่ออกจากบ้าน แม่ของสไบทอง ได้ติดต่อให้ความช่วย เหลือตลอดมา มัลลิกาจึงรักแม่ของสไบทองมาก และวาระสุดท้าย ครอบครัวของสไบทองยากจนลง ตา-ยาย-พ่อ ค่อยๆ ล้มหายตายจากไปตามลําดับ จนท้ายที่สุดก็ต้องจากไปเมื่ออายุสไบทองเพียง 9 ขวบ
สไบทอง (เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์) มาพักอยู่กับมัลลิกา ด้วยความไม่เต็มใจ ของเสี่ยอุเทนที่ไม่ค่อยชอบเด็กนัก มัลลิกาจึงเอาสไบทองไปอยู่โรงเรียนประจํา จนสไบทองใกล้จบการศึกษา ม.ศ. ปลาย วันหนึ่งมัลลิกามารับสไบทองกลับบ้าน เมื่อถึงบ้านปรากฏว่าเสี่ยอุเทนตายเสียแล้ว ที่บ้านใหญ่เมียหลวงของเสี่ยมายึดบ้านคืน ทั้งนี้เพราะยังไม่ได้โอนเป็นชื่อมัลลิกา มัลลิกาจึงพาทองไปอาศัยอยู่กับคุณทิว (มานพ อัศวเทพ) เศรษฐีขี้เมา เพราะเสียใจอยู่กับความหลังที่ต้องสูญเสียเมียไปหลายปีแล้ว
มัลลิกา ปรนนิบัติและเอาใจเก่ง คุณทิวจึงตกลงให้มัลลิกาเป็นเมียคนใหม่ โดยมอบหมายการเงินการทอง เพื่อการทํากิจการค้าขายให้มัลลิกาจัดการเองสร้างความโกรธแค้นให้กับทอม (จีระศักดิ์ อิศรางกูรฯ) ลูกชายคนเดียวของคุณทิว ทอม มีลักษณะหน้าตากระเดียดไปทางแม่ ซึ่งเป็นชาวยุโรป ทอมเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ความเสียใจมีมากจนถึงกับ เตลิดหายสาบสูญไป ทั้งๆ ที่เรียนวิศวะ
ยังไม่สําเร็จ ในช่วงเวลานี้ทองได้เข้าศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยจุฬาฯ คณะบัญชี ตามความเห็นของมัลลิกาที่จะให้ทองมาเป็นหูเป็นตาเรื่องการเงินให้
มัลลิกาใช้ชีวิตหรูหราฟู่ฟ่า และทําทุกอย่างด้วยความหน้าใหญ่ เพื่อปรารถนาได้ตําแหน่งคุณหญิง คบหาสมาคมและบริจาคให้กับสังคมระดับมือหนักทั้งนั้น ไม่นานนักกิจการต่าง ๆ ก็ คลอนแคลน (คุณทิวดื่มเหล้ามากจนเป็นอัมพาต) มัลลิกาขายสมบัติเก่าของทิวบ้าง กู้หนี้ยืมสินเค้ามาบ้าง เพื่อพยุงฐานะทางการค้าและหน้าตาตัวเองไว้ ในตอนนี้ในจํานวนผู้ที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ก็มีดําเกิง (อดุลย์ ดุลยรัตน์) หนุ่มใหญ่เศรษฐีเหมืองแร่ภูเก็ตอยู่ด้วย ดําเกิง ชอบทอง หลังจากจบการศึกษาแล้ว มัลลิกาจึงจับทองแต่งงานกับคําเกิง ทองไม่มีทางเลือก เพราะตลอดเวลาถูกน้าสาวเป็นผู้กําหนดชีวิตให้ทองอยู่กับดําเกิงที่ภูเก็ต ทองได้รู้ความลับของดําเกิงว่า ถูกตัดเครื่องเพศ ไปแล้ว เพราะอุบัติเหตุ ทองจึงเบาใจ ดําเกิงพาทองเข้าไปดูเหมือง และคุยว่าเขามีผู้จัดการเหมืองที่เข้มแข็งมาก แต่เมื่อถูกแนะนําให้รู้จักกับทองก็ตลึง เพราะผู้จัดการที่ว่าก็คือ ทอมลูกของคุณทิวนั่นเอง
ที่ในเหมือง ทอมด่าว่าและรังแกทอง เพื่อให้สาสมกับที่น้าสาวทองได้ทํากับเขา โดยไม่แยแสว่าเขาจะต้องถูกไล่ออกจากงาน แต่สไบทองเก็บเรื่องนี้ไม่ได้บอกสามี เพราะมีความเห็นใจทอมที่ถูกน้าสาวโกงสมบัติของพ่อ
ดําเกิงมีความกดกันทางเพศมาก คืนหนึ่งเขาได้ข่มขืนทอง ด้วยกรรมวิธีพิสดารจนทองทนขยะแขยงไม่ได้ ทองหนีกลับมาหาน้า น้าก็จัดส่งไปให้ดําเกิงอีก ทองจําใจต้องยอมเพราะทราบว่าบ้านเก่าแก่หลังสวยงาม สมบัติชิ้นสุดท้ายของคุณทิวซึ่งนอนรักษาตัวเองอยู่ ได้ตกเป็นของคําเกิงแล้ว เพราะมัลลิกาจํานองขาด ทองให้คํามั่นสัญญาต่อคุณทิวว่า ตัวเองจะพยายามเอากลับมาให้ได้ ทองต้องทนต่อความวิปริตของดําเกิง เพื่อกรรมสิทธิ์บ้านหลังนั้น ดําเกิงเห็นใจยกให้ทอง แต่ต่อมาวันหนึ่งดําเกิงเมามาก เขาแสดงบทรักกับทองอย่างผิดมนุษย์ ทองถึงกับต้องวิ่งออกมาจากห้อง ด้วยเลือดที่ไหล เลอะเต็มตัว และมาสลบลงที่เชิงบันได ทอมพาทองไปหาหมอ ประจําตัวดําเกิง
หมอแนะนําว่า ทองจะไม่สามารถทนต่อดําเกิงได้ ทั้งทางร่างกายและจิตใจ หมอจึงช่วยพูดให้ดําเกิงเข้าใจ ทองเสียสติไม่พูดไม่จากับใคร ทําให้ดําเกิงกลุ้มใจ ดำเกิงนั้นปกติจะเป็นคนสุภาพมีเหตุผล แต่ใต้ลงไปในอํานาจของดำกฤษณานั้นผิดปกติ จนเมื่อเกิดขึ้นแล้วจะไม่สามารถบังคับตัวเองได้
ดำเกิงให้ทอมช่วยดูแลทอง ส่วนตัวเผอิญไปได้เด็กสาวลูกคนงานในเหมือง ซึ่งมีอารมณ์รุนแรงและผิดปกติเช่นเดียวกัน ทั้งสองรู้สึกว่าไปกันได้สวยมาก ทองจึงรอดพ้นจากการถูกทําร้ายของดำเกิง ประกอบกับทอมได้เริ่มเข้าใจในความรัก ที่ทองมีต่อพ่อของตัวเอง จนต้องเสียสละ เช่นนี้ จึงดูแลทองเป็นอย่างดี จนทองมีอาการดีขึ้น ดําเกิงยอมหย่ากับทอง ปล่อยทองเป็นอิสระ ทองกลับบ้านไป พบคุณทิวค่อยยังชั่วขึ้น และไปรับน้าสาวออกมาจากโรงพยาบาลโรคจิต เพราะปรากฏว่ามัลลิกาเป็นโรคจิต อ่อน ๆ มา นานแล้ว แต่แสดงออกมาในรูปของความฟู่ฟ่าและบ้าสังคม ซึ่งในระยะหลังอาการมากจนต้องนําส่งโรงพยาบาล เมื่อค่อยยังชั่วแล้ว ได้กลับมาอยู่บ้านร่วมกับคุณทิว และสไบทอง ทอมเองก็ลาออกจากเหมืองเดินทางกลับบ้าน เพื่อการรวมชีวิตครอบครัวกันใหม่ ด้วยความเข้าใจอันดีต่อกัน
นักแสดง:
จีระศักดิ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา | ||
เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์ | ||
เปียทิพย์ คุ้มวงศ์ | ||
มานพ อัศวเทพ | ||
อดุลย์ ดุลยรัตน์ | ||
กันทิมา ดาราพันธ์ |
วันที่เข้าฉาย: 27 พฤศจิกายน 2519
ทิตยาภาพยนตร์ โดย องุ่น ประศาสน์วินิจฉัย
จาก “ข้าวนอกนา” มาเป็น “เงาราหู”
เงาราหู
ของ โสภาค สุวรรณ
เปี๊ยกโปสเตอร์ กำกับการแสดง
เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์ จิระศักดิ์ อิศรางกูร
มานพ อัศวเทพ, เปียทิพย์ คุ้มวงศ์, อดุลย์ ดุลยรัตน์,
ศิริพงษ์ อิศรางกูร, กันทิมา ดาราพันธุ์
บุญรักษ์ นิลวงศ์ ผู้ช่วยผู้กำกับ
โชน บุนนาค ถ่ายภาพ
นิวไฟว์สตาร์ จัดจำหน่าย
*ใบปิดวาดโดย ทองดี
แสดงความคิดเห็น